ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1609 สายพิณมากกว่าสี่เส้น
คนจากศาสนาพุทธกับเผ่าปีศาจ เพื่อหลบหลีกค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่ขยายตัวขึ้น ต่างหลบหนีด้วยความเร็วสูง
ส่วนพวกมหาเทวะเสมอฟ้า หยางเจี่ยน สั่วหมิงจาง เฟิงอวิ๋นเซิงคู่ต่อสู้ของพวกเขาเมื่อก่อนหน้า ความกริ่งเกรงลดลงไปมาก
ได้เปรียบแล้วจึงไล่ตามศัตรูที่เหลือ เซียนสวรรค์ชั้นมหาชาลของสำนักเต๋าในที่สุดนับว่าได้หายใจหายคอ เปลี่ยนจากตั้งรับมาเป็นโจมตีอย่างแข็งแกร่ง พร้อมไล่ตามโจมตีคู่ต่อสู้ก่อนหน้า
ด้วยความจนปัญญา พวกทีปังกรพุทธะกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ได้แต่อดกลั้น เสียท่าส่วนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงหมดสิ้นหนทาง
ถึงอย่างไร การหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกค่ายกลลงทัณฑ์เซียนม้วนเข้าไปจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
ยุทธวิชัยพุทธะหันหน้ากลับมา เห็นบุญกุศลพุทธะอาจารย์ของตนหลังหันมานับถือศาสนาพุทธมรณะด้วยกระบองสารพัดนึกที่คุ้นเคยท่อนนั้น สีหน้าซับซ้อนอย่างไม่อาจควบคุม
“บาปกรรมๆ…” ยุทธวิชัยพุทธะซึ่งที่แล้วมาสงบนิ่ง ยามนี้ในดวงตาปรากฏความเศร้าศร้อยอย่างหาได้ยาก
ขณะมองร่างเงาที่คุ้นเคยของมหาเทวะเสมอฟ้า พุทธะจิตใจสั่นไหว เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก เหมือนกับอยู่กันคนละโลก
ขณะนี้ดินแดนสูงไกลไร้สิ้นสุดบนจักรวาล เหมือนปรากฏการเคลื่อนไหวเลือนราง
พวกทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวินล้วนมีสีหน้าซึมเซาและเสียดายอยู่บ้าง
การวัดกำลังในชั้นต่ำกว่าระดับมรรคา พวกเขาในที่สุดแล้วก็พ่ายไปหนึ่งกระบวนท่า
ถึงตอนนี้ ยังต้องให้เหล่าเจ้ามรรคาลงมือ
เพียงแต่เมื่อเป็นแบบนี้ ก็เกรงว่าไม่ว่าฝั่งใดก็ยากจะได้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่สมบูรณ์มาครอง
ทีปังกรพุทธะมองรูปยันต์แปดทิศก่อนกำเนิดที่เริ่มสลายไป เสียดายมากกว่าเดิม
นั่นเป็นสายพิณเส้นสุดท้ายขวางทาง ขาดเวลาแค่อีกเล็กน้อย อามิตาภพุทธเจ้าก็จะมาถึงแล้ว
แต่ว่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายมากที่สุดก็คือ มหาวิทยราชมยุรีลงมือ ยังคงจัดการสำนักเต๋าไม่ได้
ถึงมารสวรรค์ไร้พันธนาจะลงมือช่วยเหลือต้านทนกษัตริย์บูรพา ก็จำกัดแค่ตรงนี้ ยากจะสนับสนุนมากไปกว่านี้
ทุกคนมองค่ายกลลงทัณฑ์เซียน แสงหยกจุดสุดท้ายบนปลายกระบี่ของกระบี่สังหารเซียน ซึ่งแขวนลอยอยู่บนคานประตูบนแท่นสูงในค่ายกล ในที่สุดก็สลายกลายเป็นควันเมฆ พร้อมกับที่ค่ายกลทำงานโดยสมบูรณ์
มาถึงตรงนี้ในที่สุดสำนักเต๋าก็หลอมเปลี่ยนรอยตราที่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณทิ้งไว้ในกระบี่สังหารเซียนได้ สามารถนำกระบี่เล่มนี้ไปได้อย่างผ่อนคลาย
ทว่าแม้จะกล่าววาจาเช่นนี้ คิดจะนำกระบี่สังหารเซียนไป หรือนำสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนไป กลับไม่ง่ายดายปานนั้น
ในขณะที่สี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนกลับคืนตำแหน่ง มารสวรรค์ไร้พันธนาก็ไม่ขัดขวางกษัตริย์บรูพาไท่อี้อีก มุ่งหน้ากลับนพยมโลก
เรื่องราวต่อจากนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับมันและนพยมโลกอีกแล้ว
เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์ที่เดิมทีสู้กันไม่ยอมเลิกรา วางมือหยุดการต่อสู้ชั่วคราว
ถึงจะกริ่งเกรงยิ่งกว่าว่าขุมกำลังที่มีเจ้ามรรคาคุ้มครองจะได้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนไป แต่ถ้าสำนักเต๋าสายหลักยึดครองค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่สมบูรณ์เพียงผู้เดียว ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหล่าเจ้ามรรคายินดีจะเห็นเช่นกัน
โดยเฉพาะเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์
สำนักเต๋าสายหลักทราบว่าความหมายของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน มิได้อยู่ที่การคุ้มครองตัวเอง
นี่ถึงอย่างไรก็เป็นค่ายกลสังหาร ไม่ใช่ค่ายกลป้องกัน ไม่อาจปกป้องจักรวาลหรือฟ้าดินสักแห่งได้
กระนั้นไม่ว่าจะเป็นโถงเซียนหรือแดนสุขาวดีบัวขาวก็ล้วนไม่อาจรับได้ หากค่ายกลลงทัณฑ์เซียนมาถึงอาณาเขตของตัวเอง
นั่นจะเป็นการเข่นฆ่าที่เจ้ามรรคาคนหนึ่งไม่อาจขัดขวาง
กล่าวง่ายๆ ก็คือ ข้าป้องกันท่านตีข้าไม่ไหว ท่านเองก็ป้องกันข้าตีท่านไม่ไหวเช่นกัน
ท่านคนเดียวไม่กลัว แต่ต้องเหลือตัวคนเดียวนับจากนี้แล้ว
ผลลัพธ์คือการทำลายกันและกัน
การดำรงอยู่ที่อยู่เหนือการควบคุมเช่นนี้ ย่อมดึงดูดความรังเกียจของผู้คน
น่านน้ำธารสวรรค์แม้นจะทอดยาว แต่ด้วยการบิดเบี้ยวและทำลายมิติเวลาของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ธารสวรรค์ที่หัวและหางเหยียดออกไปยังปลายทางที่ไกลแสนไกลจนมองไม่เห็น ล้วนถูกม้วนกลับมา ค่อยๆ โดนค่ายกลลงทัณฑ์เซียนกลืนกิน
ปราณสังหารของค่ายกลพุ่งสู่ฟากฟ้า ทำลายธรรมชาติ
ทว่าขณะนี้ ดินแดนอันสูงไกลไร้สิ้นสุดบนค่ายกล ปรากฏประตูหยกบานหนึ่ง ระฆังโบราณใบหนึ่ง และบัวขาวดอกหนึ่ง
สายพิณของพิณฝูซีที่ขาดไปแล้ว กลายเป็นรูปยันต์แปดทิศก่อนกำเนิด เพียงต้านการมาถึงของเจ้ามรรคาคนหนึ่งได้ครั้งเดียว
ตอนนี้เห็นประตูหยก ระฆังโบราณ และบัวขาวปรากฏขึ้นพร้อมกัน
และพร้อมกับที่รูปยันต์แปดทิศก่อนกำเนิดค่อยๆ จางลง บัวเขียวดอกหนึ่งก็โผล่ขึ้นด้านนอกค่ายกลลงทัณฑ์เซียน
ปราณกระบี่ทำลายฟ้าดิน บดขยี้วิถีมรรคา ไม่สร้างการคุกคามต่อดอกบัวสองดอก หนึ่งประตู และหนึ่งระฆัง
ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนทำอันตรายผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาไม่ได้ เจ้ามรรคาเข้าออกค่ายกล ไปมาได้ตามใจนึก
เพียงแต่ถ้าไม่มีผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาสี่คนลงมือพร้อมกัน ก็ทำลายค่ายกลลงทัณฑ์เซียนไม่ได้เช่นกัน
กระนั้นตอนนี้ ต่อให้มารสวรรค์ไร้พันธนาจะกลับนพยมโลกแล้ว ก็มีผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาเกือบๆ สี่คนมาถึงที่นี่
บางทีหลังจากพวกเขาทำลายค่ายกล ก็น่าจะมีการแย่งชิงสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนอีกรอบ
ผลลัพธ์ท้ายสุดสมควรได้กระบี่ไปฝั่งละเล่ม ไม่มีฝ่ายไหนรวบรวมสี่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนได้ครบ ได้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนอันสมบูรณ์
ทว่าทุกอย่างก็ไม่เกี่ยวข้องกับคนในสำนักเต๋าอีกแล้ว
“ในที่สุดก็มาถึงขั้นนี้” ลู่ยาเต้าจวินเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้า มองไปยังพวกเยี่ยนจ้าวเกอและหยางเจี่ยน ถอนใจเอ่ยว่า “พิณฝูซีมีสายพิณแค่สี่สาย ถ้าไม่อย่างนั้นบางทีพวกเจ้ายังมีโอกาสอีก”
ตอนนี้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนหยุดขยายตัวแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือให้ลู่ยาเต้าจวินในค่ายกล “ต่อให้มีสายพิณเพิ่มขึ้นหลายเส้น ก็เกรงว่าท่านจะไม่แลกให้พวกเราอยู่ดี”
ลู่ยาเต้าจวินอดหัวเราะไม่ได้ กลับเห็นเยี่ยนจ้าวเกอพลันกะพริบตา “แต่ว่าพวกเราก็ยังเตรียมตัวไว้บ้าง ดังนั้นจึงมีสายพิณมากกว่าสี่เส้น”
“หือ?” ลู่ยาเต้าจวินตกใจ พลันเกิดความรู้สึกบางอย่าง
ทีปังกรพุทธะกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้เคลื่อนไหวเหมือนกับลู่ยาเต้าจวิน หันไปมองที่ไกล
ณ ที่แห่งนั้น ปรากฏธงยาวสีดำสนิทคันหนึ่ง ด้านใต้ยืนไว้ด้วยคนผู้หนึ่ง
นั่นเป็นเงาร่างของสตรีนางหนึ่ง บุคลิกสูงสง่า มิใบ่คนธรรมดา หากแฝงความคมกล้าที่ดุร้าย
วันนี้ยอดฝีมือระดับสุดยอดของแต่ละฝั่งรวมตัวกัน บ้างตำแหน่งสูงส่ง บ้างบรรลุมรรควิถีนานนม ล้วนเป็นผู้มีความรู้ไม่ธรรมดา
สตรีใต้ธงนางนั้น คนเกือบทุกคนล้วนรู้จัก
ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสายเหนือพิสุทธิ์ ผู้นำแห่งเจ้าแม่ฟ้าทั้งสาม นางเซียนอวิ๋นเซียว
ในสงครามยุคสถาปนาเทพโบราณตอนต้น เจ้าแม่ฟ้าทั้งสามมีถังทองโกลาหลอยู่ในมือ วางค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้ง เล่นงานลู่ยาเต้าจวินต้องรีบหนี แทบกวาดล้างศิษย์หยกพิสุทธิ์หมดสิ้น
พูดถึงผลการรบ แทบเรียกได้ว่าเป็นผลลัพธ์ที่เจิดจรัสที่สุดในหมู่ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ ไม่ด้อยกว่าข่งซวนในตอนนั้น
ทว่าภายหลังประสบภัยพิบัติเพราะเทวกษัตริย์บรรพกำเนิดและเทวกษัตริย์เต๋า
นางเซียนฉยงเซียวกับนางเซียนปี้เซียวสิ้นชีวิต ได้ขึ้นสู่ทำเนียบเซียน เข้าสู่วังเทพในภายหลัง
นางเซียนอวิ๋นเซียนถูกเทวกษัตริย์เต๋าจับกุม โดนสยบไว้ใต้ผากิเลน
ภายหลัง เป็นเพราะว่าคำขอร้องของน้องสาว นางเซียนอวิ๋นเซียนได้รับการอนุญาติ เวลาครึ่งหนึ่งอยู่บนผากิเลน เวลาอีกครึ่งเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนฉยงเซียวและปี้เซียนบนวังเทพ
ผังค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าโค้งของพวกนาง ได้รับการเก็บรักษาจากวังเทพเพราะสาเหตุนี้
ปัจจุบันเยี่ยนจ้าวเกอกับโถงเซียนวางค่ายกลลงทัณฑ์เซียนได้ เป็นเพราะสาเหตุนี้
หลังมหาภัยพิบัติ วังเทพกับเขาคุนหลุนล้วนพินาศ นางเซียนอวิ๋นเซียวไร้ข่าวคราว
ตอนนี้กลับปรากฏตัวขึ้นอย่ากระทันหัน
ทว่าสิ่งที่พวกทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวินสนใจไม่ใช่ตัวนางเซียนอวิ๋นเซียว ถึงอย่างไรถังทองโกลาหลก็ถูกทำลายไปแล้วในมหาภัยพิบัติ ต่อให้ยังอยู่ ก็ต้านอานุภาพของเจ้ามรรคาไม่ได้
สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือธงยาวสีดำที่อยู่ข้างนางเซียนอวิ๋นเซียวคันนั้น!
หางธงเก้าเส้นโชยพลิ้ว ทำให้คนขวัญหนีดีฝ่อ
มหาสถามปราบต์โพธิสัตว์ หนอนเก้าเศียร เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ รวมถึงทีปังกรพุทธะ มีสีหน้าย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง ล้วนเป็นสีหน้าเหมือนเห็นผี
“ธงหกวิญญาณ?!” พุทธและปีศาจร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน
ในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างสุภาพ “ต้องขออภัยด้วย ความจริงไม่ใช่การพรางตา พวกเรามีของสิ่งนี้อยู่จริงๆ