ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1563 อำนาจซึ่งเป็นเอก
ขณะที่เฟิงอวิ๋นเซิงขึ้นสู่ชั้นมหาชาล ในความว่างเปล่า สูงไกลไร้สิ้นสุด เหมือนกับแต่ละสถานที่ในโลกปรากฏระฆังสำริดใบหนึ่ง
ก่อนที่เสียงระฆังอันไพเราะจะดังขึ้น คันฉ่องอันดำสนิทใบหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
แสงกระจกสีขาวบริสุทธิ์ผนึกตัวบนคันฉ่องดำสนิท สาดส่องใส่ระฆังสำริด
ระฆังสั่นไหวเบาๆ เสียงดังขึ้น กระแทกแสงกระจกขาวบริสุทธิ์ออกไป
ขณะเดียวกัน บัวเขียวดอกหนึ่งก็โผล่ขึ้นขึ้น
บัวเขียวไม่ได้ต่อสู้กับระฆังโบราณเหมือนตอนที่เยี่ยนจ้าวเกออาละวาดบนโถงเซียน แต่สู้กับคันฉ่องสีดำสนิทนั้นเช่นกัน
กระจกสีดำใช้หนึ่งสู้สอง ยากจะแสดงพลังออกมา ถอยหายไปด้านหลัง
แต่ว่าพอถูกคันฉ่องสีดำนี้ขวาง การเคลื่อนตัวไปด้านหน้าของบัวเขียวกับระฆังสำริดก็หยุดนิ่งลง
ณ ขณะนี้ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน สถานการณ์รบกลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง
จักรวาลสั่นสะเทือน ประกายดาบไร้รูปร่างลอยออกมาจากในหุบเหวลึกโกลาหลที่เกิดจากเฟิงอวิ๋นเซิง
ประกายดาบกระจายไปทั่ว ทุกอย่างเหมือนถูกเติมเครื่องหมายจบประโยค มุ่งสู่ความว่างเปล่า ไม่เปลี่ยนแปลงถือกำเนิด คล้ายกับหยุดอยู่ในสภาพว่างเปล่า ณ ตอนนี้ชั่วนิรันดร์
ประกายดาบอันน่ากลัวไม่สนใจอินเจียวที่อยู่ตรงหน้า ฟันใส่ปีศาจลมเหลือง!
ปีศาจลมเหลืองสีหน้าเคร่งขรึม มองทิศตะวันออกเฉียงใต้พลางอ้าปากสามปาก ก่อนจะเป่าลมออกไปหอบหนึ่ง
จักรวาลพลันครอบคลุมอยู่ใต้เม็ดทรายผืนหนึ่ง ลมสมาธิอันรุนแรงมืดฟ้ามัวดิน จักรวาลไร้แสง
แต่ว่าประกายดาบที่ลอยออกมาจากความโกลาหลกลุ่มนั้นกลับผ่าลมสมาธิออกด้วยสภาวะผ่าไม้ไผ่
พอสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงด้านใน ปีศาจลมเหลืองตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม ด่าทอในใจ
เหมือนกับที่หมอกเหลืองแสงทองที่จ้าวปีศาจร้อยตาพ่นออกมาจากใต้สีข้างเป็นรากฐานของเขา ลมสมาธิก็เป็นไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของปีศาจลมเหลืองเช่น ยามสู้กับคน มีความสามารถเหนือกว่าทุกสิ่งที่เขาร่ำเรียน
แต่ว่าประกายดาบของเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ตรงหน้า ยังเป็นอวิชชาและเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าความสามารถของเขาและจ้าวปีศาจร้อยตาเสียอีก!
ประกายดาบนั้นฟันลง ไม่เพียงผ่าลมสมาธิออก ปีศาจลมเหลืองรู้สึกว่าผลจากความสามารถของตัวเองถูกลดพลังและแหลกสลายในด้านหลักการพื้นฐาน ถูกประกายดาบทำลายทิ้งโดยสมบูรณ์!
จิตดาบของเฟิงอวิ๋นเซิงในตอนนี้ ชั่วร้ายและแข็งแกร่งกว่าตอนที่สู้กับจ้าวปีศาจร้อยตาขณะอยู่ในระดับเซียนกำเนิดสุญญตา!
คมดาบอันน่ากลัวที่ทำลายวิถีบดขยี้มรรคา ส่งทุกอย่างสู่ความตาย และยุติทุกสิ่งโจมตีอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเวลาที่ผ่านไป ถึงกับกำลังทำลายลมสมาธิของปีศาจลมเหลืองทิ้งไป
หากสงครามนี้ดำเนินต่อไป แม้เขาจะรอดจากประกายดาบ ลมสมาธิก็จะถูกทำลายทิ้ง ภายหลังมิอาจใช้ได้อีก
นั่นเป็นมหามรรคาฟ้าดินที่ตนหลอมรวม ถูกสะบั้นการเชื่อมต่อทิ้งจากรากฐาน!
แต่ถ้าหากไม่ใช้ลมสมาธิ ก็เกรงว่ายากจะต้านทานความเหี้ยมหาญของเฟิงอวิ๋นเซิง หากดาบหนึ่งฟันมา จะฟันสามง่ามหักทันที!
ประกายดาบครอบคลุม ความพิสดารอันเป็นเอกลักษณ์ระดับมหาชาลมากมายเหมือนกับไม่คงอยู่อีก
เหวลึกโกลาหลสูญ
หุบเหวแห่งมหาชาล หุบเหวแห่งมหามรรคา เมื่อเข้าสู่หุบเหวลึกนี้ มหาชาลไม่คงอยู่ ไร้อิสระในทุกมิติเวลา!
เงาร่างของเฟิงอวิ๋นเซิงปรากฏขึ้น ในเหวลึกโกลาหล ยังคงเป็นอาภรณ์ขาว มัดหางม้าไว้ด้านหลัง ใบหน้ากระจ่างงดงาม สองตาเป็นประกายสีดำ
ปีศาจลมเหลืองถูกนางกดดันจนต้านซ้ายโหว่วขวา ลมสมาธิมิอาจแสดงความสามารถได้อีก
เวลานี้กายทองมหาเทวะสามร่างเงยหน้ากู่ร้อง
วานรปีศาจตนหนึ่งในนี้พ่นปราณพิสุทธิ์สายหนึ่งงออกมา มันแยกหนึ่งเป็นสามกลางอากาศ แล้วตกลงใส่ตัวเองและวานรปีศาจสองตนที่เหลือ
ผู้กลุ้มรุมอย่างพวกอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะ เซียนหัวมังกร สีหน้าเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
จากนั้นเห็นแสงทองทั่วฟ้าครอบคลุมกายทองมหาเทวะ ในเสียงคำรามสั่นสะเทือนแก้วหู ปราณปีศาจไร้สิ้นสุดพุ่งสู่ท้องนภา การดำรงอยู่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าเฟิงอวิ๋นเซิงในตอนนี้มาถึงอย่างเหี้ยมหาญ
อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะไม่ลังเลแม้แต่น้อย พาอินเจียวหนีไปทันที เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งหลบได้เร็ว
เซียนหัวมังกรกับเซียนงาวิญญาณหนีไปโดยไม่หันหลังกลับมาเช่นกัน
ปีศาจลมเหลืองกลายเป็นลมปีศาจ หลบประกายดาบของเฟิงอวิ๋นเซิง ม้วนฉวีซูถอยไปทันที
แต่แม้ว่าพวกเขาจะหนีเร็ว วานรปีศาจผู้เลิศภพจบแดนตนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในแสงสีทองแล้ว แยกเขี้ยวหัวเราะเย็นชา ยกกระบองสารพัดนึกขึ้นแล้วกวาดขวางออกไป
อาณาเขตตรงหน้าถูกทำลายหมดสิ้น!
ฉัตรทิพย์ของอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะถูกบดขยี้เป็นผุยผงในทันใด
ท่านรีบโยนตะเกียงทองบนศีรษะทิ้ง ไฟตะเกียงพลิกคว่ำ สารีริกธาตุหล่นลง ป้องกันตัวเอง
ไม่มีหยุดชะงักแม้แต่นิดเดียว สารีริกธาตุกลมเกลี้ยงถูกฟาดแหลก แม้แต่อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะก็ถูกกระแทกกระเด็น ล้มลงบนบัวเขียว
อินเจียวกัดฟันกดข่มอาการบาดเจ็บ หันมานำอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะที่น่าอนาถยิ่งกว่าเขาหนีไปอย่างรวดเร็ว
เซียนงาวิญญาณช้ากว่าเซียนหัวมังกรและปีศาจลมเหลือง รั้งท้ายสุด เห็นเหล็กเทวะอันน่ากลัวกวาดมา ภายใต้ความจนปัญญาได้แต่ใช้งวงปัดป้อง
งวงช้างที่สามารถม้วนเขาเทพจนล้ม ตัดทะเลดาว เพิ่งสัมผัสกระบองสารพัดนึก ก็เหมือนกับสายฟ้าฟาดใส่ จากนั้นก็หักจากตรงกลาง!
เซียนงาวิญญาณครางหนักๆ งวงถูกบิดขาดในทันที งาช้างหยาบใหญ่หกกิ่งถูกกระบองสารพัดนึกทำลายเป็นผุยผง
เซียนหัวมังกรกับปีศาจลมเหลืองพากันอ้าปาก ตนหนึ่งส่งแรงดึงดูดกลืนกินฟ้าดิน ดูดดาวเปลี่ยนจันทร์ออกมา ตนหนึ่งพ่นลมสมาธิ เป่าจักรวาล
หนึ่งดูดหนึ่งเป่า ต้องการสั่นไหวกระบองสารพัดนึก กลับถูกกวนคนมิติเวลา ยังคงฟาดใส่ร่างของเซียนงาวิญญาณ!
ครั้งนี้ควงกระบองสารพัดนึกได้ดุดันกว่าวานรปีศาจที่ก่อนหน้าอยู่บนชั้นสุญญตามาก
เซียนงาวิญญาณโดยพื้นฐานเป็นช้างเผือกหกงากลายพันธุ์ ร่างมีพลังพิเศษ ผิวแข็งเนื้อหนา
ทว่าพอรับกระบองนี้ เลือดเนื้อกระจายว่อน อวัยวะแหลกสลาย วิญญาณแทบถูกฟาดหลุดออกมาจากในเปลือกร่าง
เขาเพียงรู้สึกร่างกายหลุดออก อ้าปากส่งเสียงหอบ กลับเจ็บจนส่งเสียงไม่ออก
เซียนหัวมังกรต้องการช่วยเหลือ ทว่าเห็นร่างของเฟิงอวิ๋นเซิงโผล่ขึ้นด้านข้างเซียนงาวิญญาณอย่างไร้สุ้มไร้เสียง ก่อนฟันดาบหนึ่งลง
วิญญาณหลุดจากร่างของช้างขนาดมหึมา
เห็นสายตาของวานรปีศาจจับจ้องมองตน เซียนหัวมังกรไม่กล้าเสียเวลา รีบขี่ลมปีศาจหนีไป
ปีศาจลมเหลืองก็ไม่กล้าเข้าใกล้ไปเป่าลมสมาธิใส่ดวงตาของวานรปีศาจ ได้แต่รีบร้อนหลบหนี
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงมิได้ไล่ตาม ออกจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
ขณะที่ออกจากที่เดิม วานรปีศาจที่ถมเต็มฟ้าดิน เก็บกระบองสารพัดนึก เปลี่ยนเป็นแสงสีทอง แยกกลายเป็นกายทองมหาเทวะสามร่าง
กายทองมหาเทวะสองร่างในนี้กลับเป็นพ่านพ่านและสวีเฟย
วานรยักษ์ตัวหนึ่งที่เหลืออยู่อ้าปากกลืนเฟิงอวิ๋นเซิงเข้าไป
เฟิงอวิ๋นเซิงร่างกายเปลี่ยนแปลง กลายเป็นหุบเหวโกลาหล จากนั้นก็หดตัวเข้าหาตรงกลาง เหมือนฟ้าดินกลับสู่ช่วงที่ความขมุกขมัวไม่ได้เปิดออก
สุดท้ายเงาร่างของเฟิงอวิ๋นเซิงโผล่ขึ้น กระโดดออกมาจากจุดนั้น
จุดอันขมุกขมัวที่เดิมทีมิอาจบรรยายจุดนั้นเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง มีรูปร่างขึ้น สามารถสำรวจสามารถศึกษาสามารถบรรยายได้ สุดท้ายค่อยๆ กลายเป็นดาบยาวสีดำ
เฟิงอวิ๋นเซิงเก็บดาบยาวเล่มนี้เข้าไปในฝัก กลิ่นอายดับสูญก่อนหน้านี้หายไป เหมือนกับกลายเป็นคนธรรมดาที่ใช้วรยุทธ์ไม่เป็นคนหนึ่ง
“โชคดีที่วรยุทธ์เจ้าต่างจากคนอื่น ไม่ถึงกับเหมือนผู้อาวุโสสั่วและพวกเจ้าแม่อู๋ตัง ไม่อย่างนั้นข้าคงตอรอจนเป็นหินอีกแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้มขึ้นด้านข้าง
เฟิงอวิ๋นเซิงหัวเราะ “ระวังไว้ก่อนๆ”
ขณะที่พูด นางก็กระโดดขึ้น หดเล็กกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง บินเข้าไปในม่านตาข้างขวาของเยี่ยนจ้าวเกอ
‘มิอาจใช้มือซ้ายหรือมือขวาจริงๆ…’ เยี่ยนจ้าวเกอกะพริบตา ลูบคางของตัวเอง บินออกมาจากในร่างกายทองมหาเทวะนั้น
“พวกเราไปดูว่าเจ้าแม่อู๋ตังหากระบี่ลงทัณฑ์เซียนเจอหรือไม่” กายทองมหาเทวะเปลี่ยนกลับเป็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก เกาชิงเสวียนนำทุกคนจากไปด้วยความเร็วสูง