ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1631 หนึ่งบุปผาบนกระหม่อม จิตเชื่อมต่อจักรวาล
ในตอนระดับพลังฝึกปรือยังต่ำ เฟิงอวิ๋นเซิงขึ้นชื่อเรื่องการศึกจริง
ถ้าหากไม่ได้ไปนพยมโลกในตอนนั้น ตามปกติแล้ว บางทีความเร็วในการยกระดับพลังฝึกปรือของนางเพียงนับว่าอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูง
พรสวรรค์และขีดความสามารถมากมายของนางแสดงออกมาในตอนทำศึกกับคนอื่น
รอกลับมาจากนพยมโลก เป็นเพราะสาเหตุพิเศษ ความเร็วในการยกระดับความสามารถของนางก็สูงสุดขีดมาตลอด กลับจำเป็นต้องควบคุมตลอดเวลา เพื่อไม่ให้รีบร้อนเกินไป
ยามลงมือเข่นฆ่าผู้คน นางยิ่งแสงความดุร้ายออกมามากกว่าเดิม ต่อให้บรรลุถึงระดับสุญญตาและมหาชาล ก็มีไม่กี่คนสู้ได้
เฟิงอวิ๋นเซิงกลับไม่ได้หยุดลงบนพื้นฐานนี้ แต่ว่าพัฒนามากขึ้น ถึงแม้วิธีการจะค่อนข้างเป็นที่ถกเถียง แต่ว่านางเป็นหนึ่งในคนซึ่งมีผลคุกคามมากที่สุดท่ามกลางเซียนสวรรค์มหาชาลในสำนักเต๋าสายหลัก ณ เวลานี้
ไม่ลงมือยังพอว่า เกิดได้ลงมือ ก็ต้องมียอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่สิ้นชีพ
เรื่องราวอย่างการลอบสังหาร คนบางคนไม่ถือสา ถึงขั้นที่ยินดีไปทำ ทว่าวรยุทธ์ที่ฝึกปรือกับพลังส่วนตัวของพวกเขาไม่เหมาะสม
คนบางคนมีความสามารถไปทำ เหมาะไปทำ แต่เจ้าตัวใช่ยินยอมทำ
เฟิงอวิ๋นเซิงเชี่ยวชาญทางด้านนี้ ขณะเดียวกันก็ยินดีแสดงความถนัดออกมา
นี่ทำให้พลังทำลายล้างที่เดิมดุดันอยู่แล้วของนาง หลายๆ ครั้งแล้วถูกขยายเพิ่มเป็นเท่าตัว
ปัจจุบันในสายตาของยอดฝีมือแต่ละเส้นทางอย่างแดนสุขาวดีตะวันตกและเผ่าปีศาจ ถ้าเซียนสวรรค์มหาชาลทั้งหลายของสำนักเต๋า ไม่คิดใช้ค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ความอันตรายของเฟิงอวิ๋นเซิงอยู่เหนือกว่าตัวเจ้าแม่อู๋ตัง นางเซียนอวิ๋นเซียว จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋
เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่กวนอวี่ลั่วคิดถึงเรื่องเหล่านี้ มักรู้สึกสะท้อนใจ
จิตดาบมรรคายุทธ์ในอดีตของเฟิงอวิ๋นเซิง ล้วนเป็นเส้นทางที่เปิดเผยตรงไปตรงมา เปิดสุดปิดสุด ยิ่งใหญ่เกรี้ยวกราด
นิสัยของนางก็ค่อนข้างต่างกับเจี่ยนซุ่นหวาราชันพระราหู
การเปลี่ยนแปลงในตอนนี้ ทำให้กวนอวี่ลั่วกังวลว่าจะสั่นคลอนอนาคตของเฟิงอวิ๋นเซิง และเป็นห่วงว่าวิชาดาบอย่างนี้จะส่งผลต่อจิตปณิธานของนาง
“อวี่ลั่วไม่ต้องเป็นห่วงข้า” เฟิงอวิ๋นเซิงตบมือนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถึงวิถีวิชาดาบในตอนนี้กับข้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ณ ตอนนั้น แต่ว่าเหมือนหลักการแสงและความมืดอยู่ตรงข้าม หยินหยางให้กำเนิดกันและกัน การเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันไม่มีทางทำลายความเชื่อและมรรคายุทธ์ก่อนหน้านี้ของข้า ตรงกันข้ามอาจจะยกระดับขึ้น”
“นี่เป็นเส้นทางที่ข้าวางแผนไว้แต่แรกแล้ว รู้สึกมั่นใจ วางใจเถอะ”
กวนอวี่ลั่วพอฟัง พยักหน้าเหมือนนึกอะไรได้
แตกต่างกับกวนอวี่ลั่ว เมิ่งหวานผลักเปิดประตูเซียนแล้ว เข้าใจหลักการฟ้าดินในด้านต่างๆ มากกว่าเดิม
นางมองเฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้พูดอะไร ส่ายหน้าน้อยๆ ในใจ
‘ศิษย์พี่กล่าวไม่ผิด เส้นทางนี้ท่านสามารถเดินได้จริงๆ แต่นี่ใช่ว่าเป็นตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียวของท่านกระมัง? หนำซ้ำต่อให้เดินได้ ด้านในก็มีอันตรายมากมาย ไม่ราบเรียบ บางทีหากท่านเดินบนเส้นทางอื่น อาจราบรื่นยิ่งกว่า’
เมิ่งหวานกล่าวในใจ ‘เบื้องหลังอันงดงามของยุคสมัยนี้ ไม่อาจแยกจากความมืดไร้สิ้นสุด…’
สิ่งที่นางคิดแม้มีมาก แต่เปลือกนอกไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ยิ้มพลางเปลี่ยนหัวข้อ ไม่พูดถึงเรื่องราวด้านนี้อีก
คุยไปคุยมา เฟิงอวิ่นเซิงสีหน้าสั่นไหวเล็กน้อย “เอ๋? จ้าวเกอออกฌานแล้ว”
แตกต่างกับการสะท้านฟ้าสะเทือนดินในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด เมิ่งหวานกับกวนอวี่ลั่วต่างสัมผัสไม่ได้ ทว่าพวกนางย่อมเชื่อการแยกแยะของเฟิงอวิ๋นเซิง
คนทั้งสองยิ้มพลางผุดลุกขึ้น บอกลาเฟิงอวิ๋นเซิง
ระหว่างเฟิงอวิ๋นเซิงกับพวกนางไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตอง หลังจากนัดแนะกันว่าครั้งหน้าค่อยคุยกันเสร็จ ก็ส่งแขกจากไป ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเขาหลังของเขากว่างเฉิง
รอนางไปถึงด้านหน้าถ้ำศิลาที่เยี่ยนจ้าวเกอเข้าฌาน ประตูของนิวาสสถานก็เปิดเองโดยอัตโนมัติ
การตกแต่งในนิวาสสถานเรียบง่าย มีเบาะไม่กี่ใบ
หลังจากเฟิงอวิ๋นเซิงเข้าไป ก็เห็นเยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่บนเบาะใบหนึ่ง ศีรษะมีบุปผาแสงส่องระยิบระยับ กอปรเป็นบุปผาจิตที่พร่างพราวดอกหนึ่ง!
ห้าปราณมุ่งสู่ต้นกำเนิด สามบุปผาบนกระหม่อม
ปัจจุบันเยี่ยนจ้าวเกอก้าวเท้าก้าวแรกสำเร็จแล้ว
บุปผาแสงไหลเวียนบนศีรษะของเขา เหมือนกับซ่อนแฝงความลี้ลับไร้สิ้นสุด เกาะเกี่ยวฟ้าดิน แต่ว่าไม่เกิดระลอกคลื่น ไม่ดึงดูดความสนใจ ก่อเกิดเป็นความว่างเปล่า
บุปผาแสงที่ล่องลอยยากหยั่งคาดบานออก เหมือนกับกลีบดอกที่ไร้รูปร่างกระจายเต็มพื้น พลิ้วกระจายไปยังโลกภายนอกไม่หยุด
ออกจากนิวาสสถาน ออกจากเขากว่างเฉิง ออกจากฟ้าเหนือฟ้า ถึงขั้นออกจากสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย จนกระทั่งยื่นไปถึงความว่างเปล่าอันไร้สิ้นสุด
“มหาสภาพไร้รูปร่าง มหาเสียงไร้เสียง” เฟิงอวิ๋นเซิงเห็นดังนั้นก็ชมเชย “จ้าวเกอท่านบรรลุสัจธรรมแห่งมหามรรคาแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม เก็บบุปผาแสงบนศีรษะ หายเข้าไปในสมอง
เขายืนขึ้น จูงมือเฟิงอวิ๋นเซิงออกจากนิวาสสถานพร้อมกัน
“ทดลองความคิดใหม่มากมาย ดังนั้นใช้เวลามากไปบ้าง แต่ผลลัพธ์ยังไม่เลว” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งถาม “ตอนนี้หยกหยุดวิญญาณมีที่อยู่แล้ว?”
พู่โลหิตแก่นศิลา หยกหยุดวิญญาณ และสารสมุทรปราณวิญญาณของวิเศษสามอย่างที่จำเป็นต่อการใช้รักษาอวี่เย่ หลายปีมานี้เจอแล้วสองอย่าง
เยี่ยนจ้าวเกอมิได้เข้าฌานปิดตาย ทุกๆ ระยะเวลาหนึ่ง เขากว่างเฉิงจะเลือกข้อมูลที่สำคัญรายงานสรุป ส่งถึงนิวาสสถานของเขา
ดังนั้นแม้หลายปีมานี้เยี่ยนจ้าวเกอจะบำเพ็ญเต๋าเป็นส่วนใหญ่ แต่มิได้ตัดขาดข่าวสารกับโลกภายนอก
มีแต่หยกหยุดวิญญาณในของวิเศษสามอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่มีข่าวสารมาโดยตลอด ดังนั้นครั้งนี้ออกฌาน เยี่ยนจ้าวเกอจึงถามเรื่องนี้ก่อน
“ตอนนี้ยังคงไร้ข่าว ผู้อาวุโสเกาคิดว่าจะรออีกสักพัก ถ้าหากยังไม่มีที่อยู่ ก็จะไม่รอแล้ว” เฟิงอวิ๋นเซิงตอบ
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าเงียบๆ ครู่ต่อมาก็ถามว่า “ข่าวของธงเหลืองโบ่วกี้เป็นอย่างไรแล้ว?”
ในข้อมูลที่ส่งมาครั้งก่อน มีเรื่องที่พูดถึงธงเหลืองโบ่วกี้ ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงทราบเรื่อง
“ยังคงไม่มีเบาะแสที่แท้จริง” เฟิงอวิ๋นเซิงส่ายหน้า “พี่ร่วมเส้นทางหยางกับพี่ร่วมเส้นทางหนานจี๋ต่างก็กำลังลงแรงตามหา”
หยางเจี่ยนกับจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ล้วนเป็นผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์ ย่อมให้ความสำคัญกับธงเหลืองโบ่วกี้มากที่สุด
แต่ว่าน่าเสียดายที่เบาะแสซึ่งหาเจอในตอนนี้ ล้วนเหมือนกับตักจันทร์ในน้ำ[1] คุณค่ามีจำกัด
คนทั้งสองคุยสัพเพเหระ ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องราวบนโลกภายนอก ไม่ได้จำกัดที่การสนทนาธรรมถกเต๋า กลับกันเป็นเฟิงอวิ๋นเซิงพูดคุยเรื่องหยุมหยิมที่ได้เห็นได้ฟังมาตอนเยี่ยนจ้าวเกอเข้าฌานอยู่มากกว่า
หลังจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มุกค้ำทะเลที่เหลืออยู่ในมือพวกเรา สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้ว”
“อ้อ? ท่านมีความคิดที่เหมาะสมแล้วหรือ?” เฟิงอวิ๋นเซิงเลิกคิ้ว
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “มีแผนการขั้นต้นแล้ว ต่อจากนี้คือเห็นโอกาสค่อยเคลื่อนไหว”
ว่าแล้ว คนทั้งสองก็ออกจากฟ้าเหนือฟ้า ออกจากสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย
เยี่ยนจ้าวเกอกระทำตามสูตรสำเร็จ ใช้แผนการเดิม อาศัยมุกค้ำทะเล สร้างจักรวาลอีกแห่งหนึ่ง เหมือนตอนสร้างสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย ตั้งเคียงกับจักรวาลสำนักเต๋ามากมายอย่างสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจียในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด
การเคลื่อนไหวนี้ปกปิดคนอื่นไม่ได้
ยอดฝีมือสำนักเต๋าที่เฝ้าอยู่ในสวรรค์สำนักเต๋าบริเวณใกล้ๆ ต่างสัมผัสได้ก่อน
ในความว่างเปล่าไกลออกไป ความสนใจของคนที่สืบค้นข่าวจากขุมกำลังอื่นๆ ถูกดึงดูดทันที
เยี่ยนจ้าวเกอไม่มีความคิดจะปกปิด กระทำเรื่องราวของตัวเองต่อ
คนอื่นๆ ไม่ได้รบกวนเขา ทุกคนมองดูการสร้าจักรวาลอีกแห่งอย่างเงียบงัน
“ต่อจากนี้ให้ศิษย์น้องหลานมาจัดการ ย้ายคนส่วนหนึ่งมาหรือ?” เฟิงอวิ๋นเซิงถาม
“อพยพคนธรรมดามาอาศัยอยู่ในโลกที่แตกต่างก็พอ” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “สำนักมรรคายุทธ์แต่ละแห่งไม่ต้องเข้ามายุ่ง จักรวาลนี้ข้าจะจัดการด้วยตัวเอง”
………………..
[1] ตักจันทร์ในน้ำ หมายถึง ทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้