ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1579 ถึงเวลาใช้ทักษะการแสดงอีกแล้ว
เหมือนกับลู่ยาเต้าจวินอยู่ในเผ่าปีศาจ ตำแหน่งของทีปังกรพุทธะในแดนสุขาวดีตะวันตกไม่แตกต่างกันมากนัก
ส่วนใหญ่แล้วอามิตาภพุทธเจ้าจะสงบนิ่งไม่แย่งชิง โดยพื้นฐานแล้วการจัดการและการติดต่อของแดนสุขาวดีตะวันตก ล้วนเป็นทีปังกรพุทธะอยู่แล แทบเป็นหมายเลขสองของแดนสุขาวดีตะวันตกในปัจจุบัน
ตามปกติแล้ว ท่านกับลู่ยาเต้าจวินน้อยครั้งจะปรากฏตัว แม้แต่สงครามระหว่างแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจ ก็เข้าร่วมด้วยตัวเองน้อยถึงขีดสุด
แต่ว่าผู้มีอำนาจของศาสนาพุทธสายหลักที่ถูกจัดอยู่ในสามอันดันแรกท่านนี้ ในที่สุดก็ออกเขาด้วยตัวเอง เป้าหมายมิใช่เผ่าปีศาจหรือแดนสุขาวดีบัวขาว หากเป็นจักรวาลฟ้าฟื้น
“มุกค้ำทะเลเป็นสิ่งของที่ยอดเยี่ยมจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วกับริมฝีปาก “แต่ว่านอกจากทีปังกรพุทธ ะกับมุกค้ำดินแล้ว เกรงว่าจะยังมียอดฝีมือคนอื่นๆ ร่วมมือด้วย”
เขา เสวี่ยชูชิง และสวีเฟยมองหน้ากัน ในห้วงสมองของทุกคนปรากฏชื่อชื่อหนึ่ง
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้
เป็นเพราะว่าตอนนั้นพวกเยี่ยนจ้าวเกอใช้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนสังหารฝูหลัวจื่อ เผิงท่องเมฆหมื่นลี้จึงจดจำแค้นสังหารบุตรมาโดยตลอด
ถึงแม้ในเวลาส่วนใหญ่เผิงท่องเมฆหมื่นลี้จะสู้กับเหล่าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตก แต่วาครั้งนี้ได้โอกาสตามมหาจักรวาลฟ้าฟื้น เขาย่อมไม่ยินยอมละทิ้งโอกาส
พูดถึงการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนย้ายมิติเวลา เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ที่ ‘ความเร็ว’ แทบเป็นหนึ่งในชั้นมหาชาลย่อมเป็นผู้โดดเด่น
มีเขากับทีปังกรพุทธะร่วมมือกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่เกิดการเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้
ถ้ามิใช่เพราะเยี่ยนจ้าวเกอคอยระวังตัวอยู่ตลอด สัมผัสได้และเปลี่ยนแปลงทันที ครั้งนี้เกรงว่าจะต้องถูกอีกฝ่ายโอบล้อมแล้ว
“ขอแค่พวกผู้อาวุโสหลงมีพวกเจ้าแม่อู๋ตังกับใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋รับตัวไว้ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลแล้ว” สวีเฟยกล่าว
บุคคลชั้นมหาชาลหายตัวอย่างฉับพลัน ปรากฏตัวขึ้นในทันใด ความเป็นไปได้ที่คนอื่นจะรั้งตัวไว้มีต่ำมากอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ติดต่อกับจักรวาลฟ้าฟื้น ก็สามารถส่งพวกหลงซิงเฉวียนกลับมาได้ทันที
“ความสำคัญอยู่ที่ ต่อจากนี้พวกเราไม่สะดวกออกจากจักรวาลฟ้าฟื้น ยากจะไปยังความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน ไม่อย่างนั้นเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะถูกจับตาเหมือนครั้งนี้” เสวี่ยชูชิงถอนใจ “ทีปังกรพุทธะกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ อาจยังมียอดฝีมือชั้นมหาชาลจำนวนมากกว่านี้จับตาดูด้วยกัน ภายใต้การรุมล้อมของเหล่าศัตรู คนที่พลังฝึกปรือไม่ถึงระดับมหาชาลคิดซ่อนร่องรอยลำบากยิ่ง”
ถึงแม้จะอยู่ท่ามกลางยอดฝีมือชั้นมหาชาล ทีปังกรพุทธะกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ก็เป็นผู้โดดเด่น
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดเช่นนี้ มิได้แสดงพลังข่มขวัญออกมาในการต่อสู้ซึ่งหน้าเท่านั้น แต่ว่าทำให้คนรู้สึกว่าไม่มีที่ใดไม่คงอยู่ มอบแรงกดดันที่ทำให้ผู้คนต้องกลั้นหายใจอย่างเต็มที่
ก่อนหน้านี้พวกเขามักจะต่อสู้กันเอง ดังนั้นในเวลาที่พวกเขาเกิดความขัดแย้งกัน สภาพแวดล้อมการเคลื่อนไหวของสำนักเต๋าสายหลักจึงผ่อนคลายลงมาก
ทว่าตอนนี้ แดนสุขาวดีบัวขาวกับโถงเซียนถึงแม้ยังทำศึกไม่ขาด แต่ว่าแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจกลับบรรลุการประนีประนอมระดับหนึ่ง
เมื่อเป็นแบบนี้ สภาพของผู้สืบทอดสำนักเต๋าพลันคับขัน
สาเหตุที่เยี่ยนจ้าวเกอปลอมแปลงข้อมูลเศษศิลามนุษย์กำเนิดกับเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดในครั้งนั้น ก็เพื่อทดลองยั่วยุให้เกิดการต่อสู้ระหว่างศัตรูสองฝั่ง ช่วงชิงเวลาและพื้นที่ในการพัฒนาให้แก่สำนักเต๋าสายหลัก
เวลานั้นใช้วิธีไม่ซื่อกลับได้ผลลัพธ์น่าพอใจ พบร่องรอยของเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดและเศษศิลามนุษย์กำเนิดจริงๆ สุดท้ายเส้นทางนอกรีตสองฝ่ายเกิดสงครามใหญ่ รบกันมาถึงวันนี้
สำหรับพวกเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว สถานการณ์เป็นไปตามอุดมคติจริงๆ
แต่ตอนนี้วันเวลาดีๆ ดูเหมือนจะหมดลงแล้ว
ผังค่ายกลกระบี่ลงทัณฑ์เซียนกับกระบี่สามเล่มกลับคืนสู่สำนักเต๋าสายหลัก ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนอาจปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้ง แม้แต่มหาเทวะเผ่าปีศาจอย่างลู่ยาเต้าจวินก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดัน จึงรับข้อเสนอของทีปังกรพุทธะ สะกดพวกเยี่ยนจ้าวเกอด้วยกัน
“ช่างประชดประชันกันนัก” สวีเฟยส่ายหน้า “เป็นเพราะการต่อสู้ของโถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาว วัชรอภิณท์พุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตก ยังบัญชาเหล่านักบวชแห่งศาสนาพุทธส่วนหนึ่ง วัดกำลังกับมหาเทวะเผ่าปีศาจกลุ่มหนึ่งอยู่เลย”
มาวันนี้การศึกทางด้านวัชรอภิณท์พุทธะยังไม่สงบลง พวกทีปังกรพุทธะกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้เปิดสมรภูมิที่สองขึ้นในเวลาเดียวกัน
จึงปรากฏฉากเหตุการณ์ที่ทั้งเหลวไหลและจริงจังขึ้น
บนสมรภูมิด้านหนึ่ง เหล่าพุทธแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกกับมหาเทวะเผ่าปีศาจสู้รบกันอย่างดุเดือด
บนสมรภูมิอีกด้านหนึ่ง กลับมีนักบวชศาสนาพุทธส่วนหนึ่งกับจอมปีศาจร่วมมือกัน โอบล้อมค้นหาผู้สืบทอดสำนักเต๋า
“ปฏิกิริยาของเผ่าปีศาจไม่มีปัญหา” เยี่ยนจ้าวเกอพูด “นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่คนทั่วไปควรกระทำ”
ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนอาจจโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง
สั่วหมิงจางกับเฟิงอวิ๋นเซิงฝ่าภัยพิบัติฟ้ากำเนิดติดต่อกัน สำนักเต๋าสายหลักมีเซียนสวรรค์มหาชาลเพิ่มมาสองคน
เยี่ยนจ้าวเกอสร้างกระบี่เนรเทศเซียน แผ้วเส้นทางขึ้นใหม่ พลังฝึกปรือส่วนตัวยิ่งมายิ่งแกร่ง
กายทองมหาเทวะสามร่างคุ้มครองจักรวาลฟ้าฟื้น ทุกๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่งสามารถแสดงร่างที่แท้จริงของมหาเทวะเสมอฟ้า ยังมีกระบองสารพัดนึกอยู่ในมือ
ในเวลาเกือบร้อยปีมานี้ พลังของผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์สำนักเต๋าเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่แทบต้องอ้าปากตาค้าง
สภาพเช่นนี้ย่อมดึงดูดความกังวลและความสนใจของขุมกำลังอื่นๆ
กล่าวในระดับหนึ่ง ถ้าขุมกำลังอื่นๆ ที่กำลังต่อสู้กันจะอยู่พักรบกันชั่วคราว สะกดผู้สืบทอดสำนักเต๋าสายหลักก่อน ก็มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“แต่ว่าพวกทีปังกรพุทธะทำแบบนี้ ก็มีความคิดอื่นแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะๆ “พุทธะองค์อื่นๆ ในแดนสุขาวดีตะวันตกรู้เรื่องหรือไม่ยังไม่ต้องพูดถึง ทีปังกรพุทธะสมควรทราบที่อยู่ที่แท้จริงของกระบี่สังหารเซียนแล้ว การกระทำของท่านในตอนนี้สอดคล้องกับเหตุผล เท่ากับช่วยเหลือเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ปกปิดความจริงที่กระบี่สังหารเซียนตกไปอยู่กับโถงเซียน ทั้งสร้างการคุมคามต่อพวกเราเพิ่ม เร่งให้พวกเราส่งตัวเองหาตาข่ายในภายหลัง”
“แน่นอนว่าถ้าครั้งนี้หาพวกเราเจอ พวกเขาย่อมยินดีกว่าเดิม”
เสวี่ยชูชิงถอนใจคำหนึ่ง “ภายใต้การเล็งเป้าหมายเช่นนี้ พวกเรายิ่งต้องการนำกระบี่สังหารเซียนมาทำให้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนปรากฏขึ้นมากกว่าเดิมแล้ว”
“แต่ว่ารอสี่สิบเก้าปีให้หลัง ถ้ายังเป็นสถานการณ์ที่คับขันอย่างตอนนี้ พวกเราจะไปตามหากระบี่อย่างไร?” สวีเฟยขมวดคิ้ว “ถึงเวลาถ้าหากว่าผ่อนคลายลง ไหนเลยไม่ทำให้พวกเราสงสัยกว่าเดิม”
เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “ถ้าหากพวกเราไม่ทราบว่ากระบี่สังหารเซียนอยู่ที่โถงเซียน เช่นนั้นเพื่อตามหากระบี่ พวกเราจะต้องสร้างเรื่องขึ้น ชิงโอกาสให้แก่ตัวเอง”
คนอื่นๆ พยักหน้าเงียบๆ อีกฝ่ายขอแค่ผลักเรือตามน้ำก็ใช้ได้แล้ว
ถ้าหากว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่มีการเคลื่อนไหว ไม่ทดลองพยายามช่วงชิงโอกาสสุดความสามารถ เช่นนั้นก็เท่ากับบอกอีกฝ่ายว่า พวกเขาทราบว่ากระบี่สังหารเซียนเป็นกลลวงแล้ว
พูดถึงที่สุด ทุกฝ่ายกำลังแสดงละคร ขึ้นอยู่กับว่าใครทำได้สมจริงกว่า
สำหรับพวกเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ส่วนที่ไม่ส่งผลดีอยู่ที่ ถ้าหากอีกฝ่ายสัมผัสได้ว่าพวกเขามองกลลวงออกแล้ว เช่นนั้นเทวกษัตริย์ไร้ประมาณก็เพียงไม่ใช้กลลวงนี้ก็พอ
สำหรับเขาแล้ว การไม่ได้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเป็นความน่าเสียดายอย่างแน่นอน แต่พวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่มีหวังที่จะได้กระบี่สังหารเซียนมามากกว่าเดิม
การแย่งชิงสิ่งของจากเจ้ามรรคาคนหนึ่งซึ่งหน้า ยากยิ่งกว่าการปีนป่ายสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย
การใช้โอกาสที่อีกฝ่ายวางหลุมพรางปล่อยเหยื่อล่อออกมาวางแผนซ้อนแผน เป็นโอกาสหนึ่งเดียวของพวกเขา
“ชีวิตคนเหมือนละคร ล้วนอาศัยทักษะการแสดง ถึงเวลาทุ่มทักษะการแสดงอีกแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอตบหน้าผากของตัวเอง