ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1582 ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด ระดับสุญญตา
สี่สิบเก้าปีผ่านพ้น นอกในจักรวาลฟ้าฟื้นเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย
เวลาเว้นช่วงในการทำพิธีตามหากระบี่ทุกๆ ครั้งของเยี่ยนจ้าวเกอ มิใช่ความลับในหมู่ยอดฝีมือระดับสูงขั้นสุดยอด แต่คนส่วนใหญ่ล้วนไม่ทราบ
ในฟ้าเหนือฟ้า ผู้คนใช้ชีวิต จอมยุทธ์ตั้งใจฝึกฝน สนใจเรื่องรอบๆ ตัวมากกว่าเดิม
ตอนนี้เขาหลังด้านบนเขากว่างเฉิงพลันมีแสงอัสดงลอยขึ้น ปราณเซียนหลายสายหมุนเวียน
ด้านนอกนิวาสถานแห่งหนึ่งยืนไว้ด้วยบุรุษองอาจภายนอกมีอายุสามสี่สิบปี จอนสองข้างเป็นสีขาวประปราย ใบหน้าหล่อเหลาถึงขีดสุด
เขายืนอยู่ที่นั่น ไม่ได้สร้างสภาวะอันใด กลับมีความรู้สึกการดำรงอยู่ที่โดดเด่น เหมือนกับใจกลางฟ้าดิน
เป็นในนิวาสสถานด้านข้างบุรุษผู้นี้ ตอนนี้มีแสงอัสดงพุ่งสู่ฟากฟ้า มิได้เจิดจ้าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
ทว่าขณะนี้บุรุษมีสีหน้ายินดี ดวงตาเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม คารวะนิวาสสถานอย่างจริงจัง “ยินดีกับอาจารย์ที่ฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียน ผลักเปิดประตูเซียน สำเร็จร่างไร้ช่องโหว่วได้อย่างราบรื่น”
ด้านหลังบุรุษยังยืนไว้ด้วยคนหลายคน ระดับพลังฝึกปรือมีสูงมีต่ำ คนที่อยู่ด้านหน้าเป็นสตรีผู้งดงามที่สูงชะลูดยิ่งคนหนึ่ง
ผู้คนมีสีหน้ายินดีเช่นกัน ต่างคารวะไปทางนิวาสถานอย่างจริงจัง “ยินดีกับท่านอาจารย์ที่ฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียน ผลักเปิดประตูเซียน สำเร็จร่างไร้ช่องโหว่วได้อย่างราบรื่น”
ประตูนิวาสสถานเปิดออก ชายแก่ที่ร่างกายผอมซูบผู้หนึ่งเดินออกมา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ปล่อยให้พวกเจ้ารอนานแล้ว”
เป็นเจ้าสำนักคนเก่าของเขากว่างเฉิง หยวนเจิ้งเฟิง
เขามองบุรุษผู้องอาจ ทอดถอนใจพลางกล่าว “เยี่ยนตี๋เอ๋ย จ้าวสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่มาคุ้มกันการฝ่าภัยพิบัติของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งได้อย่างไร? พวกเราล้วนทราบว่า ภัยพิบัติมนุษย์เซียนได้แต่ต้องพึ่งตัวเอง คนอื่นช่วยเหลือไม่ได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องรออยู่ที่นี่”
เยี่ยนตี๋ยิ้มเรียบเฉย “ศิษย์คุ้มครองอาจารย์ผู้มีพระคุณ ปกติยิ่ง”
“เจ้านี่…” หยวนเจิ้งเฟิงมิใช่คนไร้เหตุผล อดยิ้มพลางส่ายหน้าไม่ได้ “แค่เจ้านึกถึงก็พอแล้ว ใยต้องยึดมั่นในพิธีรีตองอีก? พวกเจ้าคนรุ่นหนุ่มสาวจึงเป็นเสาค้ำสำนักเราและฟ้าเหนือฟ้า อย่าได้เสียการใหญ่เพราะเรื่องเล็กน้อย นับวันดูแล้วใกล้จะครบสี่สิบเก้าปีแล้วกระมัง?”
“วันที่จะครบสี่สิบเก้าปีกำลังมาแล้ว” เยี่ยนตี๋ตอบคำถามของหยวนเจิ้งเฟิงก่อน จากนั้นก็ค่อยพูดว่า “การเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นเซียนแตกต่างกัน ครั้งนี้ศิษย์ย่อมต้องมา”
หยวนเจิ้งเฟิงโบกมือ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “คลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า สืบทอดอดีตพัฒนาต่อไปในอนาคต สามารถเห็นสภาพรุ่งเรืองในวันนี้ได้ ข้าสมปรารถนาแล้ว”
“ข้าผู้เฒ่าสามารถถอดกายมนุษย์ สำเร็จร่างเซียน จะว่าไปล้วนอาศัยพวกเจ้าคนหนุ่มสาว อาศัยสภาพในตอนนี้บนฟ้าเหนือฟ้าและความแข็งแกร่งของสำนักเรา ตัวข้ามิอาจชมเชยตัวเองได้”
เยี่ยนตี๋ยิ้ม “อาจารย์ ด้วยระดับและอายุขัยในตอนนี้ของท่าน อายุของท่านยังน้อยยิ่ง บอกว่าเป็นคนหนุ่มไม่ถือว่าเกินเลย แต่มิใช่ชายชราแล้ว ยิ่งไม่ต้องบอกว่าเป็นผู้เฒ่า”
“เคยชินไปแล้ว เป็นการบ่งบอกว่าจิตใจข้าแก่แล้ว” หยวนเจิ้งเฟิงหัวเราะเยาะตนเอง “ถ้าหากมิใช่พวกเจ้าพูดจนข้าฮึดขึ้นมา เกิดความคิดขึ้น อายุขัยมากไป ก็เป็นแค่การใช้ชีวิตไปวันๆ เท่านั้น”
สตรีร่างสูงข้างเยี่ยนตี๋ยามนี้เอ่ยขึ้น “อาจารย์เป็นเพราะท่านยังมีปณิธาน ดังนั้นจึงวันนี้จึงพัฒนาขึ้นไม่หยุดยั้ง อนาคตมีความสำเร็จมากกว่าเดิม สามารถเฝ้าคอยได้แล้ว”
สตรีนางนี้ย่อมเป็นฟู่เอินซูที่เป็นศิษย์พี่ของเยี่ยนตี๋ และเป็นลูกศิษย์ของหยวนเจิ้งเฟิง
พวกเฟิงฉือยืนอยู่ด้านข้างเยี่ยนตี๋กับนาง แม้นพลังฝึกปรือจะมีสูงมีต่ำ แต่ล้วนเป็นศิษย์ที่หยวนเจิ้งเฟิงสอนสั่งด้วยตัวเอง วันนี้จึงมาแสดงยินดีกับการออกฌานของอาจารย์ผู้มีพระคุณ
กล่าวโดยมองจากภายนอก หยวนเจิ้งเฟิงมีพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์สูงมาก ถ้าหากว่าเติบโตขึ้นในเงื่อนไขสภาพแวดล้อม ณ ตอนนี้ของเขากว่างเฉิง ความสำเร็นของเขาจะโดดเด่นกว่าตอนนี้
สภาพแวดล้อมกับประสบการณ์บนโลกแปดพิภพในอดีต ได้ฉุดรั้งหยวนเจิ้งเฟิงระดับหนึ่ง
เขาอาจจะไม่บรรลุถึงขีดจำกัดศักยภาพของตัวเองได้อีก
ยังดีที่สุดท้ายเขาก็ไล่ตามการพัฒนาของฟ้าเหนือฟ้าและเขากว่างเฉิงในตอนนี้ได้ทัน
การตั้งใจฝึกฝนโดยที่ไร้ความกังวลทำให้หยวนเจิ้งเฟิงยังคงขึ้นสู่ระดับที่คนจำนวนมากมิอาจบรรลุถึงตลอดชีวิต
ดังนั้นในใจของหยวนเจิ้งเฟิงจึงเกิดแรงผลักดันและความฮึกเหิมอยู่ยืนยาว ทว่าก็มิได้เสียดายโอกาสในชีวิต หรือแม้แต่เกิดความคิดโทษคนอื่น
เขาที่เคยผ่านยุคที่มืดมิดที่สุดบนเขากว่างเฉิงในโลกแปดพิภพมา มีจิตใจสงบนิ่งยิ่ง
เขาโชคดีกว่าจ่านซีโหลวอาจารย์ของเขา ยังมีจ่านตงเก๋ออาจารย์ลุงของเขามาก ทั้งยังโชคดีกว่าคนจำนวนมากในยุคเดียวกัน
“บางทีอาจยังพัฒนาได้อีก แต่สำหรับสถานการณ์ความรุ่งเรืองของสำนักเต๋าเรา ก็เป็นเพียงเพิ่มดอกไม้บนผ้าแพรเท่านั้น” หยวนเจิ้งเฟิงยิ้ม “อนาคตยังคงเป็นพวกเจ้าสร้างขึ้น สามารถได้พบพานโลกที่รุ่งเรือง และเพิ่มอิฐเติมกระเบื้องให้แก่มัน ข้าก็พอใจแล้ว”
เฟิงฉือว่า “สภาพโลกที่รุ่งเรืองปรากฏออกมาเรื่อยๆ หลายปีมานี้สำนักเต๋าเราให้กำเนิดยอดฝีมือไม่ขาดสาย พูดถึงยอดฝีมือระดับเซียน นอกจากอาจารย์ท่านผลักเปิดประตูเซียนในวันนี้ ก่อนหน้านี้ไม่นาน ใต้าเท้าจักรพรรดิแพรแห่งแผาบัวแดงบนยอดเขาอัศจรรย์ ก็รวมสองปราณเป็นวายุสำสำเร็จ ฝ่าภัยพิบัติสัจพิศวง อยู่ในระดับเซียนลี้ลับสงบนิ่ง”
“จริงหรือ?” หยวนเจิ้งเฟิงพยักหน้าติดต่อกัน “นั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่าแท้จริง”
ก่อนที่จะได้พบหยางเจี่ยนที่อยู่บนวังดุสิต เยี่ยนจ้าวเกอ ฟู่อวิ๋นฉือ เฉาเจี๋ยได้ร่วมกันศึกษาการสืบทอดสายเอกพิสุทธิ์ ทำให้วิชาสะบั้นน้ำใจพึ่งพาตัวเองปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อมีวิชานี้ เส้นทางของจักรพรรดิแพรฟู่อวิ๋นฉือก็ชัดเจนและราบเรียบขึ้น
หลังผ่านความพยายามในหลายปีมานี้ เขาสร้างร่างแยกสองร่าง แยกกันฝากความรักที่มีต่อบุตรสาวสองคน มีน้ำใจลืมน้ำใจมิใช่ไร้น้ำใจ กลับสู่ครรลองที่ถูกต้อง ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าตอนที่จักรพรรดิแพรอาภรณ์ดำหมายจะใช้เมฆแปลงกำเนิด
หลังจากจัดการอุปสรรคทั้งหมดในระดับเซียนจริงแท้ได้ ในที่สุดฟู่อวิ๋นฉือก็พุ่งชนภัยพิบัติสัจพิศวง ทั้งยังฝ่าภัยพิบัติสำเร็จ สองปราณรวมเป็นวายุ ขึ้นสู่ระดับเซียนลี้ลับ เพิ่มกษัตริย์คนหนึ่งให้แก่ฟ้าเหนือฟ้า
“อืม ดูเหมือนข้าจะต้องไปผาบัวแดงแล้ว” หยวนเจิ้งเฟิงว่า
ฟู่เอินซูยิ้ม “ไม่ต้องรีบร้อน ไม่แน่ว่าใต้เท้ากษัตริย์แพรจะต้องมาหาพวกเรา”
ตามปกติแล้ว เรื่องน่ายินดีแบบนี้ไม่ประกาศออกไปยังพอว่า ถ้าหากประกาศทั่วใต้หล้า ขุมกำลังอื่นๆ ที่ไม่มีความแค้นกัน มักจะส่งคนมาแสดงความยินดี
ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์บังเอิญ ขุมกำลังสองฝ่ายมีคนเลื่อนเป็นเซียนในช่วงใกล้เคียงกัน ต่างฝ่ายต่างส่งคนสแดงความยินดี ขุมกำลังอื่นๆ ต้องแยกกันส่งคนสองกลุ่มไปร่วมพิธี
แต่สมมติว่ายอดฝีมือที่เลื่อนขอบเขตของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีระดับสูงกกว่า อย่างเช่นจักรพรรดิแพรกลายเป็นกษัตริย์ ตามหลักเกณฑ์ที่เห็นพ้องกันแล้ว จะเป็นหยวนเจิ้งเฟิงที่กลายเป็นเซียน ถูกเรียกว่าจักรพรรดิแห่งเขากว่างเฉิง กับตัวแทนของขุมกำลังอื่นๆ มุ่งหน้าไปที่ผาบัวแดง ขณะที่หยวนเจิ้งเฟิงแสดงความยินดีกับฟู่อวิ๋นฉือ ก็รับพิธีแสดงความยินดีของคนอื่นๆ พร้อมกับฟู่อวิ๋นฉือด้วย
สถานการณ์แบบนี้มีให้เห็นน้อยสุดขีด แต่มิใช่ว่าไม่เคยมีตัวอย่าง ดังนั้นทุกคนเพียงดำเนินการตามธรรมเนียมใช้ได้แล้ว
แต่ตอนนี้คำพูดของฟู่เอินซูทำให้หยวนเจิ้งเฟิงงุนงงอยู่บ้าง
ถึงแม้ปัจจุบันเขากว่างเฉิงจะมีตำแหน่งและขุมกำลังเหนือกว่าผาบัวแดง แต่ว่ารูปแบบบนฟ้าเหนือฟ้าของเขากว่างเฉิงมิใช่ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ เรื่องราวแบบนี้ไม่ถึงกับทำลายกฎเกณฑ์ที่ตกลงกันจนกลายเป็นธรรมเนียม
สามารถทำให้ฟู่อวิ๋นฉือกับผาบัวแดงมายังเขากว่างเฉิง เช่นนั้นก็มีเพียงความเป็นไปได้เดียว
ในเขากว่างเฉิงมียอดฝีมือระดับสูงกว่าเซียนลี้ลับถือกำเนิดขึ้น!
“หรือว่าจ้าวเกอ...” หยวนเจิ้งเฟิงไตร่ตรองเล็กน้อย สีหน้าฉายแววยินดีทันที
ในตอนนั้นเอง เสียงเขายังไม่ทันขาดลง ก็เห็นในนิวาสสถานอีกแห่งบนเขาหลังของเขากว่างเฉิง มีแสงอัสดงห้าสีพุ่งสู่ฟากฟ้า!
รุ้งแผ่พุ่งทั่วฟ้าดิน ขยายออกไปรอบๆ ไม่หยุด
สายลมก้อนเมฆเคลื่อนตัว ถึงกับครอบคลุมฟ้าเหนือฟ้า ถึงขั้นม้วนออกไปด้านนอก