ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1608 ค่ายกลสังหารอันดับหนึ่งแห่งอดีตและปัจจุบัน!
เยี่ยนจ้าวเกอยกกระบี่ฟันลง สังหารเซียนเมฆดำในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
ผู้ยิ่งใหญ่สายเหนือพิสุทธิ์รุ่นหนึ่ง มหาเทวะเผ่าปีศาจ ตกตายลงเช่นนี้ เพิ่มบารมีให้แก่ชื่อเสียงของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
หลังจากฟันหัวของปลาเอ๋าเสร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็ดันมือขึ้นด้านบน กระบี่ลงทัณฑ์เซียนลอยขึ้นไปอยู่เหนือคานประตูที่ตั้งอยู่บนแท่นอีกครั้ง
แสงสีทองทั่วฟ้า หมอกเหลืองถั่งโถม แท่นสูงสี่แทนรอบรับประตูสี่บาน ตั้งตระหง่านในค่ายกล
ปราณสังหารมากมายพุ่งสู่ฟากฟ้า สั่นสะเทือนจักรวาล
ด้านในค่ายกล ปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกระจายไปทั่ว บดขยี้ความว่างเปล่า เห็นดิน น้ำ ลม ไฟแรกสุดได้ทั่วทุกที่ กระจายไปทั่ว
โลกเหมือนกับถูกทำลาย ทุกอย่างถูกบดขยี้กลับสู่ความว่างเปล่าอีกครั้ง
เหมือนภาพวันสิ้นโลกโดยสิ้นเชิง!
เยี่ยนจ้าวเกอเผชิญความเปลี่ยนแปลงไม่แตกตื่น ยืนนิ่งในค่ายกล กวาดมองไปรอบๆ
พวกพุทธะและพวกจอมปีศาจที่ก่อนหน้าแย่งกันเข้ามาในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ขณะนี้ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้อีกแล้ว
ค่ายกลอันน่ากลัวผนึกรวมพลังดุร้ายทั่วฟ้า กลายเป็นเหวแห่งความตาย กลืนกินทุกอย่างรอบๆ
ธารสวรรค์เชี่ยวกราก กับหมู่ดาวในจักรวาล ตอนนี้เปลี่ยนเป็นแห้งผากเสื่อมโทรม มุ่งสู่จุดจบด้วยผลกระทบจากค่ายกลงทัณฑ์เซียน
ถึงแม้ยังมีตราอาคมจากแสงหยกเหลืออยู่ในธารสวรรค์ แต่ลมโรคาอันมืดมิดหายไปแล้ว น้ำในธารหายขุ่น กระจ่างใสขึ้นอีกครั้ง
ขณะค่ายกลลงทัณฑ์เซียนแสดงความร้ายกาจ ในที่สุดค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งก็ต้านไว้ไม่ไหว ถูกปราณกระบี่ที่น่าสะพรึงทำลายทิ้งไป!
ในการปะทะกันของสองค่ายกลใหญ่ ค่ายกลงทัณฑ์เซียนสมกับได้ชื่อว่าเป็นค่ายกลอันดับหนึ่งแห่งอดีตและปัจจุบัน ได้รับชัยชนะขาดลอย
มุกค้ำทะเลที่ปังกรพุทธะใช้ซ่อมธารสวรรค์ ก็ถูกพลังยิ่งใหญ่ไร้รูปร่างบีบออกจากในน้ำ ทำให้อดีตพุทธะจนปัญญา
เงาร่างของเทวกษัตริย์เภรี เซียนสวรรค์มหาชาลแห่งวังเทพปรากฏขึ้น สีหน้าซีดขาว ลมปราณอ่อนแอ
ค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งถูกทำลาย เทวกษัตริย์เภรีที่เชื่อมการเคลื่อนลมปราณกับมัน โดนทำร้ายจนสาหัส
สิ่งที่ทำให้เขาสิ้นหวังยิ่งกว่าก็คือ ตอนนี้เกาชิงเสวียนร่างจริงลุกขึ้นในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน สองมือประคองกระบี่สังหารเซียน
เห็นบนกระบี่สังหารเซียนเพียงเหลือแสงหยกจุดสุดท้ายบนปลายกระบี่ มันกะพริบแสงบนปลายกระบี่ ไม่ยอมหายไป
ถึงเจ้าแม่อู๋ตังจะขยับไม่ไหว แต่ว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอกับเกาชิงเสวียนรู้อยู่แล้วว่าในเวลาแบบนี้สมควรทำอย่างไร จึงจะทำให้ก้าวสุดท้ายนี้เป็นจริง
นางดันสองมือ กระบี่สังหารเซียนลอยขึ้นไปกลางอากาศ
จากนั้นเกาชิงเสวียนก็ถือกระบี่แหนเขียว จี้ใส่กระบี่สังหารเซียน
หลังจากกระบี่สังหารเซียนสั่นไหวเบาๆ ก็ลอยขึ้นไปเหนือแท่นสูงแท่นหนึ่งในค่ายกล เข้าแทนที่เงามายาของตัวเอง ห้อยกลับหัวอยู่บนคานของประตูเหนือแท่นบานนั้น!
วินาทีนี้ หลังจากยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้น ในที่สุดสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนก็กลับคืนสู่ตำแหน่ง!
ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเหมือนกับต่างสั่นสะเทือนพร้อมกัน
คนด้านนอกค่ายกลเห็นดังนั้น ต่างตกตะลึง คล้ายกำลังจะเผชิญวันสิ้นโลก มุ่งสู่จุดจบ
ร่างเซียนสวรรค์มหาชาล ไม่เสื่อมสลายหลุดพ้นซึ่งทุกสิ่ง
ทว่าต่อหน้าการดำรงอยู่อย่างมหาภัยพิบัติล้างโลกเช่นนี้ เซียนสวรรค์มหาชาลก็มีชีวิตเหมือนดอกหญ้า
ภายใต้ผลของค่ายกล แสงหยกจุดสุดท้ายตรงปลายกระบี่ของกระบี่สังหารเซียน เริ่มจางลงไป
ค่ายกลที่น่ากลัวเริ่มขยายไปด้านนอกตามคำสั่งของเยี่ยนจ้าวเกอ!
ปราณกระบี่อันดุร้ายที่ไร้ประมาณไร้สิ้นสุดเหมือนกับคลื่นทะเล ทะลักไปทั่วทุกทิศทุกทาง
ธารสวรรค์ที่ไม่ทราบว่าส่วนปลายอยู่ตรงไหน ตอนนี้เริ่มถูกค่ายกลกระบี่กลืนกิน กำลังหายไป
น้ำในธารสวรรค์กลางจักรวาลที่ไม่ถูกแช่แข็ง และแม้อยู่ใกล้ดวงดาวก็ไม่ระเหย หลังเข้าไปในค่ายกล พลันถูกทำลาย กลายเป็นความมืดก่อนการเปิดฟ้า คล้ายกับไม่เคยคงอยู่มาก่อน
ดวงดาวขนาดมหึมาที่เกาะกลุ่มถูกค่ายกลกระบี่กลืนกิน พองออกในพริบตา จากนั้นก็ยุบตัว แหลกสลายติดต่อกัน ทุกอย่างเงียบงัน ไม่มีค่าให้กล่าวถึง
เหล่าพุทธแห่งแดนสุขาวดีกับพวกปีศาจจากเขาทะเลเห็นดังนั้น สีหน้าเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
หากเข้าไปในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน มีแต่สิบตายไร้ทางรอด ตนไม่ต้องกล่าวมากความ
ทว่าตอนนี้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนขยายตัวด้วยสภาวะเสือหมอบวาฬกลืน กำลังจะบังคับให้พวกเขาตกลงไปในค่ายกล!
หากเข้าไป ผู้ใดหนีรอดได้?
ไม่ว่าจะเป็นนักบวชจากศาสนาพุทธอย่างมหาวิทยราชมยุรี หรือว่ามหาเทวะเผ่าปีศาจอย่างลู่ยาเต้าจวิน ตอนนี้ต่างรีบหลบหนีไปยังที่ไกล
ปราณกระบี่ปล่อยออกด้านนอก ครอบคลุมมิติเวลา สรรพสิ่งมลายสิ้น สรรถวัตถุไม่คงอยู่ มิติเวลาพังทลาย มหามรรคาเสื่อมโทรม!
ภาพอันน่าอัศจรรย์มากมายก่อนหน้านี้ ขณะนี้ล้วนสูญสลาย
ธงวิเศษบัวเขียวที่ปราณสีขาวลอยกลางอากาศ ส่องแสงทองหมื่นสาย แม้แต่แสงศักดิ์สิทธิห้าสีของมหาวิทยราชมยุรีก็ต้านทานได้ แต่ขณะนี้ภายใต้การคุกคามจากค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ปราณขาวกระจัดกระจาย แสงสีทองมืดดับ
แดนสุขาวดีพุทธเกษตรที่ยุทธวิชัยพุทธะ และมหาสถามปราบต์โพธิสัตว์สร้างขึ้น เกิดภาพยุคสิ้นพระธรรม ต้นโพธิ์เหี่ยวเฉา เจดีย์ถล่ม เสียงสวดมนต์หายไป ความบริสุทธิ์ของเครื่องแคลบไม่ปรากฏ
พวกท่านไม่ได้ทดลองว่าธงวิเสษบัวเขียวจะต้านทานค่ายกลลงทัณฑ์เซียนได้หรือไม่ พากันหนีอย่างลนลาน
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่ชำระล้างฟ้าดิน กวาดทำลายทั่วหล้า ถูกประกายกระบี่ในค่ายกลส่องใส่ พลันมืดมัวลง
มหาวิทยราชมยุรีที่ก่อนหน้านี้เก่งกล้าไม่กลัวผู้ใด ยามนี้ไม่คิดพัวพันกับมหาเทวะเสมอฟ้าต่อ ใช้แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีต้านทานแล้วหลบหนี
แสงอาทิตย์สีแดงผสมทองลดต่ำ เหมือนกับดวงอาทิตย์ตก
ลู่ยาเต้าจวินเพียงเห็นเกาชิงเสวียนประคองกระบี่สังหารเซียนขึ้นในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ก็เรียกเผ่าปีศาจให้ถอยทันที ตัวเขากลายเป็นรุ้งหนีห่างไปเป็นคนแรก
มิติเวลาพังทลาย ปั่นป่วนวุ่นวาย ด้วยความสามารถของเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ ยังรู้สึกว่าสองปีกของตนหนักอึ้ง ไม่กล้าหักหาญอีก รีบร้อนบินหนี
ไฟตะเกียงในแสงพุทธกลมสมบูรณ์หลังศีรษะสั่นไหว เหมือนกับเทียนไขกลางลม พร้อมดับได้ลอดเวลา
มุกค้ำดินที่เปล่งรัศมีห้าสี ขณะนี้เหมือนถูกฝุ่นเกาะ ไร้แสงสว่างอีกต่อไป
ทีปังกรพุทธะมองบัวเขียวในลำธารแวบหนึ่ง ส่ายหน้าถอนใจ รีบร้อนใช้ความเร็วที่สูงที่สุดของตัวเอง ออกห่างจากค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่ขยายขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้แต่พวกเดียวกันอย่างเฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนตี๋ สั่วหมิงจาง หยางเจี่ยน พอเผชิญกับค่ายกลนี้ ต่างแตกตื่นลนลาน
ศัตรูพากันหนี แต่ว่าค่ายกลลงทัณฑ์เซียนมีสภาวะกลืนกินทุกสิ่งรอบๆ รวดเร็วสุดขีด
เผ่าปีศาจมียอดฝีมือวิชาหลบหนีเช่นลู่ยาเต้าจวินกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้คอยช่วยเหลือประคับประคอง ยังหนีได้ทัน
ทางศาสนาพุทธมีคนไม่ได้โชคดีขนาดนั้น
กุศลวิจิตรพุทธะที่ต่อสู้กับเยี่ยนตี๋ก่อนหน้านี้ ถูกค่ายกลกระบี่ที่ขยายตัวไล่ทัน โดนม้วนเข้าไปด้านใน!
พุทธเกษตรแดนสุขาวดีพังทลายในชั่วพริบตา แสงพุทธมัวหม่น กายทองเน่าเปื่อย
กุศลวิจิตรพุทธะถอนใจคำหนึ่ง พนมมือ มรณะลงเท่านี้ ร่างถูกปราณกระบี่นับไม่ถ้วนบดขยี้ ร่องรอยสักจุดเดียวก็ไม่เหลือ แม้แต่สารีริกธาตุล้วนไม่ทิ้งไว้
เทวกษัตริย์เภรีแห่งโถงเซียน ยิ่งไร้หนทางหลบหนี ถูกค่ายกลกระบี่กลืนกิน ก่อนถูกฟันไปพร้อมกับน้ำและหมู่ดาวในธารสวรรค์
แสงวิเศษพลังศรัทธาอันยิ่งใหญ่ในตัวเขาก็ดับไปด้วย ไม่เหลือร่องรอย
บุญกุศลพุทธะหมายจะหลบหนี แต่ว่าด้านหลังท่านพลันเพิ่มคนผู้หนึ่ง พุทธะหันกลับไปมอง เผชิญกับตาอัคคีเนตรทองที่ทิ่มแทงนัยต์ตาคนของมหาเทวะเสมอฟ้า
“พวกท่านถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้วว่าจะล้มเหลว น่าเสียดายที่พวกอาตมาก็ไม่ชนะ” บุญกุศลพุทธะถอนใจ “ถึงเวลา ผลลัพธ์ยังเป็นเจ้ามรรคาทั้งหลายร่วมกันทำลายค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ทุกฝ่ายได้กระบี่ไปฝั่งละเล่ม”
“พระอาจารย์ ท่านปากมากไปแล้ว” มหาเทวะเสมอฟ้าที่มิได้อยู่ในลักษณะสามเศียรหกกรอีกแล้วแยกเขี้ยวยิ้มเย็นชา ฟาดกระบองใส่ศีรษะของอีกฝ่ายทันที!
พุทธบุตรรุ่นหนึ่งในอดีต หนึ่งในบุคคลแห่งตำนานในยุคไซอิ๋วโบราณตอนกลาง บุญกุศลพุทธะในปัจจุบัน ศีรษะแหลก ชีวิตดับสิ้นไป!