ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1565 ชื่อสะท้านห้าโลก
กว่างเฉิงจื่อที่ผ่านการทำงสงครามใหญ่ติดต่อกัน บาดแผลสั่งสม ถึงแม้จะสังหารเทพมารงูตนนั้นได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะอีกฝ่าย นอกจากจะสูญเสียแขนซ้ายของตนไป ในที่สุดอาการบาดเจ็บก็ถึงขีดจำกัดที่ยากหวนคืน กำเริบโดยสมบูรณ์
หลังจากสังหารเทพมารงู แล้วหนีเป็นระยะทายาวไกล เทวกษัตริย์ผู้เก่าแก่แห่งสำนักเต๋า ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสายหยกพิสุทธิ์ไม่กี่คนท่านนี้ สุดท้ายกลายเป็นตะเกียงหมดน้ำมัน สิ้นชีวิตกลางทะเลดาว ประกาศว่าตำนานอีกบทหนึ่งบนโลกใบนี้ปิดม่านลง
เยี่ยนจ้าวเกอพูดจบ เฟิงอวิ๋นเซิง สวีเฟย และเกาชิงเสวียนต่างทอดถอนใจ
“คนรู้จักเหลือน้อยเต็มที ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่ถูกกัน วันนี้หวนนึกดู พวกสหายร่วมเส้นทางกว่างเฉิงและอวี้ติ่งพากันพิทักษ์ธรรมถวายเป็นมงคล ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
ครู่ต่อมาในที่สุดเจ้าแม่อู๋ตังก็ละสายตา มองพวกเยี่ยนจ้าวเกอ “แต่ว่าปัจจุบันสำนักเต๋ามีความหวังที่จะรุ่งเรืองอีกครั้ง ถ้าหากว่าพวกสหายร่วมเส้นาทางกว่างเฉิงทราบ คงปลาบปลื้มยิ่ง”
สายตานางหยุดอยู่ที่ตาขวาของเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวอย่างแช่มช้า “ยินดีกับสหายร่วมเส้นทางขึ้นสู่มหาชาล เป็นอิสระตลอดกาล”
ร่างของเฟิงอวิ๋นเซิงลอยขึ้นมาในม่านตาข้างขวาของเยี่ยนจ้าวเกอ ฉายเงาไปกลางอากาศ “เจ้าแม่ชมเชยเกินไป ผู้เยาว์เพียงโชคดี”
“ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัว ปัจจุบันท่านเพิ่งขึ้นสู่มหาชาลก็ไม่ธรรมดาแล้ว หล่อเลี้ยงอีกไม่นาน จะต้องน่าทึ่งกว่าเดิม เหมือนกับสหายร่วมเส้นทางสั่วในตอนนั้น” เจ้าแม่อู๋ตังว่า
ประมารเจ็ดสิบปีก่อน สั่วหมิงจางราชันพระอังคารกลายเป็นคนที่สำเร็จตำแหน่งเซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลเป็นคนแรกหลังมหาภัยพิบัติของสำนักเต๋าสามพิสุทธิ์สายหลัก
ตอนนั้นสั่วหมิงจางเอาชนะมารเงา และมารไม้อิกซึ่งเป็นหนึ่งในหกสุดยอดมาร ทั้งยังสังหารเซียนสวรรค์สี่คนของโถงเซียน ทำให้จักรพรรดิราชันฟ้าตำหนักสวรรค์โกวเฉินมิอาจหยุดได้
ภายหลังยี่สิบปีผ่านไป เป็นเพราะว่าเรื่องการคืนชีพของมารน้ำกุ่ยและมารดินโบ่ว สำนักเต๋าสายหลักต่อสู้กับนพยมโลกครั้งแล้วครั้งเล่า
สั่วหมิงจางสู้กับมารเงาอีกครั้ง สะกดมารเงาตั้งแต่หัวไปจนถึงหาง กดดันได้อย่างเหลือเฟือ ถ้ามิใช่มารจิตแรกเริ่มกับเทพมารตนอื่นๆ ช่วยเหลือต้านทาน มารเงาที่ไม่เคยดับสูญมาก่อนถึงขั้นอาจจะเจอความตายครั้งแรกของตัวเอง
หลังจากกดดันเหล่ามารให้ถอยไป เป็นเพราะความตายของฝูหลัวจื่ออนุเทวะเผิงทอง เผิงท่องเมฆหมื่นลี้หัวหน้าเผ่านกเผิงยักษ์ปีกทอง ติดต่อกับมหาเทวะเผ่าปีศาจตนอื่นๆ ต้องการแก้แค้นพวกเยี่ยนจ้าวเกอและเกาชิงเสวียน แต่ถูกเซียนสวรรค์สำนักเต๋าเช่นพวกสั่วหมิงจางขัดขวาง
สองทัพที่ก่อนหน้านี้ยังโจมตีเหล่ามารด้วยกัน เพียงหมุนตัวก็บังเกิดสงครามใหญ่ครั้งที่สองระหว่างกัน
ในสงครามครั้งนี้ สั่วหมิงจางต่อสู้กับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ ทำให้อีกฝ่ายมิอาจถอนตัวไปได้ อาศัยพลังของตัวเองคนเดียวสะกดความเร็วที่แทบเป็นเอกในชั้นมหาชาลของเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ กระทำเรื่องที่เหล่าพุทธะมากมายต้องร่วมมือกันกางค่ายกลถึงจะกระทำได้ในสงครามระหว่างปีศาจกับพุทธก่อนหน้าจนสำเร็จ
สองฝ่ายไม่ยอมเลิกรา จนกระทั่งเยี่ยนจ้าวเกอาละวาดบนโถงเซียน เผ่าปีศาจกับแดนสุขาวดีบัวขาวก็โจมตีโถงเซียนด้วยสภาวะคลื่นถั่งโถม เผิงท่องเมฆหมื่นลี้มิอาจทำสำเร็จด้วยตัวคนเดียว ได้แต่ถอยออกจากสนามรบ มุ่งหน้าไปยังโถงเซียนพร้อมกับจอมปีศาจตนอื่นๆ
หลังจากแดนสุขาวดีตะวันตกส่งมหาวิทยราชมยุรีออกเขา กลับหันไปสร้างความวุ่นวายแก่โลกซ้อนโลกของสำนักเต๋า
พุทธะทั้งหลังลงมือขัดขวางการช่วยเหลือของเซียนสวรรค์สำนักเต๋า
ดังนั้นหลังจากต่อสู้กับนพยมโลกและเผ่าปีศาจเสร็จ พวกสั่วหมิงจางก็ทำศึกครั้งที่สาม
มังกรอัคคีที่เคยสั่นสะเทือนจักรวาลยิ่งสู้ยิ่งเหี้ยมหาญ ต่อจากมารเงาและเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ ก็สู้กับวัชรอภิณท์พุทธะซึ่งเคยอยู่ในสามสิบห้าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีอภิรดีศูนย์กลาง เป็นรองเพียงพระศรีศากยมุณีพุทธเจ้า
ในยุคโบราณตอนกลาง แดนอภิรดีศูนย์กลางรุ่งเรือง วัดลุ่ยอิมแห่งตะวันตกมีพุทธะสามสิบสี่องค์ห้อมล้อมรอบๆ พระพุทธเจ้า เรียกรวมๆ ว่าสามสิบห้าพุทธะ
อินทรเกตุธวัชราชาพุทธะอยู่อันดับสาม ส่วนวัชรอภิณท์พุทธะอยู่ตำแหน่งอันดับหนึ่งข้างกายพระพุทธเจ้า เป็นยอดฝีมือของศาสนาพุทธสายหลักที่มีจำนวนจำกัด แสดงจิตจริงแท้ของเทวราชไม่พังทลาย ปัญญาคงอยู่ชั่วกาล
ในแดนอภิรดีศูนย์กลาง ณ ตอนนั้น ผู้ที่เทียบเคียงกับท่านได้ คือคนไม่กี่คนเช่นมหาวิทยราชมยุรี ทีปังกรพุทธะ และเมตไตรยพุทธะที่ยังไม่กลายเป็นพระพุทธเจ้า กับวิทยราชต้าเผิง
หลังยุคโบราณตอนกลาง แดนอภิรดีศูนย์กลางเกิดการแบ่งแยก วัชรอภิณท์พุทธะกับอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะเหล่ายอดฝีมือแห่งศาสนาพุทธสายหลักเปลี่ยนไปเข้ากับแดนสุขาวดีตะวันตก
ปัจจุบันแดนสุขาวดีตะวันตกช่วยเหลือโถงเซียน เผ่าปีศาจช่วยเหลือแดนสุขาวดีบัวขาว สองฝ่ายทำศึกต่อสู้กัน ผู้นำของสองฝ่ายในสงคราม เป็นวัชรอภิณท์พุทธะสู้กับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้
มิติเวลา มีความเร็วน่าตระหนก องค์หนึ่งเป็นเทวราชไม่พังทลาย มีพลังป้องกันแข็งแกร่ง ต่างเป็นผู้เข้มแข็งที่ทำให้คู่ต่อสู้ปวดศีรษะ ใช้หนึ่งสู้ศัตรูมากในสถานการณ์ทั่วไปได้
แต่ว่าสั่งหมิงจางต้องการใช้แกร่งข้ามแกร่ง ใช้แข็งชนแข็ง ปะทะกับวัชรอภิณท์พุทธะซึ่งหน้า จนอีกฝ่ายต้องตั้งรับมากกว่าโจมตี สุดท้ายเกือบโดนฝ่าการป้องกันออกไปอย่างผ่าเผย
ดังนั้นสงครามเมื่อห้าสิบปีก่อน สั่วหมิงจางได้สั่นสะท้านทั่วหล้าอีกครั้ง
มารเงาที่สามารถสู้สูสีกับคนส่วนหนึ่งในชั้นมหาชาล
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ที่มีความเร็วแทบเป็นหนึ่งบนชั้นมหาชาล ต่อหน้าผู้เข้มแข็งชั้นมหาชาลยังเกือบคงอยู่ทุกที่ได้
วัชรอภิณท์พุทธะมีการป้องกันจากกายทองเป็นอันดับหนึ่งในระดับมรรคา ท่ามกลางเหล่าพุทธแห่งตะวันตก
ทำสงครามกับยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่สามคนติดต่อกัน ทั้งไม่เคยเสียท่า ชื่อของสั่วหมิงจางสั่นสะเทือนไปทั่วนพยมโลก โถงเซียน บัวขาว ตะวันตก ห้าโลกกลางทะเลดาว ความยิ่งใหญ่ถึงขั้นกลบเซียนสวรรค์สำนักเต๋าที่เก่าแก่อย่างเจ้าแม่อู๋ตัง จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ และจักรพรรดิโกวเฉิน
ในช่วงเวลาห้าสิบปีให้หลัง สั่วหมิงจางปรากฏตัวเพียงไม่กี่ครั้ง
เป็นเพราะการดำรงอยู่ของเขา ทำให้เหล่าเจ้ามรรคาต้องให้ความสนใจ มิอาจไม่ป้องกันยอดฝีมือระดับมรรคาหยุดความขัดแย้งระหว่างกัน และไปหาเรื่องเขาก่อน
ทุกคนกำลังจับตาดูว่า คนรุ่นหลังที่เลื่อนสู่ชั้นมหาชาลได้ไม่เกินร้อยปีผู้นี้ วันนี้เดินถึงระดับใดแล้ว
“ผู้อาวุโสสั่วมีพรสวรรค์น่าทึ่ง เดินทีละก้าวๆ มาถึงวันนี้ ผู้เยาว์มิอาจเทียบเคียงได้” เฟิงอวิ๋นเซิงคารวะเจ้าแม่อู๋ตัง
เจ้าแม่อู๋ตังส่ายหน้า “สหายร่วมเส้นทางสั่วสร้างเส้นทางตัดนภาเป็นของตัวเอง ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน ทุกๆ ครั้งที่เขาเดินไปด้านหน้า บ่งบอกว่าหลักการของตัวเองถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม บรรลุถึงระดับใหม่ ดังนั้นการฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดจึงใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบปี พลังกลับน่าตกตะลึงขนาดนี้ เป็นที่คาดได้ว่าตอนนี้คงจะแข็งแกร่งกว่าเดิม”
“ส่วนเส้นทางของสหายร่วมเส้นทางท่าน แม้ว่าจะละหม้ายเหมือนคัมภีร์โกลาหลสูญสายเหนือพิสุทธิ์ของข้า แต่กลับเป็นเส้นทางใหม่โดยสิ้นเชิง อนาคตยากหยั่งคาด คล้ายกับสถานการณ์ของสหายร่วมเส้นทางสั่ว”
ถึงอย่างไรมารสวรรค์ปัจฉิมธรรมก็ไม่เคยจุติมาก่อน
เพื่อกำจัดสำนึกมาร เฟิงอวิ๋นเซิงได้หลอมรวมความเข้าใจของตัวเองกับหลักการวรยุทธ์อย่างอื่นเข้าไป
เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าว “ทะเลมรรคาไร้ขอบเขต ยิ่งเข้าใกล้มรรคาก็ยิ่งลำบาก ผู้เยาว์วิงวอนโชคจากฟากฟ้า จนมีชะตาอย่างวันนี้ รู้สึกหวาดกลัวจริงๆ ได้แต่มุมานะบากบั่น ขัดเกลาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวเดินไปด้านหน้าต่อ”
เจ้าแม่อู๋ตังพยักหน้า หันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ฝึกสามพิสุทธิ์ร่วมกัน ข้ายิ่งคาดหวังต่ออนาคตของเจ้ามากกว่า”
“ขอบคุณคำอวยพรของเจ้าแม่” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย
“เจ้ามรรคาทั้งหลายที่แล้วมาไม่เคยสนใจผู้อยู่ต่ำกว่ามหาชาล” เจ้าแม่อู๋ตังเอ่ยต่อ “ดังนั้นกระบี่ลงทัณฑ์เซียนนี้ข้าจะไม่เก็บไว้ ขอมอบให้พวกเจ้าเก็บรักษา”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเกาชิงเสวียนพยักหน้าขานรับ จากนั้นได้ยินเจ้าแม่อู๋ตังกล่าว “แต่ว่ากระบี่นี้มีความแปลกประหลาดหลายส่วน จำเป็นต้องบอกให้พวกเจ้ารู้ก่อน”