ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1595 ท่านมาข้าไป ต่างแสดงอิทธิฤทธิ์
“ตัวใช้ไม่ได้ รับการทุบตี!” วานรปีศาจยกกระบองสารพัดนึกขึ้น ฟาดใส่พุทธะที่มีท่วงท่าน่าเกรงขาม
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกออาละวาดบนโถงเซียนในครั้งนั้น วันนี้ก็สู้กับยุทธวิชัยพุทธะอีกครั้ง
ยุทธวิชัยพุทธะมองวานรปีศาจ จากนั้นก็มองดูกระบองสารพัดนึกท่อนนั้นด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ท่านพอแสดงกายทอง ทุกคนที่เห็นล้วนงุนงง
ในมือสิบแปดข้างแยกกันถือพาหุรัด กรด กระถางดอกไม้ ไส้ปลา วัชรปลุกเสก ตะไบวิเศษ บาตรทอง ธนูทอง ง้าวเงิน ธง ของวิเศษมากมาย!
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกับในอดีตก็คือ กายทองยุทธวิชัยพุทธะในตอนนี้ไม่ได้มียี่สิบเศียรเหมือนก่อนหน้า แต่มียี่สิบสองเศียร!
‘ตอนนั้นสูญเสียกระบองสารพัดนึกไป กลับทำให้ท่านละวางอดีตได้ส่วนหนึ่ง ถึงจะขาดอาวุธ แต่ว่าพลังฝึกปรือของตนกลับก้าวหน้าขึ้นขั้นหนึ่ง’
ที่อยู่รอบๆ ล้วนเป็นบุคคลระดับสุดยอด จึงเข้าใจสาเหตุในนี้
การบำเพ็ญของยุทธวิชัยพุทธะมาจากพระอาจารย์โพธิและบุญกุศลพุทธะ
พระอาจารย์โพธิคือพระยูไล หรือก็คือนักพรตจุ่นถี ศาสดาคนที่สองแห่งนิกายตะวันตก
สำหรับยอดฝีมือระดับสุดยอดที่อยู่รอบๆ ข้อมูลนี้ไม่ใช่ความลับอีกต่อไปแล้ว
ตอนนักพรตจุ่นถีปรากฏตัวลงมือกับผู้คน เป็นกายทองมียี่สิบสี่เศียร สิบแปดกร
ยุทธวิชัยพุทธะในวันนี้เข้าใกล้ลักษณะกายทองของนักพรตจุ่นถีในตอนนั้นอีกก้าวหนึ่ง
กายทองมหาเทวะที่เกิดจากร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสนใจยังไม่สนใจ ง้างกระบองสารพัดนึกขึ้นฟาดใส่ศีรษะ
ยุทธวิชัยพุทธะพลิกเปลี่ยนแขนสิบแปดข้าง ทั้งโจมตีทั้งตั้งรับ ต้านทานสภาวะโจมตีของวานรปีศาจ พร้อมโต้กลับ
หลังจากผ่านการฟื้นฟูเป็นเวลาร้อยปี อาการบาดเจ็บของเขาหายดีแต่แรก ปัจจุบันอยู่ในสภาพสูงสุดของตัวเอง ถึงขั้นยังมีการยกระดับขึ้น
ตอนนั้นท่านไม่ได้รับการรักษาอาการบาดเจ็บ สะกดกายทองมหาเทวะร่างหนึ่งได้ ปัจจุบันย่อมไม่ต้องพูดมากความ
แต่ว่าในมือวานรปีศาจ ณ ตอนนี้กลับเพิ่มกระบองสารพัดนึก สถานการณ์ไม่เหมือนกัน
ความเหี้ยมโหดอำมหิตของอาวุธขั้นสุดยอดชิ้นนี้ ยุทธวิชัยพุทธะทราบดีกว่าใคร
ถึงอาการบาดเจ็บของท่านจะหายดี พลังฝึกปรือยังมีความรุดหน้า ขณะนี้เผชิญกับวานรที่โบกเหล็กเทพท่อนนั้น ก็ถ่วงเวลาเป็นหลัก ผลาญเวลาคงสภาพกายทองมหาเทวะของเยี่ยนจ้าวเกออย่างเต็มที่ ไม่กล้าสัมผัสคมตรงๆ
สงครามของสองฝ่ายอยู่ในจุดสูงสุดทันที สู้กันจนขึ้นฟ้าเข้าดิน ดุเดือดอย่างยิ่ง
วานรยักษ์สองตัวที่สวีเฟยกับพ่านพ่านแปลงขึ้น ถึงแม้ไม่มีกระบองสารพัดนึกในมือ กลับเกรี้ยวกราดดุร้าย บนสามารถต้านพุทธะโพธิสัตว์ระดับมหาชาล ล่างสามารถกวาดทำลายนักบวชศาสนาพุทธระดับสุญญตา จนอีกฝ่ายยากเข้าใกล้เยี่ยนจ้าวเกอกับค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
ครั้งนี้จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋สู้กับบุญกุศลพุทธะ
พุทธะอ้าปาก กล่าวจนบุปผาร่วงหล่นจากฟ้า
เทวกษัตริย์ยกมือ เหนี่ยวนำสายฟ้าถั่งโถม
สีทอง สีเขียว สีแดง…บัวเขียวมากมายเปลี่ยนจากปลอมเป็นจริง กลายเป็นทะเลดอกไม้ กลบฝังจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
วินาทีต่อมา สายฟ้าดังขึ้นติดต่อกัน ระเบิดทำลายดอกไม้มากมาย
บุญกุศลพุทธะกล่าวว่าน้ำค้างเช้าฟองเงา ทำลายอัสนีนิรันดร์
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ใช้สายฟ้าอนัตตาทำลายวิชาเคลื่อนไหวอย่างย่างก้าวเกิดบัวของอีกฝ่าย
สองฝ่ายท่านมาข้าไป สู้กันดุเดือด
เยียนตี๋มีเมฆแปลงกำเนิดบนศีรษะ ดาบยาวอยู่ในมือ ปะทะกับพุทธะที่สำเร็จผลพุทธมหาชาลแล้วท่านหนึ่งโดยตรง
พุทธะผู้นี้กลับเป็นกุศลวิจิตรพุทธะซึ่งในอดีตเป็นหนึ่งในสามสิบห้าพุทธแห่งแดนอภิรดีศูนย์กลาง
แดนอภิรดีศูนย์กลางถูกแบ่งแยก พุทธ โพธิสัตว์ อรหันต์ พระสงฆ์จำนวนมากมรณะเพราะพระศรีอาริย์ คนที่เหลือส่วนใหญ่ไปยังแดนสุขาวดีตะวันตก กุศลวิจิตรพุทธะเป็นหนึ่งในนี้
พุทธะผู้นี้มีกายเป็นสีเหลืองทอง คีบนิ้วชี้นิ้วโป้ง วางอยู่บนเข่าขวา มือซ้ายรองบนตัก มีฉายาสงฆ์ว่ากุศล
ท่านคีบนิ้วเหมือนดอกไม้ ดีดนิ้วใส่เยี่ยนตี๋
พระธรรมที่ลี้ลับล้ำลึกกลับถูกเมฆแปลงกำเนิดบนศีรษะเยี่ยนตี๋ขวางไว้
กลุ่มเมฆที่มองไม่เห็นสภาพขอบเขตชัดเจนเหมือนเมฆดาราที่โกลาหลพลิกม้วนเป็นชั้นๆ บานออกเหมือนดอกบัว แก้ไขการโจมตีของกุศลวิจิตรพุทธะ
เยี่ยนตี๋ฟันดาบออก แหวกแสงพุทธหลายสาย ต้องใส่กายทองของกุศลวิจิตรพุทธะ
ถึงสุญญตาจะยากทำร้ายมหาชาล แต่ว่าสภาวะการโจมตีที่ดุร้ายเกรี้ยวกราดก็ทำให้กุศลวิจิตรพุทธะหยุดเคลื่อนไหว ไม่อาจไปด้านหน้าต่อ
เยี่ยนตี๋สีหน้าไม่มีความซับซ้อน หันกลับไปฟันดาบหนึ่งใส่พระโพธิสัตว์ศาสนาพุทธที่เทียบได้กับระดับสุญญตาสำนักเต๋าอีกคนหนึ่ง ตัดแขนข้างหนึ่งของอีกฝ่าย
กุศลวิจิตราพุทธะมีความคิดหยุดยั้ง กลับพบว่า เยี่ยนตี๋ทำอะไรท่านไม่ได้ ท่านผู้อยู่ในระดับมหาชาลที่ยิ่งใหญ่ถึงกับทำลายเมฆแปลงกำเนิดบนศีรษของเยี่ยนตี๋ไม่ได้เช่นกัน
ท่านต้องการอ้อมผ่านเยี่ยนตี๋ไปทางค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
แต่เยี่ยนตี๋ฟันดาบมาอีกหนึ่งครั้ง กั้นทางไปของกุศลวิจตรพุทธะ ทำให้อีกฝ่ายยากจะก้าวข้ามเขตแดน
มหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย โบกฝ่ามือเบาๆ แสงพุทธไร้ประมาณเหมือนกับทะเลไฟเพลิงขาว ถมเต็มฟ้าดิน ไม่มีขีดจำกัดไม่มีสิ้นสุด
แต่ไม่รอแสงพุทธของมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์สาดลง ระหว่างท่านกับเยี่ยนตี๋ก็เพิ่มแผ่นดินไร้ขอบเขตผืนหนึ่ง
แสงพุทธถมเต็มฟ้าดิน ส่องโลกบนพื้นจนไร้ความมืดแม้แต่เส้นสายเดียว กลับไม่อาจผ่านผืนดิน ส่องสว่างพื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่า
สตรีสวมอาภรณ์งดงามผู้หนึ่งปรากฏตัวด้านหน้ามหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ พูดอย่างสงบนิ่ง “ได้เจอกันอีกแล้ว เชิญมหาสถามปราบต์สั่งสอน”
“มารดาแห่งแผ่นดิน...” มหาสถามปราบต์โพธิสัตว์สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ประนมมือ
ภายใต้แสงพุทธสาดส่อง พื้นดินกลายเป็นดินเกรียม เปลวเพลิงรุนแรงกว่าเดิม
สตรีอาภรณ์งดงามผู้นั้นสีหน้าสงบนิ่ง ไม่รีบไม่ร้อน ต้านทานสภาวะโจมตีของมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์
ด้านล่าง การปะทะระหว่างสองค่ายกลใหญ่ ตราชั่งผลแพ้ชนะกำลังเอนเอียงไปทางค่ายกลลงทัณฑ์เซียนอย่างมั่นคง
ความคุ้นเคยที่เยี่ยนจ้าวเกอมีต่อค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งค่อยๆ ได้ใช้ประโยชน์
เทวกษัตริย์ไร้ประมาณไม่ได้มาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะทำลายค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งไม่ได้ชั่วขณะ แต่พร้อมกับเวลาที่ผ่านไปก็ยิ่งมายิ่งเคลื่อนคมเหลือช่องว่างแล้ว
เจ้าแม่อู๋ตังกำลังหลอมเปลี่ยนกระบี่สังหารเซียน
ถ้าไม่หลอมเปลี่ยนกระบี่สังหารเซียน ก็นำกระบี่จากไปไม่ได้
กลับกัน ขอแค่หลอมเปลี่ยนกระบี่โบราณได้โดยสมบูรณื กำจัดรอยตราของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณที่อยู่ด้านในได้ สำนักเต๋าสายหลักจะเก็บกระบี่นี้เข้ากระเป๋าได้อย่างแท้จริง คิดไปก็ไป คิดสู้ก็สู้
ตอนนั้นเป็นมังกรกลับคืนสู่มหาสมุทร เสือเข้าภูลึก
สิ่งที่ช่วงชิงอยู่ในเวลานี้เอง
คนในสำนักเต๋าขอแค่ต้านทานการโจมตีของศัตรูไว้ได้ก็ใช้ได้แล้ว
แน่นอนว่านอกจากศาสนาพุทธตรงหน้า ยังมีเผ่าปีศาจซ่อนอยู่ด้านข้าง รอเป็นชาวประมงได้ประโยชน์ เตรียมลงมือตลอดเวลา
ดังนั้นขณะที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอต่อสู้กับศาสนาพุทธ ก็คอยระวังเผ่าปีศาจตลอดเวลา
พระอาจารย์เสวียนตูกอดพิณฝูซี ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง
พิณฝูซีในอกเขาแม้นไม่อาจใช้โจมตีได้ แต่ว่าเทวกษัตริย์สำนักเต๋าผู้นี้ไม่อนุญาตให้คนอื่นดูแคลน
“สหายร่วมเส้นทางเสวียนตู ในที่สุดท่านเข้าสู่โลกแล้ว” ทีปังกรพุทธมองเขา กล่าวอย่างสบายๆ
“ภัยพิบัตินี้เกี่ยวพันล้ำลึกเกินไป ไม่อาจไม่มา” พระอาจารย์เสวียนตูตอบอย่างสงบนิ่ง
ทีปังกรพุทธยังรอจะพูดอะไรสักอย่าง เปลวเพลิงปลิวว่อนด้านหน้า
สงครามครั้งนี้ ปัญหาทางกระบี่สังหารเซียนตัดสินให้ฝ่ายสำนักเต๋าต้องตั้งรับก่อน
แต่ไม่ใช่ไม่มีคนคิดบุก
อย่างเช่นสั่วหมิงจางที่โผล่ขึ้นตรงหน้าทีปังกรพุทธะในตอนนี้!
บุรุษผมสั้นสาวเท้าไปเบื้องหน้า เดินผ่านความว่างเปล่า ยั่วยุผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทัพของอีกฝ่ายด้วยตัวเอง