ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1562 ดาบมารออกฝัก
คมดาบที่ดำราวน้ำหมึก
ฝ่ามือที่ขาวราวหยก
ยื่นออกมาจากความว่างเปล่าตามลำดับ จากนั้นก็ปรากฏเงาร่างของสตรีอาภรณ์ขาว
ก่อนหน้านี้ไร้สุ้มไร้เสียง ในขณะนี้ประกายดาบสว่างขึ้น เมฆลมบังเกิด!
ประกายดาบที่เหมือนไร้รูปร่าง ทำลายลมสมาธิ ในที่สุดปรากฏร่องรอยแท้จริง จิตจริงแท้จากความเด็ดขาดอันดุร้าย และการทำลายล้างอันเกรี้ยวกราดซึ่งซ่อนแฝง ระเบิดออกมาหมดสิ้น ราวกับวันสิ้นโลกมาถึง
เฟิงอวิ๋นเซิงตาเป็นประกายสีดำ บนศีรษะมีสองบุปผาบนกระหม่อม สร้างเหวลึกโกลาหลอันน่ากลัวขึ้นมาประสานกับตัวนาง
กระบวนท่าเหวลึกโกลาหลสูญที่เกรี้ยวกราดสุดขีด ฟันทวนวงเดือนของอินเจียวจนหักสะบั้น!
ประกายดาบไม่ลดลง ฟันใส่ตัวอินเจียว
‘นางยังเป็นสุญญตา แก่นเซียนทำร้ายบุปผาเซียนมหาชาลของเราไม่ได้…ไม่ถูกต้อง!’ อินเจียวเดิมทียังคำนวณว่าถ้าหลบไม่ทัน จะใช้ร่างเซียนสวรรค์สุญญตาต้านทานดาบเฟิงอวิ๋นเซิง
โถงเซียนทราบผ่านพวกยุทธวิชัยพุทธะที่เคยสู้กับเฟิงอวิ๋นเซิงว่า อำนาจมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมที่เฟิงอวิ๋นเซิงได้มามีจำกัด ถึงแม้จะเหี้ยมหาญล้ำเลิศ แต่ไม่เหมือนคนที่ฝึกฝนคัมภีร์โกลาหลสูญ ที่ใช้ร่างเซียนกำเนิดสังหารเซียนสวรรค์
ดังนั้นพอเห็นบนศีรษะของเฟิงอวิ๋นเซิงมัแค่สองบุปผาบนกระหร่อม อินเจียวขณะแตกตื่นกลับไม่ลนลาน
ทว่าพอสัมผัสประกายดาบอย่างละเอียด สีหน้าของอินเจียวก็เปลี่ยนแปลงไป รีบร้อนสั่นกระดิ่งสั่นวิญญาณ
ภายใต้การส่องแสงจากประดายดาบความมืด เสียงกระดิ่งไร้รูปร่างเหมือนกับผนึกตัวเป็นสสาร
เสียงกระดิ่งเกี่ยววิญญาณถูกประกายดาบสาดต้องใส่ พลันสลายไปดุจควันเมฆ
ประกายดาบที่น่ากลัวนั้นยังคงฟันลง
ต่อให้อินเจียวระวังตัว หลบหลีกได้อย่างฉับพลัน แต่ว่ามือที่ถือกระดิ่งสั่นวิญญาณของเขา ยังถูกเฟิงอวิ๋นเซิงฟันขาดในดาบเดียว!
ศีรษะสามข้างและแขนหกข้างของเขา ยังถูกดาบฟันศีรษะหนึ่งข้างและแขนสองข้างขาดไป
อินเจียวครางหนักๆ คำหนึ่้ง โซเซถอยหลัง
พวกปีศาจลมเหลือง อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ เซียนหัวมังกรล้วนแตกตื่น
ในเหวลึกโกลาหลที่ชั่วร้ายผืนหนึ่งกลางความว่างเปล่าอันมืดมิด ร่างของเฟิงอวิ๋นเซิงลอยๆ จมๆ บัดเดี๋ยวหายบัดเดี๋ยวปรากฏ ราวกับร่างแปลงและผู้ปกครองของจุดจบแห่งธรรมชาติ
ยากจะบรรยาย ยากจะพรรณนาเหมือนกับความโกลาหล ขณะเดียวกันก็ทำให้คนอดเกิดความรู้สึกสิ้นหวังจนชาด้านไม่ได้
ศีรษะและแขนของอินเจียวที่ถูกฟันหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนกับว่าไม่เคยปรกฏและดำรงอยู่บนโลกใบนี้มาก่อน
พอมองปากแผลบนร่างของอินเจียว เหมือนกับคงอยู่ตลอดกาล มิอาจรักษาได้อีก
‘นางรอบรับอำนาจของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม เดิมสมควรไม่สมบูรณ์…’ อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะสีหน้าเคร่งขรึม ‘ตัวนางก้าวเท้าไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง เข้าใกล้มารสวรรค์ปัจฉิมธรรมแล้ว!’
ฉวีซูนึกถึงคนผู้หนึ่งที่เขาเคยสัมผัสด้วย
ตอนนั้นเขายังมิใช่เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลอย่างในปัจจุบัน อีกฝ่ายมีระดับพลังฝึกปรือแค่เซียนลี้ลับสงบนิ่ง
เจี่ยนซุ่นหวา ราชันพระราหู หนึ่งในเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่แห่งโลกซ้อนโลก!
ผู้ที่เชี่ยวชาญการลอบโจมตีและการลอบสังหารมากที่สุดในเก้านพเคราะห์คุนหลุน
สังหารผู้คนอย่างไร้เค้าลาง หนึ่งดาบคร่าชีวิต จากนั้นก็จากไป
ดาบเมื่อครู่ของเฟิงอวิ๋นเซิงแสดงแก่นวรยุทธ์ของเจี่ยนซุ่นหวาออกมาหมดจด
ถึงขั้นที่ต่อให้เจี่ยนซุ่นหวามีพลังฝึกปรือในระดับเดียวกัน ก็ใช่ว่าจะฟันดาบที่ชั่วร้ายขนาดนี้ออกมาได้
แม้แต่ยอดฝีมือชั้นมหาชาลอย่างปีศาจลมเหลือง เป็นเพราะว่าจิตสังหารมิได้เล็งที่ตัวเอง ต้องรอวินาทีที่
เฟิงอวิ๋นเซิงออกดาบจริงๆ จึงค่อยสัมผัสได้ว่านางเข้ามาใกล้อย่าไร้สุ้มไร้เสียงแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอมองเฟิงอวิ๋นเซิง รู้สึกสะท้อนใจ ‘อวิ๋นเซิง นี่จึงเป็นบุคลิกที่แท้จริงของเจ้า…’
การฝึกฝนดาบสิ้นธรรมแห่งหุบเหวโกลาหลสูญสำเร็จ ทำให้เฟิงอวิ๋นเซิงมีคามก้าวหน้าด้านพลังเพิ่มขึ้นมาก แต่เพื่อกดข่มไม่ให้สำนึกมารกัดกินจิตใจ ในเวลาส่วนใหญ่แล้วนางจะงำประกายของตัวเองเอาไว้
นี่ความจริงขัดกับเจตจำนงวรยุทธ์และจิตใจตามปกติของนาง
เปรียบเทียบกัน เหมือนกับดาบเล่มหนึ่งมีคุณสมบัติดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าควมคมกล้ากลับค่อยๆ ทื่อลง
เหมือนตอนเฟิงอวิ๋นเซิงเข้าเป็นศิษย์ของเขากว่างเฉิง ก็อยู่ในสภาพแวดล้อมที่กินดีอยู่ดี มิต้องร่อนเร่กลางลมฝนเผชิญความยากลำบากอีก
ทว่าขณะที่พลังฝึกปรือเพิ่มสูงขึ้น เฟิงอวิ๋นเซิงก็สัมผัสได้อย่างลึกซึ้งว่า ตนเองแข็งแกร่ง แต่ก็อ่อนแอเช่นกัน
ดังนั้นนางจึงกัดฟันออกจากเขากว่างเฉิง ข่มความคิดถึงและความรักที่มีต่อเยี่ยนจ้าวเกอ เดินทางเก็บเกี่ยวประสบการณ์คนเดียว นี่จึงค่อยเกิดเรื่องที่เข้าสู่นพยมโลกในภายหลัง
แต่ว่าขณะต่อสู้กับเจี่ยนซุ่นหวาบนนพยมโลกในตอนที่ออกเก็บเกี่ยวกระสบการณ์คนเดียว กลับเป็นเฟิงอวิ๋นเซิงรู้สึกว่าตัวเองได้รับช่วงเวลาของการเกิดใหม่ พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดอีกครั้ง
ต่อมาเป็นเพราะว่าอำนาจของมารสวรรค์ปัจฉิมธรรม นางจึงเก็บดาบเข้าฝัก
นางได้เลื่อนสู่ขั้นสูงสุดของระดับสุญญตาเพราะวาสนา กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากระดับมหาชาลสำนักเต๋าอยู่นาน ถึงขั้นที่สามารถสู้กับคู่ต่อสู้ชั้นมหาชาลส่วนหนึ่งได้
ทว่าเฟิงอวิ๋นเซิงรู้สึกว่ายังไม่พอ!
ตอนต่อสู้กับจอมมารนพยมโลกติดต่อกัน แต่สุดท้ายกลับพ่ายแพ้ โดนมารทองแกมุดช่องว่างได้
ขณะที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอคับข้อง เฟิงอวิ๋นเซิงก็ไม่ยอมเช่นกัน
นางขัดเกลาดาบมารของตัวเองเพิ่มอีกระดับ!
หลังจากฝฝ่ายตนตามหากระบี่ลวงเซียนสำเร็จ และกลับโลกซ้อนโลก เฟิงอวิ๋นเซิงก็เข้าฌานฝึกฝนมาโดยตลอด นอกจากพูดคุยกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ตนเองตั้งใจศึกษาค้นคว้า
โซ่ที่เคยผูกมัด นางเริ่มใช้ท่วงท่าการสั่งสมมากกว่าเดิม และความอดทนมากกว่าเดิมอย่างหนึ่งเข้าสู้
นางเริ่มศึกษาแก่นวรยุทธ์ของเจี่ยนซุ่นหวาที่เคยทำให้นางต้องลำบาก และเผชิญอันตรายรอบด้านอย่างจริงจัง
วิถีวรยุทธ์ของตัวเฟิงอวิ๋นเซิงเปิดเผยตรงไปตรงมา มีทั้งแข็งทั้งอ่อน และโอ่อ่าผ่าเผย
นางไม่ได้เปลี่ยนจิตวรยุทธ์ของตัวเองเป็นวิถีนักฆ่าของเจี่ยนซุ่นหวาโดยสมบูรณ์ แต่ใช้การหลอมรวม
สุดท้ายกลายเป็นรูปแบบตอนแรกสะกดตอนหลังพัฒนา เร้นหลับหากคลุ้มคลั่งเหมือนกับโบกตุ้มเหล็กสู้คลื่น ทะเลสาบ น้ำแข็งพังทลาย
เฟิงอวิ๋นเซิงเริ่มศึกษาทำความเข้าใจสำนึกมารที่ทำให้นางรู้สึกกริ่งเกรง ถูกมัดมือมัดเท้าอย่างล้ำลึกโดยที่ระมัดระวังแต่ไร้ความเกรงกลัวกว่าเดิม
ขณะที่ต้านทานอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง ก็เคี่ยวกรำจิตใจของตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง ต้องการเข้าใกล้กว่าเดิม ล้วงลึกเข้าไปกว่าเดิม เกาะกุมมากกว่าเดิม ควบคุมมากกว่าเดิม
การศึกษาและหลอมรวมจิตวรยุทธ์ของเจี่ยนซุ่นหวามีที่มาเช่นนี้
ตอนแรกซ่อนคม จากนั้นเปิดคม ต้องการควบคุมหากสะกดไว้ก่อน ซ่อนคมของตัวเอง เปลี่ยนจากเดียงสาเป็นโชกโชน ประกอบเป็นดาบอันเผ็ดร้อนซึ่งใกล้เคียงกับการลอบสังหาร กลับเสริมความแข็งแกร่งให้แก่พลังอันน่ากลัวของเหวลึกโกลาหลสูญอีกขั้น
กระทำหนึ่งอย่างได้ถึงสอง ในที่สุดวิชาดาบในปัจจุบันของเฟิงอวิ๋นเซิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ราวกับวันสิ้นโลกมาถึง!
ทำให้คมดาบของนางข้ามเส้นแบ่งระดับอย่างหนึ่งสำเร็จ
ดังนั้นพอดาบสิ้นธรรมที่แท้จริงมาถึง จึงเหมือนเทียบได้กับโกลาหลสูญแห่งสายเหนือพิสุทธิ์ ดาบแห่งสุญญตาทำร้ายมหาชาลได้!
นี่เป็นการออกดาบครั้งแรกหลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงเข้าฌานมาห้าสิบปี เกิดผลเหมือนซ่อนคมหล่อเลี้ยงกระบี่
ดาบนี้ฟันออก ไม่เลือกคนอื่น เพียงเลือกมหาชาลเป็นเป้าหมาย
ใช้เลือดของเซียนสวรรค์เปิดคมของดาบนี้!
ดาบนี้พอสำเร็จ เฟิงอวิ๋นเซิงก็สำเร็จวิชา
ฟันภัยพิบัติฟ้ากำเนิดด้วยดาบเดียว จากนั้นก็ขึ้นสู่ระดับมหาชาล!
เห็นตัวนางจมลงไปในเหวลึกโกลาหล ตำแหน่งตรงกลางระหว่างสองบุปผาบนศีรษะ ค่อยปรากฏบุปผาแสงดอกที่สาม!
สามบุปผาบนกระหม่อม ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด!
เสียงอันลี้ลับยากหยั่งคาดดังขึ้นจากหุบเหวโกลาหล
รอบๆ ถึงแม้มียอดฝีมือชั้นมหาชาลคนอื่นๆ อยู่ด้านข้าง แต่ว่าในเวลาเดียวกัน ถึงกับมองสภาพที่แท้จริงในตอนนี้ของเฟิงอวิ๋นเซิงไม่ออก