ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 162 เจ้าเป็นเป้าชกที่ไม่เลว
เยี่ยนจ้าวเกอศอกกลับใส่บริเวณเอวของหลิวเซิ่งเฟิง!
แม้ว่าแรงถลามหาศาลจะไม่ได้ทำลายกายาเทพแห่งขุนเขาของหลิวเซิ่งเฟิงจนพลังทลาย ทว่าก็ทำให้ร่างกายเขาโก่งงอขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน
ชายหนุ่มลงมือไม่หยุดยั้ง โจมตีต่อเนื่องไปอีกครั้งหนึ่งในทันที!
ภายในจุดตันเถียนชี่ไห่มีกลุ่มธาตุปราณบริสุทธิ์สั่นไหว ปราณจิตราเพลิงและน้ำแข็งที่ผสมผสานกันทั่วร่างของเขา ชั่วขณะนี้กลายสภาพเป็นร้อนแผดเผาทั้งหมด!
มังกรเพลิงแต่ละตัวพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา วิชาวายุอัคคีและหมัดอสูรวานรจอมพลังปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน!
หมัดตรงๆ ของเยี่ยนจ้าวเกอกระแทกบนศีรษะของหลิวเซิ่งเฟิงอย่างตรงไปตรงมา!
หลิวเซิ่งเฟิงเปลี่ยนกระบวนท่าไม่ทันกาล สายตาของเขาแน่นิ่ง ใบหน้าพลันมีแสงสีดำส่องประกายระยิบระยับปกคลุม
ปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้าย ปราณจิตราทั่วร่างไม่เพียงแต่สามารถแปรสภาพเป็นโลกลวงตาได้เท่านั้น ยังโคจรได้ตามใจปรารถนา ตามอำเภอใจ สงบดุจเขาสูง ทว่าเคลื่อนไหวดุจสายฟ้าฟาด ครั้นความคิดหนึ่งบังเกิด พลังทั่วกายของเขาไหลแล่น
พลังหมัดนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอบ้าคลั่งอย่างยิ่ง ซึ่งหลิวเซิ่งเฟิงเห็นแล้วก็รู้สึกหวาดหวั่นเช่นกัน ราวกับว่ามองเห็นภาพฉากที่ศีรษะตนเองถูกต่อยจนระเบิดล่วงหน้า!
เขายกระดับพลังกายาเทพแห่งขุนเขาของตนขึ้นจนถึงขีดสุด รวมศูนย์ปกป้องศีรษะเป็นการเฉพาะ ถึงจะต้านหมัดนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอไว้ได้!
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็เกิดเสียงดังโครมครามขึ้นในอากาศ คล้ายกับขุนเขาลูกหนึ่งถูกคนโจมตีใส่ทื่อๆ ตั้งแต่บริเวณฐานไหล่เขาจนแตกหัก!
ร่างกายสูงใหญ่ของหลิวเซิ่งเฟิงถูกหมัดนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอต่อยจนลอยหวือไปอย่างคาดไม่ถึง เขากระเด็นไปทางด้านหลังด้วยองศาอันเหลือเชื่อ ก่อนจะตกลงบนพื้นอย่างรุนแรง
ผืนดินโดยรอบกว่าร้อยลี้แตกระแหงทั้งหมด บางที่ถูกกระแทกจนเป็นหลุมลึกขนาดมหึมา ไผ่เขียวเป็นพันเป็นหมื่นล้วนกลายเป็นผุยผงทั้งสิ้น
หลิวเซิ่งเฟิงหน้าบันดาลโทสะ ระเบิดเสียงแผดคำราม เริ่มพลิกกายลุกขึ้น
“กายาเทพแห่งขุนเขารึ โจมตีต่อต้านตอบโต้รึ” กายเยี่ยนจ้าวเกอขยับหลบ ไม่รอให้หลิวเซิ่งเฟิงตะเกียกตะกายลุกขึ้น ชายหนุ่มก็ไปถึงเบื้องหน้าอีกฝ่ายแล้ว ก่อนที่จับข้อเท้าข้างหนึ่งของผู้ที่อยู่ตรงหน้าไว้เป็นแม่นมั่น
ขาอีกข้างของหลิวเซิ่งเฟิงดิ้นสะเปะสะปะ เยี่ยนจ้าวเกอเอียงตัวหลบหลีก จากนั้นก็ยื่นมือออกไปอย่างฉับพลัน!
บนกายหลิวเซิ่งเฟิงพลันมีลำแสงหนาหนักสีแดงสลับเหลืองส่องแสงวับวาบ กลายสภาพเป็นเสื้อเกราะปกคลุมทั่วร่างเขา ซึ่งก็คืออาวุธวิญญาณระดับล่างชิ้นหนึ่ง!
กระนั้นในมือเยี่ยนจ้าวเกอก็ปรากฎแสงสีเขียววาบ กระบี่วิญญาณมังกรมรกตฝังแน่นเข้าไปในซอกเกราะเสื้อเกราะของอีกฝ่าย
เยี่ยนจ้าวเกอปล่อยกระบี่วิญญาณมังกรมรกตไป แล้วนำกระบี่อัสนีทองคำม่วงออกมา แทงเข้าไปในซอกเสื้อเกราะของหลิวเซิ่งเฟิงเช่นกัน
และในขณะที่สายตาหลิวเซิ่งเฟิงดูเหม่อลอยอยู่บ้างนั้น ดาบอัสนีบินก็แทงเข้ามา
ถึงแม้ว่าจะหลุดพ้นจากน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอทั้งหมด ทว่าอาวุธวิญญาณสามชิ้นเต็มๆ ก็เกี่ยวพันยุ่งเหยิงกับเสื้อเกราะของหลิวเซิ่งเฟิง ทำให้มันไม่สามารถสำแดงผลออกมาได้ในทันที
“อย่าเพิ่งหมดสนุกเสียล่ะ น้อยครั้งนักข้าจะใช้วิธีโจมตีรูปแบบนี้…” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นโหดเหี้ยมอำมหิตเสียยิ่งกว่าหลิวเซิ่งเฟิงอีก “ลุกขึ้นมา!”
มือหนึ่งของเขาจับข้อเท้าหลิวเซิ่งเฟิงไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งออกแรงดึงแขนของอีกฝ่าย จากนั้นชายหนุ่มก็ยักไหล่และยืดหลังตรง!
เยี่ยนจ้าวเกอยกเอาร่างอันใหญ่โตเช่นนี้ของหลิวเซิ่งเฟิงขึ้น!
“…เพราะว่า บรรดาคนที่พลังฝึกปรือใกล้เคียงกัน น้อยนักจะโจมตีโต้ตอบเช่นนั้น”
ชายหนุ่มเงยหน้าแผดเสียงลั่น คล้ายกับมังกรเกรี้ยวคำราม หลังจากหยุดชะงักเพียงชั่วครู่เท่านั้น เขาก็จับหลิวเซิ่งเฟิงทุบลงบนพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
หลิวเซิ่งเฟิงกระแทกกับพื้น เกิดเสียงหินและโลหะชนกันดังสะเทือนเลื่อนลั่นออกมา เหมือนหินหนักอึ้งก้อนมหึมาไถลลงมาตามเขา
เดิมพื้นดินที่เป็นหลุมลึกอยู่แล้วจึงยุบลงไปด้านล่างอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแตกเป็นเสี่ยงๆ ออกไปทั้งสี่ทิศไม่หยุดหย่อน จนแทบจะกลายเป็นพื้นที่แอ่งกระทะขนาดย่อม
เกาะเล็กที่ทุกคนอยู่ คล้ายกับว่าสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ร่างกายเยี่ยนจ้าวเกอไม่หยุดนิ่ง รุดหน้าไล่หลิวเซิ่งเฟิง ตามขึ้นไปเตะบนท้องน้อยของเขาอีกครั้ง
หลิวเซิ่งเฟิงที่กำลังร่วงลงพื้นกระเด็นหวือไปอีกครั้ง ก้อนจะตกลงด้านข้างกลิ้งหลุนๆ
ในอากาศเหมือนกับเกิดเสียงอู้อี้ดังขึ้นในอากาศ บนร่างกายหลิวเซิ่งเฟิงเปล่งแสงสีดำผืนหนึ่งขึ้นวูบวาบ จากนั้นก็กระจายหายไป
“อึก…” สีหน้าหลิวเซิ่งเฟิงซีดขาวฉับพลันทันที กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งอย่างควบคุมไม่อยู่
เยี่ยนจ้าวเกอโจมตีกายาเทพแห่งขุนเขาของเขาอย่างหนักหน่วง จนมันแตกออกได้สำเร็จ!
ชายหนุ่มขยับต้นคอของตนอยู่ครู่หนึ่ง พลางสะบัดๆ ข้อมือ “เจ้าเป็นเป้าชกที่ไม่เลวเลย ขอบคุณเจ้าอย่างยิ่ง ที่ทำให้วันนี้ข้าต่อสู้จนถึงอกถึงใจเช่นนี้”
หลิวเซิ่งเฟิงกัดฟันกลืนโลหิตที่เอ่อทะลักขึ้นมา พูดด้วยเสียงเกลียดชังว่า “ข้ายังไม่เข้าใจกายาเทพแห่งขุนเขากับกระบวนท่าฝ่ามือรวมศูนย์อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่สามารถใช้พร้อมกันได้ ไม่เช่นนั้นเจ้ารุกโจมตีข้าไม่ได้หรอก!”
ครั้นได้ยินดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเย็นชาอยู่นิ่งๆ “ท่านฝึกวิชาไม่ถึงขั้น ก็โทษข้ารึ?”
ขณะกล่าว ชายหนุ่มก็ยืดเส้นยืดสายต่ออีกสักหน่อย ก่อนจะเดินไปทางหลิวเซิ่งเฟิง “ใช่สิ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าอยากสังหารข้าไม่ใช่หรือ”
เขาก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง ก็มาถึงเบื้องหน้าหลิวเซิ่งเฟิงแล้ว
หลิวเซิ่งเฟิงร้องตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว ต่อยหมัดหนึ่งมาทางเยี่ยนจ้าวเกอ
สภาวะร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอบรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว กายหลบเลี่ยงหมัดโลหะของหลิวเซิ่งเฟิง ท่อนล่างเตะเท้าออกไป!
ลมหายใจยาวนำพาเสียงดังขึ้นกลางอากาศพักหนึ่ง คล้ายกับพยัคฆ์ร้องมังกรคำราม
เท้าหนึ่งที่เตะออกไป พาให้อากาศเกิดเสียงระเบิดราวกับสายฟ้าพิโรธ คล้ายกับเทพยักษ์โบราณองค์หนึ่งย่างกรายมายังโลกมนุษย์ ต้องการจะเตะภูเขาใหญ่ให้แตกหักก็ไม่ปาน!
สีหน้าหลิวเซิ่งเฟิงเปลี่ยนแปลงไป เปลี่ยนกระบวนท่าทันที ปราณจิตราทั่วกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวไม่อาจแบ่งแยกได้ ประหนึ่งกับการกีดขวางที่ไม่อาจปล่อยให้สิ่งใดข้ามผ่านได้
วิชาสืบทอดของเขาไร้พรแดน กระบวนท่าฝ่ามือรวมศูนย์!
น่าเสียดายที่หลิวเซิ่งเฟิงในขณะนี้ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรงไปบ้างแล้ว
สีหน้าเยี่ยนเยี่ยนจ้าวเกอยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาเตะไปบนหัวเข่าของหลิวเซิ่งเฟิงซ้ำแล้วซ้ำแล้ว
ขณะเดียวกันนั้น หมัดโลหะก็สำแดงออกมาอีกหน เหมือนกับว่าฟ้าดินจะเกิดเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นซ้ำอีกรอบ!
ครั้งหนึ่งบน ครั้งหนึ่งล่าง การโจมตีหนักสองคราที่ทิศทางแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สร้างอาการบาดเจ็บหนักที่ร่างกายของหลิวเซิ่งเฟิง แม้จะใช้กระบวนท่าฝ่ามือรวมศูนย์ก็หมดหนทางต้านทานเช่นกัน
เขาถูกโจมตีโดยตรงจนร่างกายบิดเบี้ยว รักษาความสมดุลไม่ได้อีกต่อไป ล้มลงบนพื้นในที่สุด!
รับการโจมตีสุดกำลังของเยี่ยนจ้าวเกออย่างต่อเนื่องเช่นนี้แล้ว ต่อให้ใช้ความทระนงองอาจของหลิวเซิ่งเฟิงก็รับไม่ไหวเช่นกัน เขาพ่นโลหิตออกมาอีกคำหนึ่ง อยากจะดิ้นรนตะเกียกตะกายลุกขึ้นก็ไม่ไหวแล้ว
อีกทางด้านหนึ่ง หมีสยงเมายักษ์ตัวนั้นเปิดปากส่งเสียงร้องอยู่หลายครา ถึงแม้เสียงของมันจะทุ้มต่ำ ทว่าก็อำพรางความเบิกบานเอาไว้ไม่อยู่
คล้ายกับว่าร้องยินดีให้แก่เยี่ยนจ้าวเกออย่างไรอย่างนั้น
จางเหยาพาจอมยุทธ์วัยกลางคนผู้นั้นมาอยู่ด้านข้าง บัดนี้เขาฟื้นสติขึ้นมาเพราะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน ครั้นเห็นภาพฉากนี้เข้า ปากของเขาก็ส่งเสียงร้องเฮออกมา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้กล่าวพูด กระนั้นก็คึกคักเป็นอย่างยิ่ง
ฝ่ายจางเหยากลับตกตะลึงอ้าปากตาค้าง “มิน่าเล่าพลังฝึกปรือระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายในตอนนั้น ถึงสามารถโจมตีจี้ฮั่นหรูระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะต้นจนพ่ายแพ้ได้”
นางอาจจะขาดประสบการณ์การต่อสู้จริง ทว่าในฐานะที่เป็นศิษย์สืบทอดหลักของหอคลื่นโหม จึงไม่ขาดประสบการณ์และสายตาในการมองโลกแต่อย่างใด
เรื่องที่อัจฉริยบุคคลระดับศิษย์สืบทอดหลักแห่งเขาไร้พรมแดน ถูกคนรุกโจมตีอย่างหนักจนกายาเทพแห่งขุนเขากับกระบวนท่าฝ่ามือรวมศูนย์แตกซ่าน ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงไม่นับว่าประหลาด
ถึงกระนั้นจอมยุทธ์ระดับขั้นเคียงนภาระยะต้นคนหนึ่ง โจมตีกายาเทพแห่งขุนเขาของจอมยุทธ์เขาไร้พรมแดนระดับขั้นเคียงนภาระยะท้ายทื่อๆ จนพ่ายแพ้ อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอดอัจฉริยะแห่งเขาไร้พรมแดนระดับหลิวเซิ่งเฟิงเช่นนี้ นี่ย่อมเป็นเรื่องเล่าแปลกและมหัศจรรย์ไปทั่วหล้าอย่างแน่นอนแล้ว
การทำลายกระบวนท่าฝ่ามือรวมศูนย์ของหลิวเซิ่งเฟิงราวกับลมฤดูใบไม้ร่วงพัดกวาดพื้นดินในตอนหลัง กลับจะยิ่งทำให้ผู้คนยอมรับได้ง่ายขึ้นเสียด้วยซ้ำไป อย่างไรเสียหลิวเซิ่งเฟิงในตอนนั้นก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว
แต่ตอนนี้ไม่อาศัยอาวุธวิเศษใดๆ พึ่งพลังฝึกปรือของตนล้วนๆ โจมตีกายาเทพแห่งขุนเขาของหลิวเซิ่งเฟิงจนสำเร็จ พลังความสามารถของเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่อาจจะใช้คำว่าน่าหวาดกลัวมาบรรยายได้แล้ว นับว่าเหนือกว่าจินตนาการของจากเหยาโดยสิ้นเชิง
หลิวเซิ่งเฟิงที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้าย พ่ายด้วยน้ำมือเยี่ยนจ้าวเกอ
ซึ่งเท่าที่จางเหยารับรู้ ศิษย์พี่หญิงของตนปะทะกับหลิวเซิ่งเฟิงแล้ว ก็เป็นเพียงแค่สถานการณ์ที่เสมอกัน เช่นนั้นก็หมายความว่า แท้จริงแล้วเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะต้น ก็ยิ่งเอาชนะเซี่ยโยวฉานได้เช่นกัน…
“ช่างเก่งกาจเสียจริง…” สาวน้อยใบหน้ากลมแทบจะพึมพำพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
………………..