ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1577 ทีปังกรพุทธะ
“สารีริกธาตุชิ้นหนึ่งของพระศากยมุณีพุทธเจ้า?” หยางเจี่ยนใบหน้าฉายแววครุ่นคิด “หลังกายทองของซุนงอคงนั่นโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง ข้าจำได้ว่าเหล่าจวินเคยพูดประโยคหนึ่ง”
“พระศรีศากยมุณีพุทธเจ้าแห่งวัดลุ่ยอิมเขาหลิงซาน ก็คือจุ่นถีเต้าหยิน หนึ่งในสองศาสดานิกายตะวันตกในตอนนั้นแปลงกายขึ้น?”
พระอาจารย์เสวียนตูพยักหน้า “มิผิด ถึงแม้จะมีการคาดเดาแต่แรก แต่ข้าก็เพิ่งแน่ใจเรื่องนี้ในตอนนั้นเอง”
หยางเจี่ยนมีสีหน้ากระจ่างแจ้ง “คนที่ต้องการสารีริกธาตุ มิใช่ทีปังกรพุทธะ หากเป็นข่งซวน?”
“ถ้าหากคาดไว้ไม่ผิด สมควรเป็นเช่นนี้” พระอาจารย์เสวียนตูตอบ
หยางเจี่ยนถาม “สารีริกธาตุมีทั้งหมดกี่ชิ้น”
พระอาจารย์เสวียนตูว่า “ตามคำพูดของนายผู้เฒ่าใหญ่ สมควรมีห้าชิ้น”
“กลับไม่ทราบว่าตอนนี้ข่งซวนมีทั้งหมดกี่ชิ้น?” หยางเจี่ยนพลันยิ้มขึ้น “ทีปังกรพุทธะไม่น่าจะหวังดี ช่วยเขารวบรวมกระมัง?”
“แต่เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยนกับการลงมือช่วยเหลือของมหาวิทยราชมยุรี” พระอาจารย์เสวียนตูกล่าวอย่างแช่มช้า “ระหว่างเผ่าปีศาจกับศาสนาพุทธ มหาวิทยราชมยุรีก็ไม่เคยช่วยเหลือฝ่ายใด แต่ว่าครั้งนั้นเมื่อสี่สิบเก้าปีก่อน เขาพลันลงมือขัดขวางเหล่าปีศาจ เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมาจากเรื่องนี้”
ขณะที่พูด พระอาจารย์เสวียนตูมองไปยังหยางเจี่ยน “ดังนั้นต่อจากนี้เกี่ยวกับสงครามกระบี่สังหารเซียน มหาวิทยราชมยุรียังคงมีความเป็นไปได้ที่จะลงมือ”
หยางเจี่ยนยิ้ม “สงครามสถาปนาเทพยุคโบราณตอนต้น เขาเป็นมหาชาล ข้าเป็นสุญญตา นับแต่นั้นมา ไม่เคยมีโอกาสต่อสู้กัน ตอนนี้ถ้าหากว่าต้องปะทะกันจริงๆ ข้ายังอยากจะลองดู เกรงว่าเหล่าเจ้ามรรคาจะไม่ให้โอกาส เก็บข้าก่อน”
“ไม่มีผู้ใดสงสัยในพรสวรรค์กับขีดความสามารถของเจ้า แต่ว่าถึงแม้มหาวิทยราชมยุรีมิใช่ดาวข่มของเจ้า หากแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีไม่มีสิ่งใดชำระไม่ได้ ยังคงร้ายกาจสุดขีด โดยเฉพาะหลังจากเข้าสู่ศาสนาพุทธ เขาก็มีพลังเพิ่มขึ้นอีกระดับ เจ้ายังจำเป็นต้องระวังตัว” พระอาจารย์เสวียนตูว่า “เจ้าบัญญัติวิชาแปดเก้า จะก้าวต่อไปอย่างไร ไม่มีใครมอบประสบการณ์ให้ มีแต่ต้องพึ่งพาตัวเอง ต้องระวังกว่าเดิม”
หยางเจี่ยนพยักหน้า “ข้าทราบดี ขอบคุณอาจารย์อาเสวียนตูที่ชี้แนะ”
ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้น ก่อนบอกลา
พระอาจารย์เสวียนตูใช้สายตาส่งเขาจากไป นั่งอยู่กลางตำหนักข้างต่อ สายตาอยู่ที่กล่องแพรบนพื้น ไม่พูดอะไรเนิ่นนาน
…
หลังจากทีปังกรพุทธะออกจากวังดุสิต ก็มิได้กลับแดนสุขาวดีตะวันตกทันที หยุดอยู่ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน
ครู่ต่อมา กลางความว่างเปล่ามีคนปรากฏตัว เป็นพุทธะองค์หนึ่ง เต็มไปด้วยจิตแห่งปัญญาและความเมตตา หลังจากเห็นทีปังกรพุทธะ ก็พยักหน้า “การไปในครั้งนี้ของอดีตพุทธะ ดูเหมือนทำสำเร็จแล้ว”
ทีปังกรพุทธะพยักหน้ายิ้มขึ้น “นับว่าไม่เสียเที่ยว ต่อจากนี้ต้องฝากท่านโพธิสัตว์ บอกสหายร่วมเส้นทางเซียนแสงทอง ช่วยอาตมาส่งคำพูดให้เขาดาราทะเลดวงดาว”
เซียนแสงทอง โห่ว ขนทองกลายพันธุ์ที่เข้าสำนักเต๋าบำเพ็ญเพียรในยุคโบราณตอนต้น เคยฟังคำสอนของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษสายเหนือพิสุทธิ์ในยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้น
จากนั้นก็ถูกสือหางจินหยิน ผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์จับกุม กลายเป็นพาหนะ
ภายหลังสือหางจินหยินหันไปนับถือศาสนาพุทธ กลายเป็นพระโพธิสัตว์กวนอิม เซียนแสงทองจึงถูกบังคับให้เข้าศาสนาพุทธ
ตอนนี้พุทธะตรงหน้าทีปังกรพุทธ ถึงกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่สายหยกพิสุทธิ์ในอดีต นักบวชแห่งศาสนาพุทธในปัจจุบัน พระโพธิสัตว์กวนอิม
ถึงแม้จะเรียกนางว่า ‘พระโพธิสัตว์’ แต่แตกต่างกับคำเรียกระดับนักบวชในศาสนาพุทธของสำนักเต๋า พูดถึงการบำเพ็ญและขีดความสามารถ พระโพธิสัตว์กวนอิมคือเทวกษัตริย์จากสำนักเต๋า หลังจากเข้าสู่ศาสนาพุทธก็ได้สำเร็จผลพุทธ เป็นยอดฝีมือชั้นมหาชาลตัวจริงเสียงจริง
ในความเป็นจริง ตั้งแต่ยุคโบราณตอนกลาง นางก็ศึกษามรรคาจากพระอามิตาภพุทธเจ้าแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกมาโดยตลอด ได้ชื่อว่าสว่างสัจธรรมยูไล หรือสวาหบริสุทธิธรรมยูไล หรืออวโลกิเตศวรเอกทศราชยูไล อวโลกิเตศวรเอกทศราชพุทธะ และอวโลกิเตศวรเอกทศโพธิสัตว์ เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของอามิตาภพุทธเจ้า
อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นร่างแปลงในการเข้าสู่แดนอภิรดีศูนย์กลางของนาง
หลังจากพระศรีศากยมุณีพุทธเจ้าหลุดพ้น เมตไตรยพุทธะเปลี่ยนแปลงแดนสุขาวดีอภิรดีศูนย์กลางเป็นแดนสุขาวดีบัวขาว พระโพธิสัตว์กวนอิมกับพุทธะทั้งหลายก็จากไป มีเหตุผลให้กลับสู่แดนสุขาวดีตะวันตกอีกครั้ง
พอได้ยินคำพูดของทีปังกรพุทธะ พระโพธิสัตว์กวนอิมก็ถามว่า “ความหมายของอดีตพุทธะก็คือ ให้ติดต่อสหายร่วมเส้นทางส่วนหนึ่งในเผ่าปีศาจ แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการช่วงชิงเศษศิลามนุษย์กำเนิดในตอนนี้หรือ?”
“มิผิด” ทีปังกรพุทธะยิ้มพลางพยักหน้า
พระโพธิสัตว์กวนอิมใบหน้าปรากฏความเมตตา ถอนใจคำหนึ่ง “เพื่อผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์?”
“สหายร่วมเส้นทางคิดถูกต้อง” ทีปังกรพุทธะตอบ “ระหว่างพวกเรา เส้นทางนอกรีต เผ่าปีศาจย่อมไม่มีทางหลีกทางให้แก่กัน กลับมอบโอกาสให้ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์เป็นชาวประมงได้ประโยชน์”
“โดยเฉพาะตอนนี้ สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนมีสามเล่มตกอยู่ในมืออีกฝ่าย หลังจากถึงช่วงเวลาสำคัญ หากไม่ระวัง สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไปทั้งหมด ดังนั้นมิอาจไม่ทำเรื่องราวบางประการ เชื่อว่าทางเผ่าปีศาจจะมีความเห็นเหมือนกัน”
ทีปังกรพุทธะอธิบาย “พวกวัชรอภิณท์พุทธะกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด ไม่จำเป็นต้องรบกวน ให้ดำเนินต่อไป ดังนั้นเปลี่ยนแปลงเส้นทาง ขอให้สหายร่วมเส้นทางแสงทองช่วยเป็นตัวกลาง พูดคุยกับสหายร่วมเส้นทางในเผ่าปีศาจที่ยังอยู่บนเขาดาราทะเลดวงดาว และมีเวลาว่างเหมือนพวกเรา”
พูดถึงตรงนี้ท่านก็ยิ้มเล็กน้อย “ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ได้กายทองของมหาเทวะเสมอฟ้า ทั้งยังแสดงร่างที่แท้จริงได้ แต่เป็นแค่ชั่วขณะ ก่อนหน้านี้แย่งกระบี่ลงทัณฑ์เซียนไป ปัจจุบันกำลังพักฟื้น พวกเราสามารถเคลื่อนไหวในสถานการณ์ที่ไม่รบกวนพระพุทธองค์”
พระโพธิสัตว์กวนอิมเงียบงันเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ากล่าวว่า “อดีตพุทธะรอสักครู่ ข้าจะเรียกเซียนแสงทองมาที่นี่”
“รบกวนพระโพธิสัตว์ด้วย” ทีปังกรพุทธะผนมมือ
…
ในจักรวาลฟ้าฟื้น กลางฟ้าเหนือฟ้า บนเขากว่างเฉิง
เยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่ในหอเซียนม่วงของตำหนักโอสถ หลับตาฝึกฝน
ทันใดนั้น จิตใจของเขากระตุกเล็กน้อย
มิใช่มาจากการฝึกฝนของตัวเอง แต่มาจากการตอบสนองที่ตำหนักโอสถมอบให้
จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอเหมือนเปลี่ยนเป็นหนึ่งเดียวกัยบตำหนักโอสถ ความคิดแผ่ออกไปในจักรวาลฟ้าฟื้นอันกว้างใหญ่ แตะกับปราการเขตแดนของจักรวาล เหมือนกับอยู่ในความว่างเปล่าไพศาล
สภาพรอบๆ กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต ตนเหมือนกับอยู่ในท้องทะเลที่ไร้ฝั่ง
แต่ว่าทันใดนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกว่าน้ำทะเลรอบๆ เริ่มบีบอัดเข้าหาตัวเอง
คลื่นสูงเทียมฟ้าซัดเข้ามาหาเขาลูกแล้วลูกเล่า
…เหมือนกับน่านน้ำที่อยู่ไกลออกไปเกิดพายุ พัดคลื่นขึ้นมา คลื่นยักษ์ไหลเชี่ยว เริ่มส่งผลต่อเขา
‘ไม่ถูกต้องอยู่บ้าง…’ เยี่ยนจ้าวเกอจิตใจเคร่งเครียด
มิติเวลาในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนเปลี่ยนแปลง การเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ปานนี้ ถึงแม้ไม่พบเห็นได้บ่อย แต่วันนี้มิใช่ครั้งแรก
ไม่เพียงแต่จักรวาลฟ้าฟื้น จักรวาลสำนักเต๋าซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของโลกซ้อนโลก หรือสถานที่ต่างๆ เช่นโถงเซียน และแดนสุขาวดีบัวขาวก็อาจประสบพบเจอได้
ทว่าตามที่เยี่ยนจ้าวเกอทราบว่า สถานการณ์ที่คล้ายกันสมควรมาจากทิศทางเดียวกัน เข้ามาใกล้จากที่ไกล ค่อยๆ ส่งผลต่อจักรวาลฟ้าฟื้น
ตอนนี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า กระแสปั่นป่วนของมิติเวลาขนาดใหญ่โตเหมือนกับคลื่นทะเลซัดสาดนั้น มิได้มาจากทิศทางเดียว
จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอถอยออกมาจากในตำหนักโอสถ เพ่งสมาธิใคร่ครวญอย่างละเอียด
‘การเคลื่อนไหวเช่นนี้…มีคนกำลังตามหาพวกเรา?’
………………..