ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1629 ส่งต่อคบเพลิง
ในมุมมองของสวีเฟย ไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะเลือกอย่างไร ต่อให้เป็นการรวมกลุ่มของบุปผาสารจำเป็นและบุปผาจิต เขาที่สองบุปผาบนกระหม่อมล้วนสามารถกวาดล้างระดับสุญญตา เป็นเซียนกำเนิดหมายเลขหนึ่งอย่างไร้ความละอาย
ถึงขั้นที่ถ้าหากเยี่ยนจ้าวเกอหลอมบุปผาปราณก่อน เขาแค่หนึ่งบุปผาบนกระหม่อม ก็สามารถเย้ยสุญญตาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันได้แล้ว
ไม่ว่าอย่างไรเยี่ยนจ้าวเกอที่ตอนนี้ยังไม่เริ่มฝึกฝนสามบุปผา เพิ่งก้าวขึ้นสู่สุญญตา ก่อนหน้านี้เพิ่งฆ่าอรหันต์แคะหูที่มีชื่อเสียงมาหลายปี หรือนักบวชศาสนาพุทธที่เทียบได้กับจ้าวสวรรค์เซียนกำเนิดสองบุปผาบนกระหม่อมของสำนักเต๋าคนหนึ่งทิ้งไป
ทว่าสถานการณืในปัจจุบัน เยี่ยนจ้าวเกอมีชื่อเสียงกระฉ่อนไปด้านนอก คู่ต่อสู้ที่จับตาดูเขา อย่างนอยก็เป็นยอดฝีมือระดับมหาชาลเช่นกัน
หลังจากหลอมบุปผาปราณสำเร็จ พลังจะยกระดับขึ้นอีกขั้น สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้วยังคงมีความจำเป็นยิ่ง
“ทดลองผนึกหลอมบุปผาจิตดูก่อน จากนั้นค่อยว่ากันอีกที” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางมองไปทางสวีเฟย “ศิษย์พี่สวีท่านคิดจะหลอมสามบุปผาอีครั้ง ความก้าวหน้าเป็นอย่างไร?”
สวีเฟยว่า “มีความสำเร็จน้อยๆ แล้ว แต่ว่ายังต้องพยายาม”
เขา ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก รวมถึงพ่านพ่าน ต่างแบ่งรับกายทองมหาเทวะสามร่าง
ขณะที่แสดงกายทองได้รับพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งสุดขีดมา กายทองมหาเทวะก็ส่งผลต่อพวกเขาอย่างต่อเนื่องโดยเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ
สองฝ่ายหลอมรวมกัน ขอบเขตของแต่ละฝ่ายยิ่งมายิ่งจาง ทำให้ระดับพลังฝึกปรือของพวกเขาเริ่มพร่าเลือนยากหยั่งคาด
ทว่าถึงอย่างไรก็ไม่ใช่การกรอกศีรษะของมารสวรรค์นพยมโลก
มีเส้นทางที่จำเป็นต้องเดิน ด่านที่ต้องฝ่าบางส่วน ที่สุดยังต้องพึ่งตัวเอง
โดยเฉพาะถ้าไม่ยินยอมหยุดอยู่ในระดับปัจจุบันของกายทองมหาเทวะ และระดับเซียนกำเนิดที่สองบุปผารวมบนกระหม่อม เช่นนั้นย่อมใช้ความพยายามมากมาย ไม่สบายเท่าฝึกฝนเอง
พูดตามความจริง ย่อมเป็นการยึดครองความได้เปรียบยิ่งใหญ่ ได้รับวาสนาใหญ่ยิ่ง
ทว่าวาสนานี้ก็มีจำกัดอยู่ดี คิดจะข้ามขีดจำกัด พัฒนาขึ้นอีกก้าว สิ่งที่ต้องทำมีมากกว่า
“แสดงกายทองมหาเทวะได้ ความกังวลก็หายไปมากมายแล้ว” สวีเฟยว่า “ข้าผนึกหลอมบุปผาสารจำเป็นและบุปผาจิดก็พอ”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ข้าก็มีความคิดคล้ายกันต่อร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเช่นกัน”
หลังแสดงกายทองมหาเทวะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสวีเฟย ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกหรือว่าพ่านพ่าน ต่างเปลืองพลังมหาศาล
การหลอมสามบุปผาอีกครั้ง เมื่อบุปผาสารจำเป็นรวมบนศีรษะ จะมีส่วนช่วยต่อการฟื้นฟูปราณกำเนิดของตัวเองด้วยความเร็วสูงสุดของพวกเขา
กล่าวในระดับหนึ่งถือว่าเท่ากับเปลี่ยนร่างเพิ่มพลังต่อสู้ซึ่งหน้าแล้ว
พวกเขาสามคนมีความพิเศษ แตกต่างจากคนอื่น
“จวินเอ๋อร์ถึงแม้ว่าจะสำเร็จระดับประมุขในหมู่คน แต่ว่ายังอยู่ห่างภัยพิบัติมนุษย์เซียนอีกไกล หวังว่าเขาจะไม่รีบร้อน” เยี่ยนจ้าวเกอว่า
“นี่ย่อมแน่นอน” สวีเฟยยิ้ม “ปัจจุบันเขามีความมั่นใจที่มั่นคงมากพอต่อตัวเองแล้ว คนก็ยิ่งมายิ่งหนักแน่นเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกออดยิ้มไม่ได้ ตบหน้าผากของตัวเอง “เป็นข้าเองไม่ถูก มักยึดถือเขาเป็นเด็กน้อย”
สวีเฟยเหมือนนึกอะไรได้ กล่าวว่า “จริงด้วย รากฐานของศิษย์น้องซือคงค่อยๆ มั่นคงแล้ว อีกไม่กี่ปีจะทดลองทะลวงภัยพิบัติมนุษย์เซียน แบ่งแยกจิตใจไม่ได้ ไม่นานก่อนหน้านี้ได้ขอออกจากตำแหน่งผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารถ่ายทอดวิชากับข้า”
ในผู้เข้มแข็งระดับสูงของเขากว่างเฉิง นอกจากหยวนเจิ้งเฟิงที่ก่อนหน้านี้เพิ่งฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียนแล้ว ยังมีฟางจุ่น ซือคงจิง เซี่ยกวง กับอิงหลงถูกเตรียมจะทะลวงภัยพิบัติมนุษย์เซียน
“ตัวเลือกที่จะมาแทนเล่า?” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
การขอออกจากตำแหน่งด้วยตัวเองเช่นนี้ ในสถานการณ์ทั่วไป ผู้รับตำแหน่งคนก่อนจะแนะนำผู้รัยช่วงต่อเอง
ถึงในสำนักไม่แน่ว่าจะเห็นด้วย ทว่าการใช้ความเห็นคนผู้รับตำแหน่งรุ่นก่อนมาพิจารณา ย่อมมีความสำคัญใหญ่หลวง
ถึงอย่างไรตอนนี้ในเขากว่างเฉิงก็ไม่มีการแยกแยะฝ่ายที่ชัดเจน ด้านในไม่มีการแย่งชิงอำนาจ
“อาจารย์ป้าฟู่กับศิษย์น้องซือคงมาด้วยกัน” สวีเฟยกล่าว
เยี่ยนจ้าวเกอกระจ่างแจ้ง “อาจารย์ป้าฟู่รับตำแหน่งของศิษย์น้องซือคง? นาง…”
“เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นเพราะจวินเอ๋อร์กระมัง?” สวีเฟยสะทกสะท้อนอยู่บ้าง
เยี่ยนจ้าวเกออดถอนใจไม่ได้
ฟู่เอินซู เป็นอาจารย์ของเฟิงอวิ๋นเซิงและซือคงจิง
ในความจริง หลังจากซือคงจิงมีความสำเร็จในด้านพลังฝึกปรือ ก็ได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารถ่ายทอดวิชามาจากในมือฟู่เอินซู
คนรุ่นหนุ่มสาวเติบโตขึ้นและประสบความสำเร็จ คนรุ่นอาวุโสวางใจมอบหมายงายให้ จากนั้นตนเองตั้งใจฝึกฝน ไม่สนใจภารกิจทั่วไป ก้าวเดินไปสู่ระดับที่สูงกว่าเดิมบนมรรคายุทธ์
ไม่เพียงแต่เขากว่างเฉิงเท่านั้น ในสำนักส่วนใหญ่บนโลกล้วนเป็นสภาพนี้
การฝึกฝนของฟู่เอินซูไม่นับว่าช้า ปัจจุบันบรรลุถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายแล้ว ห่างจากประมุขในหมู่คนหนึ่งก้าว
เทียบกับขีดจำกัดอายุขัยของนาง อายุในตอนนี้ของนางยังน้อยถึงขีดสุด
ทว่าคลื่นลูกหลังกลบคลื่นลูกหน้า ไม่พูดถึงเฟิงอวิ๋นเซิง ซือคงจิงก็แซงฟู่เอินซูไปแล้ว
โดยเฉพาะสภาวะการยกระดับ ซือคงจิงเหนือกว่าผู้เป็นอาจารย์อย่างชัดเจน
เรื่องนี้สำคัญกว่างการแซงหน้าในปัจจุบัน บ่งบอกว่าถ้าหากฟู่เอินซูไม่เกิดเรื่องเหนือวามคาดหมายพิเศษใด อนาคตไม่มีโอกาสพลิกแซงแล้ว
อิงหลงถูกับเซี่ยกวงก็เป็นเช่นนี้
พวกเขาเป้นคนรุ่นที่สามของเขากว่างเฉิงยังพอทำเนา ยิ่งไปกว่านั้น สือจวินที่โดดเด่นที่สุดท่ามกลางศิษย์รุ่นที่สี่ในปัจจุบันของเขากว่างเฉิง ก็เลื่อนสู่ยอดสูงสุดของระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสิบแล้วเช่นกัน
คนรุ่นหนุ่มสาวไม่เพียงรับช่วงต่อ ปัจจุบันเป็นคนรุ่นใหม่เปลี่ยนที่กับคนรุ่นเก่าจริงๆ แล้ว
ฟู่เอินซูมีนิสัยชอบเอาชนะ ทว่าตอนนี้พร้อมกับที่สือจวินแซงหน้าตัวเอง นางคล้ายกับในที่สุดก็ปลงแล้ว
ไม่ใช่เพราะนางหมดกำลังใจและปณิธาน นางยังคงมีแรงผลักดันและศักยภาพในการขึ้นสู่ที่สูง ทว่ามิได้ยึดติดเหมือนเดิมอีกต่อไป
ครั้งกระโน้นนางมอบตำแหน่งผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารถ่ายทอดวิชาให้ เป็นความเห็นพ้องอย่างหนึ่ง ปัจจุบันมาแทนซือคงจิง รับตำแหน่งนี้อีกครั้ง เป็นความแน่นอนอย่างหนึ่ง
ในเมื่อศิษย์เหมาะกับการไต่ขึ้นระดับที่สูงมากกว่านาง เช่นนั้นเปลี่ยนนางกลับมาช่วยเหลือ ทำให้ศิษย์ฝึกฝนได้โดยไร้ความกังวล ก็ไม่แปลกประหลาดแล้ว
“ถึงอาจารย์ป้าฟู่จะชมชอบเอาชนะ บางครั้งไม่มีเหตุผล แต่ความรักที่นางมีต่อเขากว่างเฉิงเรา ไม่มีข้อกังขา” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น ก็มาแทนเพียงช่วงหนึ่งกระมัง? ถ้าหากศิษย์น้องซือคงเลื่อนระดับสำเร็จ ภายหลังไม่เปลี่ยนกลับมา ก็มีคนหนุ่มสาวมากกว่าที่เติบโตขึ้นมาแล้ว อาจารย์ป้าฟู่ยังคงสามารถเพ่งสมาธิกับการฝึกฝนของตัวเองได้”
ตั้งแต่ฟ้าเหนือฟ้าถูกสร้าง แวบเดียวเวลาร้อยปีก็ผันผ่าน
ไม่เพียงซือคงจิง เซี่ยกวง อิงหลงถู สือจวินจะเติบโตขึ้นมา ผู้สืบทอดกว่างเฉิงที่เยาว์วัยยิ่งกว่าก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกัน
ฟู่เอินซูเพียงหยุดพักชั่วคราว ภายหลังจะต้องมีคนรุ่นหลังที่อายุน้อยยิ่งกว่าเติบโตแล้วมารับช่วงต่อแน่
รวมถึงสือจวิน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะแทนที่ตำแหน่งผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งวิหารอาญาของเซี่ยกวง ให้เซี่ยกวงได้เพ่งสมาธิกับการฝึกฝน
แต่ว่าภายหลัง สือจวินก็สมควรต้องสละตำแหน่ง เตรียมตัวสำหรับภัยพิบัติมนุษย์เซียนเหมือนพวกซือคงจิงและเซี่ยกวง
ถึงเวลานั้น ผู้รับช่วงต่อที่เหมาะสมก็จะปรากฏตัวขึ้นเช่นกัน
ส่งต่อคบเพลิง ไม่เกินกว่านี้
“เวลาที่ข้าจะเข้าฌานในครั้งนี้ อาจยาวและอาจสั้น เรื่องราวในโลกภายนอกรบกวนพวกศิษย์พี่สวีท่านแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ทว่าข้าสมควรไม่ต้องเข้าฌานปิดตาย ถ้าหากมีเรื่องเร่งด่วน ก็บอกข้าได้เลย”
สวีเฟยยิ้ม “จะรอผลลัพธ์ตอนเจ้าออกฌาน”
เขากำมือขวาเป็นหมัด ยื่นไปด้านหน้า เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม เคลื่อนไหวอย่างเดียวกัน หมัดชนหมัดของสวีเฟย จากนั้นบอกลาผละไป