ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1602 ปณิธานแก่กล้า!
พอเห็นเซียนเมฆดำกำลังจะเข้ามาในค่ายกล พระอาจารย์เสวียนตูก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
เขาคิดขัดขวาง แต่ว่ารูปไท่จี๋ก่อนกำเนิดที่ก่อนหน้านี้คลุมน่านน้ำในธารสวรรค์ ยามนี้สลายไปโดยสมบูรณ์
บัวเขียวที่ลอยนิ่งอยู่กลางน้ำ กำลังจะบานออกอีกครั้ง
เสียงเวิงดังขึ้นบนพิณฝูซีอีกรอบหนึ่ง!
สายพิณเส้นที่สามขาด แสงสว่างไหลเวียน รูปไท่จี๋ก่อนกำเนิดใบใหม่ปรากฏขึ้น ครอบคลุมรอบๆ ธารสวรรค์อีกครั้งหนึ่ง
ถึงตรงนี้ พิณฝูซีชิงเวลาชั่วครู่ให้ใหม่
แต่ว่าสายพิณที่เหลืออยู่ มีแค่เส้นสุดท้าย
คนที่อยู่บนสมรภูมิรบกันรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
ลู่ยาเต้าจวินหมุนน้ำเต้าติดต่อกัน ประกายคมจากการลงมือครั้งสุดท้ายของมีดบินสังหารเซียนถูกเขาเก็บ แต่ว่าความแข็งแกร่งของการหยุดร่างล่อลวงจิตใจ กลับถูกผลักดันสู่จุดสูงสุด
หลังจากแสงขาวหมุนอยู่บนร่างหยางเจี่ยนรอบหนึ่ง ก็ครอบคลุมกายทองมหาเทวะอีกครั้ง ทำให้พวกเขาสับสน
เฟิงอวิ๋นเซิงพ่นลมหายใจออกยาวๆ ไม่ซ่อนในความว่าเปล่าอีก แต่ว่าสาวเท้าไปเบื้องหน้า ฟันดาบใส่น้ำเต้าสังหารเซียนในมือลู่ยาเต้าจวิน!
ประกายดาบสีดำกับเส้นแสงสีขาวที่น้ำเต้าพ่นออกมา ปะทะและส่องสะท้อนกันเอง
แสงสีดำหมุนอย่างหักโหม แสงสีขาวกลับสั่นไหวขึ้นมา
ปะทะกับของวิเศษเช่นนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงได้เปรียบกว่าหยางเจี่ยน ด้วยการคุกคามจากประกายดาบเหวลึกโกลาหลสูญ กำลังจะฟันเส้นแสงสีขาวนั้นให้ขาดลง
ทว่าวานรขาวเชื่อมฟ้าตัวหนึ่ง ยามนี้ไล่ตามมาใหม่ หยุดเฟิงอวิ๋นเซิงไว้
ประกายดาบของเฟิงอวิ๋นเซิงบ้าคลั่งน่ากลัว แต่ว่าวานรขาวตรงหน้าก็สุดที่คนธรรมดาจะเทียบได้เช่นกัน
เมื่อครู่ยามเผชิญหยางเจี่ยน หยวนหงถูกเล่นงานอย่างน่าอนาถ แต่ว่านั่นเป็นเพราะสิ่งที่เขาถนัด หยางเจี่ยนไม่เพียงกระทำได้ ยังบดขยี้เขาในทุกๆ ด้าน
กระนั้นเผชิญหน้าคนอื่นนอกจากหยางเจี่ยน หยวนหงแสดงวิชากรเปลี่ยนแปลงเชื่อมฟ้าดินออกมา ประสานกับพละกำลังอันมหาศาล เป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดไม่กี่ตนในเผ่าปีศาจเช่นกัน
เขาต่อสู้กับเฟิงอวินเซิง ผลแพ้ชนะยากจะแยกแยะออกในระยะเวลาสั้นๆ กลับทำให้เฟิงอวิ๋นเซิงมิอาจเข้าใกล้ลู่ยาเต้าจวิน
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้หันไปหาเรื่องหยางเจี่ยน
ถึงแม้เขาจะสู้หยางเจี่ยนไม่ได้ แต่ด้านหยางเจี่ยนก็ได้รับการโจมตีจากยอดฝีมือศาสนาพุทธเช่นกัน
ลู่ยาเต้าจวินไม่ได้ลงมือ แต่คอยควบคุมสถานการณ์ โยกย้ายยอดฝีมือเผ่าปีศาจ คอยหาโอกาส
พระอาจารย์เสวียนตูซึ่งกอดพิณฝูซีไว้มาโดยตลอด ไม่ได้ออกโรงลงมือด้วยตัวเอง ยิ่งเป็นเป้าหมายที่เขาให้ความสำคัญกว่า
มีดบินสังหารเซียนเดี๋ยวเก็บเดี๋ยวปล่อย ขณะที่เคลื่อนย้ายไปอย่างเป็นธรรมชาติ ก็ส่งผลคุกคามคน แม้แต่นักบวชศาสนาพุทธก็กำลังป้องกันแสงสีขาวอันน่ากลัวสายนั้นเช่นกัน
สั่วหมิงจางเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้ว แต่ไม่อาจปล่อยทีปังกรพุทธะที่อยู่ตรงหน้าตนไป
ไม่อย่างนั้นทีปังกรพุทธะจะต้องไม่ร่วมมือกับเขาไปรับมือลู่ยาเต้าจวิน แต่อาศัยเขาขัดขวางลู่ยาเต้าจวิน จากนั้นอดีตพุทธะองค์นี้ก็จะไปเอาค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
ถึงหยางเจี่ยนจะพิสูจน์แล้วว่าตอนเผชิญมีดบินสังหารเซียนในวันนี้ตนมิใช่ไม่มีพลังโต้กลับ แต่กลับยังมีคู่ต่อสู้คนอื่นๆ อย่างเผิงท่องเมฆหมื่นลี้คอยพัวพันด้านข้าง ทำให้เขามิอาจตัดสินสูงต่ำกับลู่ยาเต้าจวินได้อย่างแท้จริง
เขากลับคิดปล่อยยุทธวิชัยพุทธะกับมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ไป
ในสถานการณ์ปกติ เผิงท่องเมฆหมื่นลี้จะไปหยุดคนจากศาสนาพุทธเช่นกัน
ระหว่างเผ่าปีศาจกับศาสนาพุทธเป็นคู่ต่อสู้ที่ช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเหมือนกัน
แต่ปัญหาอยู่ที่พวกยุทธวิชัยพุทธะมีธงวิเศษบัวเขียวในมือ นอกจากหยางเจี่ยนแปลงเป็นมหาพุทธะใช้พุทธเกษตรในฝ่ามือขังพวกท่านแล้ว ประจัญหน้ากับคู่ต่อสู้คนอื่นอย่างเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ พวกยุทธวิชัยพุทธะไม่จำเป็นต้องสนใจ พุ่งเข้าไปในค่ายกลลงทัณฑ์เซียนได้โดยตรง
แม้แต่มีดบินสังหารเซียนของลู่ยาเต้าจวินก็เกรงว่าจะทำอะไรพวกท่านไม่ได้
หากปล่อยให้พวกท่านเข้าไปในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ผลลัพธ์จะย่ำแย่ยิ่งกว่าเซียนเมฆดำตนเดียวเสียอีก
ดังนั้นหยางเจี่ยนได้แต่สะกดเหล่านักบวชจากศาสนาพุทธอย่างยุทธวิชัยพุทธะ ทางหนึ่งต่อสู้กับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ ขณะเดียวกันยังต้องคอยระวังมีดบินสังหารเซียนของลู่ยาเต้าจวิน
เห็นลู่ยาเต้าจวินแสดงอานุภาพเหลือล้น มีสภาวะข่มขวัญทุกผู้คนชั่วขณะ ธารสวรรค์ตรงหน้าสั่นไหวเบาๆ อีกครั้ง
แสงดาวหกสายสว่างขึ้นในความว่างเปล่า กลิ่นอายการฆ่าฟันแผ่พุ่ง
บุรุษที่สวมมงกุฎ ใส่ชุดเต๋า เค้าหน้าน่าเกรงขามเหมือนจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ปรากฏตัว
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋เห็นเขา สีหน้าสงบนิ่ง เหมือนกับไม่ประหลาดใจ “สหายร่วมเส้นทางมาแล้ว?”
บุญกุศลพุทธะที่สู้กับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋อยู่ถอนใจ “สหายร่วมเส้นทางโกวเฉิน ในที่สุดท่นก็มาแล้วเช่นกัน”
คนที่อยู่รอบๆ ล้วนเป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดจากเต๋า พุทธ ปีศาจสามฝ่าย ย่อมทราบความเป็นมาของบุรุษผู้นี้
หนึ่งในสี่เทวราชแห่งวังเทพสำนักเต๋า เคียงบ่าเคียงไหล่จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋และมารดาแห่งแผ่นดิน
จักรพรรดิราชันฟ้าตำหนักสวรรค์โกวเฉิน!
หนึ่งในเทวกษัตริย์สำนักเต๋าทั้งหลายที่หลงเหลืออยู่หลังมหาภัยพิบัติ
เป็นเพราะความเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นจึงแยกทางกับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ และเจ้าแม่อู๋ตัง
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกออาละวาดบนโถงเซียน โถงเซียนก็แก้แค้นโดยมีการสับสนุนจากแดนสุขาวดีตะวันตก โจมตีโลกซ้อนโลกและจักรวาลสำนักเต๋าในตอนแรก
จากนั้นเป็นต้นมา จักรพรรดิโกวเฉินก็ไม่ค่อยโผล่มาอีก ร่องรอยไม่ชัดเจน
สงครามในวันนี้ ยอดฝีมือสำนักเต๋าแทบทุ่มเทกำลังหมดรัง แม้แต่พระอาจารย์เสวียนซูซึ่งปกติอยู่ที่วังดุสิตก็มายังที่นี่
ทว่าจักรพรรดิโกวเฉินยังคงไม่ปรากฏตัว
ทุกๆ คน ต่างนึกว่าในที่สุดจักรพรรดิโกวเฉินไม่มีทางมาที่นี่
แต่ว่าเทวกษัตริย์สำนักเต๋าผู้นี้ท้ายที่สุดก็มาถึงแล้ว!
การมาของเขาทำให้ลู่ยาเต้าจวินขมวดคิ้วขึ้นก่อน
มิใช่เพราะความสามารถของจักรพรรดิโกวเฉิน แต่เป็นเพราะที่แล้วมาลู่ยาเต้าจวินไม่เคยลืมเรื่องเรื่องหนึ่ง
จักรพรรดิโกวเฉินมีของล้ำค่าชิ้นหนึ่งอยู่ในมือ
หยกหรูอี้ไตรรัตนะที่เทวกษัตริย์บรรพกำเนิดแห่งหยกพิสุทธิ์เคยพกติดตัว!
ถึงจักรพรรดิโกวเฉินจะมิอาจควบคุมหยกหรูอี้ไตรรัตนะได้เหมือนกับที่เจ้าแม่อู๋ตังมิอาจบังคับกระบี่แหนเขียวต้านทานศัตรู
แต่ว่าสำหรับลู่ยาเต้าจวินในตอนนี้ นี่กลับเป็นการคุกคามที่ยิ่งใหญ่!
“สั่ง!”
เป็นอย่างที่คาด จักรพรรดิโกวเฉินเพิ่งปรากฏตัว ไม่กล่าววาจาสักครึ่งประโยค ก็ประสานมือทันที
หยกหรูอี้ที่ด้ามเปล่งแสงสีม่วง ขาว และทองลอยขึ้นกลางอากาศ กลายเป็นแสงว่างสายหนึ่ง พุ่งชนลู่ยาเต้าจวิน
ลู่ยาเต้าจวินคิดหลบแต่ทำไม่ได้ เป้าหมายของแสงสว่างนั้นมิใช่ตัวเขา
แต่เป็นน้ำเต้าในมือ!
หยกหรูอี้ไตรรัตนะกลายเป็นลำแสงพุ่งลง อุดปากน้ำเต้าไว้
แสงขาวที่เหมือนเส้นขนพลันขาดลง น้ำเต้าร่วงลงจากมือของลู่ยาเต้าจวินโดยไม่รับการควบคุม ลอยอยู่ในน้ำขุ่น ร่องรอยไม่แน่นอน
จักรพรรดิโกวเฉินใช้หยกหรูอี้ไตรรัตนะ กระแทกมีดบินสังหารเซียนของลู่ยาเต้าจวินโดยตรง!
เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาหลีกเลี่ยงการปะทะกับโถงเซียนมาโดยตลอด ถึงขั้นเคยช่วยโถงเซียนต่อต้านแดนสุขาวดีบัวขาว คนอื่นๆ เห็นเขาลงมือก็รับมือลู่ยาเต้าจวินเผ่าปีศาจทันที ในใจอดเกิดความลังเลขึ้นหลายส่วนไม่ได้
แต่ว่าวินาทีถัดมาจักรพรรดิโกวเฉินก็เลือกบุญกุศลพุทธะเป็นคู่ต่อสู้ ให้จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ไปขัดขวางเซียนเมฆดำที่ค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
เหมือนกับพอมีการกระทำนี้ ท่าทีที่แสดงออกมาก็ชัดเจนถึงที่สุดแล้ว
หลังจากการคุกคามจากน้ำเต้าสังหารเซียนหายไป พวกหยางเจี่ยนก็พัดกระแสคลื่นโต้ตอบทันที
ลู่ยาเต้าจวินเห็นดังนั้น มิอาจไม่สืบเท้าขึ้นหน้า ออกโรงลงมือด้วยตัวเอง
แต่ว่าสิ่งที่รอเขาอยู่เป็นเสียงคำรามเสียงหนึ่ง
“ลู่ยา!”
กายทองมหาเทวะสามร่างส่งเสียงคำรามพร้อมกัน
กลางค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอก็สามาารถใช้การเปลี่ยนแปลงของหนึ่งปราณสามพิสุทธิ์โดยไร้ข้อกริ่งเกรง ส่งปราณพิสุทธิ์สามสายออกมาผสานกับกายทองมหาเทวะสามร่าง
ประกายแสงเจิดจ้า วานรยักษ์ค้ำฟ้าที่ส่งเสี่ยงกู่ร้องในที่สุดก็ปรากฏตัวขึ้น!