ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1569 ผู้สืบทอดคนแรกแห่งหยกพิสุทธิ์
“ท่านเป็นเทพเทวาองค์ใดกันแน่…องค์ใดกันแน่…กันแน่…”
เสียงของเยี่ยนจ้าวเกอสะท้อนกลางโลกสีเหลืองขมุกขมัว
เนิ่นนานให้หลัง หางเสียงหายไปในโลกอันกว้างไกล
เยี่ยนจ้าวเกอยืนนิ่งกับที่ สีหน้าสงบนิ่ง คล้ายกับไม่กลัวว่าตัวเองอาจสะกิดความโกรธของเซียนสวรรค์มหาชาลคนหนึ่ง
เฟิงอวิ๋นเซิงยืนอยู่ข้างเขา สีหน้าเรียบเฉย ดวงตาสงบนิ่งเช่นกัน
“ข้ามีลายมือของเจ้าแม่โฮ่วถู่ มิใช่ความลับ” เยี่ยนจ้าวเกอกวาดมองรอบๆ “ท่านเปลี่ยนแปลงปลอมเป็นเจ้าแม่โฮ่วถู่อย่างสมจริง น่าจะค่อนข้างมีความเข้าใจต่อเจ้าแม่โฮ่วถู่ คงคิดได้ไม่ยากว่าข้าที่ครอบครองลายมือแห่งแผ่นดินไม่พบหน้าท่านยังพอว่า หลังจากพบแล้วจริงๆ ก็อ่านมองช่องโหว่วออก”
“ถ้าหากก่อนหน้านี้เป็นการทดสอบ ข้าผู้แซ่เยี่ยนสำนึกตัวว่าสมควรผ่านด่านแล้ว”
ในโลกสีเหลืองขมุกขมัวในที่สุดมีเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นอีกครั้ง
“การทดสอบมิกล้ารับ ก็แค่ละครตลกร้ายฉากเล็กๆ ฉากหนึ่งเท่านั้น” เสียงฟังตอนแรก ยังคงอบอุ่นและจริงใจเหมือนเจ้าแม่โฮ่วถู่เมื่อครู่ แต่ภายหลังค่อยๆ ชัดเจนสว่างไสวขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเหมือนนึกอะไรออก “สามารถกลายเป็นคนอื่นได้สมจริงถึงเพียงนี้ ไม่เพียงรู้จักเจ้าแม่โฮ่วถู่ก็เพียงพอ ถึงอย่างไรภรรยาข้าก็ขึ้นสู่มหาชาล การเปลี่ยนแปลงทั่วไปมองออกได้ไม่ยาก”
“มีความสามารถการเปลี่ยนแปลงแข็งแกร่งขนาดนี้ สามารถปิดบังยอดฝีมือระดับเดียวกัน ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ความจริงมีแค่ไม่กี่คนกระมัง?”
อีกฝ่ายตอบ “เพียงแค่ปาหี่เล็กๆ เท่านั้น”
พร้อมกับประโยคนี้ สีเหลืองขมุกขมัวตรงหน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ สลายไป สถานที่ที่อยู่กลายเป็นเอกภพอันกระจ่าง ทะเลดาวที่สว่างไสว
แสงดาวทอดไกล แต่ยังคงส่องสว่างจักรวาลอันเป็นเอกเทศตรงหน้า ถึงแม้ว่ามืดมิดห่างไกล แต่ว่าไม่ได้อ้างว้างเย็นเยียบ
ดวงดาวโคจร แสดงความลี้ลับ มีเอกภพของตัวเอง
ถึงแม้ว่าจะมิได้แสดงสภาวะที่แข็งแกร่งมากนัก แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า หลังจากอีกฝ่ายเผยร่างที่แท้จริง ถึงกับยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนเปลี่ยนเป็นมารดาแห่งแผ่นดินเมื่อครู่
คนทั้งสองจิตใจสั่นไหวเล็กน้อย มองไปยังทิศทางหนึ่ง
ถึงแม้จักรวาลจะกว้างใหญ่ไพศาล กำหนดทิศทางไม่ได้ แต่ว่าทิศที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอมองดู เหมือนกับเป็นใจกลางจักรวาลโดยไร้ข้อสงสัย
ณ ที่แห่งนั้น ไม่ทราบเพิ่มเงาร่างสายหนึ่งขึ้นมาเมื่อไหร่
นักพรตหนุ่มคนหนึ่ง
เขาแสดงสภาพที่แท้จริงของตัวเองตอ่หน้าพวกเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนกับเจ้าแม่อู๋ตังก่อนหน้านี้
เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณารูปร่างของอีกฝ่ายขึ้นลง ระบายลมหายใจออกยาวๆ
หมวกเมฆพัด อาภรณ์ย้อมคราม เอวมัดสายรัด สวมรองเท้าป่าน ใบหน้าประดับรอยยิ้ม ท่วงท่าสง่างาม
ลักษณะเช่นนี้ เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงในฐานะลูกศิษย์ไม่แปลกหน้า
“จ้าววิสุทธิภูมิเลิศวิถี!” เยี่ยนจ้าวเกอโพล่งขึ้น
นักพรตหนุ่มตรงหน้าถึงกับเป็นหยางเจี่ยน หยางเอ้อร์หลางในตำนาน
ถึงแม้ว่าฉายาเต๋าที่คนส่วนมากรู้จักจะเรียกว่าจ้าว คือ ‘วีรปัญญาวิสุทธิภูมิเลิศวิถีกิตติโชติจ้าวเทวะเอ้อร์หลัง’ หรือจ้าวเทวะเอ้อร์หลาง ปัญญาเทวะเมตตาปักปักษ์ราชา แต่ว่าอันดับหนึ่งรุ่นที่สามแห่งหยกพิสุทธิ์ผู้นี้ขึ้นสู่ตำแหน่งมหาชาลนานแล้ว
เขาที่เป็นคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า ถึงขั้นที่ต่อให้เรียกว่าเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดแห่งการสืบทอดหยกพิสุทธิ์ก็ไม่ถือว่าเกินเลย พลังมากถึงฟ้าถึงดิน ในประวัติศาสตร์สำนักเต๋า ไปจนถึงขั้นทอดตาทั่วโลกหล้า ยังเป็นยอดฝีมือที่ถูกจัดอยู่ในอันดับแรกๆ
เขาเคยสู้กับมหาเทวะเสมอฟ้าในยุคโบราณตอนกลาง เป็นการตัดสินระดับสุดยอดบนชั้นมหาชาลที่มีเพียงไม่กี่ครั้งในยุคโบราณตอนกลาง
สิ่งที่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงก็คือ ตามที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบ ในประวัติศาสตร์ของที่นี่ วิชาแปดเก้าเป็นหยางเจี่ยนบัญญัติขึ้นเอง แตกต่างจากเรื่องเล่าบางส่วนในความทรงจำของเขาที่ผู้อาวุโสในสำนักเป็นคนถ่ายทอดให้ฟัง
หยางเอ้อร์หลางผู้นี้สมควรนับว่าเป็นบุคคลโดดเด่นที่เปิดเส้นทางใหม่ สร้างวรยุทธ์เลิศภพจบแดน และใช้สิ่งนี้สำเร็จเป็นเซียนสวรรค์มหาชาลคนแรกในหมู่ผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์
ในยุคสมัยสถาปนาเทพโบราณตอนต้น หยางเจี่ยนอาศัยวิชาแปดเก้าซึ่งถนัดการเปลี่ยนแปลงร่างเนื้อมากที่สุดในประวัติศาสตร์วรยุทธ์ของมนุษย์ สร้างชื่อขึ้น
เซียนหนานจี๋อาจารย์ลุงของเขา หรือจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ในภายหลังสร้างวิชาสายฟ้าที่เป็นของตัวเอง ยังช้ากว่าหยางเจี่ยน พลังยังสู้ไม่ได้
แต่ว่าหลังยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้น หยางเจี่ยนก็ไม่ค่อยโผล่มาบ่อยนัก ถึงแม้ว่าจะได้รับฉายาสถาปนาบนวังเทพ กลับขึ้นวังเทพแค่ไม่กี่ครั้ง
นอกจากอวี้ติ่งจินหยินอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาแล้ว เขากับผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์คนอื่นๆ บนเขาคุนหลุนไปมาหาสู่กันค่อนข้างน้อยเช่นกัน
หลังจากปรากฏตัวในยุคโบราณตอนกลางไม่กี่ครั้ง ผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดแห่งสายหยกพิสุทธิ์ผู้นี้ เวลาส่วนใหญ่ล้วนเร้นกายยากจะออกมา มีข่าวส่งแพร่กระจายอยู่น้อยนิด
จนกระทั่งมหาภัยพิบัติในยุคนี้ จึงค่อยมีข่าวว่าเขาลงมือ
หลังจากมหาภัยพิบัติ ข่าวก็หายไปอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้พวกเยี่ยนจ้าวเกอมักคาดเดาถึงที่อยู่ของบุคคลระดับตำนานของสำนักเต๋าผู้นี้ คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้พบหน้ากัน
“เมื่อครู่กำลังพูดว่า มีความสามารถเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ มีแค่ไม่กี่คน” เยี่ยนจ้าวเกอมองนักพรตหนุ่มตรงหน้า หลังจากเงียบงันเล็กน้อย ก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “แต่ว่าคนไม่กี่คนนั้นก็มิใช่บอกว่าไม่ต่ำกว่าหนึ่งคน”
“หลังจากเกิดเรื่องเมื่อครู่ ขออภัยที่ตอนนี้ข้าผู้แซ่เยี่ยนมิอาจยืนยัน ท่านใช่จ้าววิสุทธิภูมิเลิศวิถีจริงๆ หรือไม่?”
นักพรตหนุ่มได้ยินไม่ขุ่นข้อง กล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกันว่า “เป็นเจ้าถามว่าข้าเป็นเทพเทวาองค์ใด ข้าแสดงร่างจริงให้พวกเจ้าเห็น เจ้ากลับไม่เชื่อแล้ว หรือต้องให้ข้าแสดงสักหนึ่งสองกระบวนท่า?”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “นี่ต้องโทษข้าระแวงมากเกินไป”
“ความจริงก็ไม่มีข้อแตกต่างใด” หยางเจี่ยนว่า “ต่อให้ข้าพิสูจน์ว่าข้าเป็นใคร วาจาที่ข้ากล่าวก็มิได้แสดงว่าเจ้าจะเชื่อข้าหมดใจมิใช่หรือ? พวกเราควรคุยกันอย่างไร ก็คุยกันเช่นนั้น ไม่ต้องเร่งรีบ”
“นั่นกลับไม่แน่นัก” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ท่านเป็นหนึ่งในแบบอย่างของข้า”
วาจานี้มิใช่เขากล่าวโกหก แต่เป็นคำพูดในใจ
ถึงแม้จะเทียบกับมหาเทวะเสมอฟ้าไม่ได้ แต่เป็นเพราะภาพประทับในวันวาน ความรู้สึกที่เขามีต่อหยางเจี่ยนจึงค่อนข้างดียิ่ง
“แบบไม้ตุ๊กตาโคลนหรือ?” หยางเจี่ยนส่ายหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างที่เจ้าว่า ข้าตั้งใจเชิญเจ้ามาที่นี่ ถ้าหากต้องมีพิธีรีตอง ทำไมข้าต้องทำแบบนี้? ดังนั้นเจ้าเองก็อย่าได้เกรงอกเกรงใจขนาดนี้”
เยี่ยนจ้าวเกอพูด “ท่านปู่เป็นผู้สืบทอดสายบูรพาจารย์อวี้ติ่ง หากคำนวณแล้ว ท่านเป็นผู้อาวุโสสำนักเต๋าของข้าจริงๆ”
หยางเจี่ยนเอ่ย “ข้าเคยได้ยินเรื่องปู่เจ้ามาแล้ว มิใช่ผู้สืบทอดของข้าอันใด ดังนั้นไม่ต้องพิถีพิถันมาก เรียกข้าว่าพี่ร่วมเส้นทางก็พอ พวกเราล้วนเป็นศิษย์สำนักเต๋า ต่างยกย่องสามพิสุทธิ์ นับว่าต่างฝ่ายต่างมีความสำเร็จ ต่างฝ่ายต่างมีความสามารถ ข้าก็แค่ก้าวนำก่อนเท่านั้น”
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิง ทอดถอนใจพูดว่า “สำนักให้กำเนิดอัจฉริยะต่อเนื่อง เต๋าเราไม่เดียวดาย เทียบกับอะไรล้วนแข็งแกร่ง”
“พูดถึงเรื่องนี้ ข้ามีเรื่องขอคำสั่งสอน” เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ปัจจุบันเจ้าแม่โฮ่วถู่…”
หยางเจี่ยนประกายตาหม่นลงอยู่บ้าง “มารดาแห่งแผ่นดินเสียชีวิตไปตั้งแต่มหาภัยพิบัติแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงต่างมีสีหน้าหม่นหมองเช่นกัน
“แล้วพี่ร่วมเส้นทางไฉนต้องปลอมเป็นเจ้าแม่โฮ่วถู่ด้วย?” สักพักหนึ่้ง เยี่ยนจ้าวเกอก็เอ่ยถาม
หยางเจี่ยนว่า “เป็นเพราะครั้งกระโน้นข้าได้ไขความลับอย่างหนึ่ง ตอนนี้ถ้าหากเผยหน้าโดยตรง คนที่เกี่ยวข้องจะระวังตัว ข้าไม่เผยโฉม อีกฝ่ายนึกว่าข้าตายแล้ว ความลับไม่รั่วไหล กระทำเรื่องของตัวเอง”