ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1581 มัจฉาโดดข้ามประตูมังกร
หยางอู่จื่อจ้าวบูรพา เก็บพลังปีศาจเมื่ออยู่ต่อหน้าลู่ยาเต้าจวิน ทำให้นอกจากขาสามข้างแล้ว ภายนอกมองไปเหมือนอีกาธรรมดา
แต่นี่กลับเป็นตัวตนระดับมหาเทวะเผ่าปีศาจ และเทียบได้กับเซียนสวรรค์สำนักเต๋าอย่างแท้จริง
เผ่าอีกาทองเป็นเจ้าแม่กษัตริย์วาในยุคบุพกาลสร้างขึ้นตามรูปลักษณ์การแปลงกายเป็นปีศาจของลู่ยา
ภายหลังเผ่าปีศาจได้ยึดถือลู่ยาเต้าจวินเป็นบรรพบุรุษเพราะวาสนานี้ ลู่ยาเต้าจวินไม่ได้ปฏิเสธ ความสัมพันธ์ของสองฝ่ายมาถึงวันนี้แนบแน่นกว่าเดิม
หยางอูจื่จ้าวบูรพาเป็นมหาเทวะเผ่าปีศาจหนึ่งเดียวของเผ่า ผู้ที่เข้มแข็งที่สุดในปัจจุบันท่ามกลางผู้ร่วมเผ่าพันธุ์ กลับไม่รับตำแหน่งหัวหน้าเผ่า และมิได้ยึดครองมาตุภูมิของเผ่าอีกาทอง แต่คอยอยู่ข้างกายลู่ยาเต้าจวิน เหมือนศิษย์และเหมือนสหายที่ไว้ใจได้
ดังนั้นเรื่องที่เขาทราบจึงมีมากกว่าคนอื่น ขณะกล่าวกับลู่ยาเต้าจวิน ก็ไม่ได้ประหลาดใจ ลู่ยาเต้าจวินก็ไม่ปิดบังเรื่องราวมากมายกับเขาเช่นกัน
“พิณย่อมกลับสู่วังดุสิตแล้ว” ลู่ยาเต้าจวินกล่าว “หรือกล่าวว่า กลับสู่ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์สายหลักแล้ว”
หยางอูจื่อใบหน้าฉายแววเสียดาย
ลู่ยาเต้าจวินยิ้ม “สิ่งของมากมายมีได้มีเสีย นี่เป็นเรื่องจนปัญญา”
“เมื่อมีพิณคันนั้นอยู่ในมือ รอต่อจากนี้กระบี่เล่มสุดท้ายในสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนปรากฏขึ้นบนโลก สำนักเต๋าสายหลักเกรงว่าจะได้ประโยชน์มาก” หยางอูจื่อวิตกกังวลอยู่บ้าง “พวกเขามีผังค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่สมบูรณ์ ถ้ารวบรวมกระบี่ครบสี่เล่ม ไหนเลยไม่รับมือยากกว่าเดิม?”
ลู่ยาเต้าจวินอมยิ้ม ลูบเครายาว “ไม่ง่ายดายขนาดนั้น ถึงแม้จะไม่กล้ายืนยัน แต่ถ้าหากข้าคาดการณ์ไม่ผิด กระบี่สังหารเซียนเล่มสุดท้ายนั้น ถ้าไม่ได้อยู่กับโถงเซียน ก็อยู่ที่แดนสุขาวดีตะวันตก มิได้อยู่ที่นพยมโลกอีกแล้ว”
“อ้อ?” หยางอูจื่องงงัน
“ตามคำพูดของโฮ่วถู่ สำนักเต๋าสายหลักความจริงทราบที่อยู่คร่าวๆ ของกระบี่สังหารเซียนแล้ว” ลู่ยาเต้าจวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ตอนนี้กลับไม่รีบไปเอาให้เร็วที่สุด เจ้าคิดว่าเป็นเพราะอะไร? ย่อมเป็นเพราะกระบี่วิเศษมีเจ้าของแล้ว หนำซ้ำอาจเป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาด้วย”
“เขาดาราทะเลดวงดาวของพวกเราไม่มี แดนอภิรดีศูนย์กลางก็ไม่มี จึงอาจเป็นสามฝ่ายที่เหลือ ความเป็นไปได้ของนพยมโลกลดลงส่วนหนึ่ง เป็นไปได้มากที่สุดว่าจะอยู่กับโถงเซียนและแดนสุขาวดีตะวันตก”
ลู่ยาเต้าจวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สำนักเต๋าสายหลักต้องการกระบี่เล่มสุดท้าย พิณคันนั้นกลับสู่พวกเขา สุดท้ายก็เอาไว้รับมือกับคู่ต่อสู้อย่างพวกเรา”
“มิน่าการตามหากระบี่ลงทัณฑ์เซียนในครั้งนี้ โถงเซียนกับแดนสุขาวดีตะวันตกจึงมิได้ลงแรง ที่แท้มีแผนการอยู่แล้ว” หยางอูจื่อเหมือนนึกอะไรได้ “มารดาแห่งแผ่นดินจงใจเผยข้อมูลให้ท่าน?”
“นี่ย่อมแน่นอน ถ้าพวกเราเข้าร่วม สถานการณ์จะยิ่งวุ่นวาย สำนักเต๋าจะมีโอกาสมากขึ้น” ลู่ยาเต้าจวินว่า “ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายวางหลุมพรางให้พวกเขากระโดดเข้าไป โอกาสของพวกเขามีน้อยยิ่ง นอกเสียจากเหล่าจวินยอมลงมือ”
พูดถึงตรงนี้ ลู่ยาเต้าจวินหัวเราะเบาๆ “สองฝ่ายนี้ล้วนดีดลูกคิดรางแก้ว เพียงแต่สุดท้ายใครจะได้ประโยชน์ ยังบอกไม่ได้ ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนมิอาจดูแคลน เป็นสิ่งจำเป็นต่อเขาดาราทะเลดวงดาวของพวกเราเช่นกัน”
เขาหันไปมองหยางอูจื่อกล่าว “เรื่องสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ก่อนหน้านั้น จัดการเรื่องราวตรงหน้าก่อน”
หยางอูจื่อก้มหน้า “ตามแต่บรรพบุรุษอาวุโสจะสั่งการ”
เขาเก็บน้ำเต้าสีแดง กระพือปีกบินสูง ออกจากต้นชบาศักดิ์สิทธิ์
‘จะว่าไป สำนักเต๋าสายหลักมองเห็นแผนการของอีกฝ่าย ทราบว่ากระบี่สังหารเซียนมีเจ้าของอยู่แล้วได้อย่างไร?” ลู่ยาเต้าจวินนั่งบนลำต้น รอยยิ้มสลายไป สีฉายแววครุ่นคิด ‘ยังมีกระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่โฮ่วถู่โยนออกมาเพื่อเข้าไปในวังหยก อยู่ในวังดุสิตมาโดยตลอดหรือ?’
…
“มีข่าวที่ส่งมาจากวังดุสิตแล้ว”
จักรวาลฟ้าฟื้น ในตำหนักโอสถบนเขากว่างเฉิงบนฟ้าเหนือฟ้า เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจออกยาวๆ พูดกับเยี่ยนตี๋ เสวี่ยชูชิง และสวีเฟยว่า
“ก่อนหน้านี้ใช้ตะเกียงเคลือบหยกมายา วาสนาที่ต้องการแลกเปลี่ยน ได้มาอย่างราบรื่น” เขาอธิบาย “ถึงแม้จะอยู่ห่างจากความสำเร็จของพวกเรา สภาพการณ์ยังคงลำบากยิ่ง แต่ในที่สุดก็เพิ่มความหวังมาไม่น้อยแล้ว”
ทุกคนพอฟัง สีหน้าฉายแววยินดี
“พวกเราเตรียมตัวให้ดี รอโอกาสมาถึงเถอะ” เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างแช่มช้า
ต่างคนต่างเคลื่อนไหวภายใต้คลื่นใต้น้ำ ส่วนที่สั่นสะท้านขวัญวิญญาณมักอยู่ในสภาพพื้นผิวที่คนส่วนใหญ่เห็นได้
บางทีการต่อสู้จำนวนมากอาจถูกกำหนดผลลัพธ์สุดท้ายไว้แล้วก่อนที่จะเริ่มปรากฏขึ้นมา
จุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่แท้จริง มาถึงเร็วยิ่งกว่าที่คนส่วนใหญ่รู้
เพียงแต่ว่าตอนนี้ ต่างฝ่ายที่ต่างมีเลศนัย ล้วนยังมิอาจยืนยันได้ว่า ผู้ใดจะเป็นผู้ชนะในตอนสุดท้าย
ทุกฝ่ายได้แต่สั่งสมกำลัง เดินหมากวางแผนในที่ลับ ตามหาแต้มต่อ เพิ่มอัตราการชนะให้กับตัวเอง
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอและผู้สืบทอดสำนักเต๋าที่อาศัยและเติบโตในจักรวาลฟ้าฟื้น วันเวลาต่อจากนี้จะไม่ได้สะดวกสบายเหมือนก่อนหน้าแล้ว
ทีปังกรพุทธะนำกลุ่มด้วยตัวเอง ร่วมมือกับผู้ยิ่งใหญ่เผ่าปีศาจอย่างเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ โอบล้อมจักรวาลฟ้าฟื้น
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่เผยร่องรอย พวกเยี่ยนจ้าวเกอลดการเข้าออกความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนให้น้อยลงมาก
เพื่อไม่ให้ถูกอีกฝ่ายจับตามองเพราะคนคนเดียวหรือคนหลายคน กำหนดอาณาเขตที่จักรวาลฟ้าฟื้นอยู่ จากนั้นใช้ความสามารถอย่างมุกค้ำทะเลเพื่อทำเนินการโอบล้อม
เพราะสาเหตุนี้ แม้แต่การทำความเข้าใจข้อมูลของโลกภายนอกอย่างต่อเนื่องของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ มีความลำบากกว่าก่อนหน้า
ผลกระทบโดยตรงที่เกิดขึ้นเพราะสาเหตุนี้ คือของวิเศษอันพิสดารที่เกิดขึ้นในความว่างเปล่านอกเขตแดนด้านนอก กลายเป็นล้ำค่ามากขึ้นสำหรับจอมยุทธ์สำนักเต๋าในจักรวาลฟ้าฟื้น
ในจักรวาลฟ้าฟื้นเดิมทีก็ให้กำเนิดและผลิตของวิเศษและทรัพยากรจำนวนมาก ดังนั้นปัญหาใหญ่จึงไม่มี ไม่ถึงกับต้องตกอยู่ในความทุกข์ระทม ค่อยๆ โรยราไปเรื่อยๆ เหมือนกับโลกน้ำพุหยกเมื่อครั้งนั้น
แต่ว่าก็มีทรัพยากรส่วนหนึ่ง ที่มีเฉพาะในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน คนในจักรวาลฟ้าฟื้นคิดจะหามา ปัจจุบันมีความยากเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าเกิดว่าในนี้มีของล้ำค่าที่สำคัญสุดขีด เช่นนั้นในเวลาอันสั้นก็ได้แต่ต้องอดทนรอคอยแล้ว
สถานการณ์แบบนี้ที่สุดก็มีน้อย ผลกระทบแย่ๆ ทางอ้อมความจริงมีไม่มาก
สิ่งที่ทำให้ยอดฝีมือระดับสูงเช่นเยี่ยนจ้าวเกอค่อนข้างกังวลก็คือ สภาพการพัฒนาอันรุ่งเรืองของผู้สืบทอดสำนักเต๋าในเวลาหลายสิบปีก่อนหน้านี้ มีแนวโน้มจะถูกหยุดไว้หลายส่วน
คำว่า ‘สภาวะ’ คล้ายกับมองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่กลับมีอยู่จริงๆ
สำหรับคนที่มีศักดิ์อาวุโสอย่างเกาชิงเสวียน เยว่เจิ้นเป่ย และหลงซิงเฉวียน ความจริงไม่สำคัญนัก
พวกเขาเคยผ่านกาลเวลาที่มืดมิดยิ่งกว่าและลำบากยิ่งกว่ามาแล้ว
แต่ว่าสำหรับคนรุ่นหนุ่มสาว โดยเฉพาะคนหนุ่มที่กำเนิดขึ้นหลังจักรวาลฟ้าฟื้นถูกบุกเบิก ตอนนี้เหมือนกับพลันเปลี่ยนเป็นสถานการณ์ที่ไม่ราบรื่นเหมือนเดิม ทำให้ผู้คนเกิดความกังวลได้ง่าย
ภายใต้กการควบคุมหางเสือของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ สภาพโดยรวมของจักรวาลฟ้าฟื้นความจริงยังพัฒนาได้ต่อ
ถึงขั้นที่พัฒนาเร็วกว่าเดิม ยิ่งมายิ่งเร็ว
เพียงแต่สภาวะการเพิ่มความเร็วไม่ได้สูงเท่าก่อนหน้า
พวกเยี่ยนจ้าวเกอสงบใจ ไม่รีบร้อน ค่อยๆ พรวนดินถอนหญ้า รอคอยโอกาสอย่างสงบ
การกักตัวชั่วคราวก็เพื่อการปะทุที่มีพลังในภายหลัง
ต่อจากนี้ ด่านนี้เหมือนกับปลากระโดดข้ามประตูมังกร…
ดังนั้นต่อมาเยี่ยนจ้าวเกอกับจักรวาลฟ้าฟื้นก็ผ่านกาลเวลาอันแสนยาวนานในสถานการณ์ที่สู้กับผู้ยิ่งใหญ่อย่างทีปังกรพุทธะด้วยปัญญาและความกล้าอย่างหวาดเสียว
ชั่วขณะที่เลือนราง อาชาขาวลอดช่องว่าง
สี่สิบเก้าปีผ่านไป