ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1642 ประโยชน์ของตัวล่อ
มู่จาได้ยินคำสนทนาของเยี่ยนจ้าวเกอกับไท่อี้จินหยิน ไหนเลยยังไม่เข้าใจแผนการของพวกเขา?
ติดต่อกับจอมยุทธ์สำนักเต๋าที่ก่อนหน้านี้ร่วมทางกับอิงหลงถูผู้นั้น ใช้เขาเป็นตัวล่อ ตกพวกหลี่จิ้งให้ติดบิด
ได้ยินความหมายในวาจาของพวกเยี่ยนจ้าวเกอก็รู้ได้ว่า ระดับพลังฝึกปรือของจอมยุทธ์สำนักเต๋าผู้นั้น สมควรใกล้เคียงกับอิงหลงถู
ต่อให้ผลักเปิดประตูเซียนแล้ว แต่อย่างมากสุดคงไม่เกินระดับเซียนลี้ลับสงบนิ่ง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นเซียนจริงแท้ไร้ช่องโหว่วเช่นกัน
พวกหลี่จิ้งมาถึงค้นหาพวกมู่จาไม่พอ ใจย่อมระวังผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดของสำนักเต๋า
กระนั้นเพื่อทำความเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาจะต้องขยายการตรวจสอบแน่
สำหรับพวกหลี่จิ้งแล้ว การคุกคามของเซียนจริงแท้คนหนึ่งหรือเซียนลี้ลับคนหนึ่งจะต้องต่ำมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนทุกคนเหมือนเยี่ยนจ้าวเกอเสียหมด
ก่อนจะจับคน พวกเขาอาจยังยืนยันไม่ได้ว่าจอมยุทธ์สำนักเต๋านั้นทราบเรื่องหรือไม่ แต่ในเมื่อโผล่มาบริเวณใกล้เคียง ก็เป็นแหล่งข่าวที่มีความเป็นไปได้ มีโอกาสตามเถาคลำแตง[1]
ต่อให้จะเป็นการแสวงโชค ฆ่าผิดยังดีกว่าปล่อยตัว พวกหลี่จิ้งไม่สนใจ
นี่มอบโอกาสให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอกับไท่อี้จินหยิน
มู่จาถอนใจคำหนึ่ง ใบหน้าฉายแววหมดหนทาง
เขาเป็นตัวล่อจริงๆ
ไม่ใช่บอกว่าตัวเขาไม่ยอมแพ้ไม่ยอมร่วมมือก็ไม่เป็นไร
ขอแค่เขาสูญเสียการติดต่อ ก็เกิดผลของตัวล่อแล้ว
ตอนนี้นักบวชฮุ่ยอั้นที่หมดปัญญาได้แต่ฝากความหวังให้ฝ่ายตนระมัดระวังตัว ค่อยเป็นค่อยไป ละเอียดรอบคอบ มองแผนการของเยี่ยนจ้าวเกอกับไท่อี้จินหยินให้ออก อย่าได้เหยียบหลุมพรางนี้จริงๆ
มู่จามองฝาอัคคีเทพเก้ามังกรที่ด้านในเต็มไปด้วยเพลิงผลาญสีขาวน้ำนมแวบหนึ่ง จิตใจหม่นหมอง
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าให้วานรปีศาจที่พ่าน่พานแปลงขึ้น ร่างวานรปาษจหดเล็กลงส่วนหนึ่ง ยังคงถือเหล็กเทพท่อนนั้นสะกดบนฝาอัคคีเทพเก้ามังกร วานรปีศาจยืนอยู่บนฝาอัคคีเทพเก้ามังกร ยืนอยู่ด้านข้างไท่อี้จินหยินอยู่แล้ว
ไท่อี้จินหยินใช้มือถึงประสานเคล็ดวิชา ชี้นิ้วใส่อากาศ
จวนมหาเอกาที่ทุกคนอยู่เกิดการเปลี่ยนแปลง ปราณรกร้างหลายสายไหลเวียน ต่างรวมกันที่ตัวไท่อี้จินหยินและฝาอัคคีเทพเก้ามังกร
ไท่อี้จินหยินผนึกนาจา เดิมอาศัยพลังของจวนมหาเอกา
ตอนนี้ตราอาคมลวดลายสลักหลายสายโผล่ขึ้นพร้อมกัน เกิดเป็นลักษณะของโซ่หลายเส้น พันอยู่บนฝาอัคคีเทพเก้ามังกร
พร้อมกับการเคลื่อนไหวของไท่อี้จินหยิน โซ่ที่เกิดจากปราณอันรกร้างหลายเส้นก็หักออกตามลำดับ
ฝาอัคคีเทพเก้ามังกรมองไปเหมือนมีเค้าลางไม่มั่นคงอีกครั้ง
ทว่าไท่อี้จินหยินกับวานรมีการเตรียมตัวอยู่ก่อน ภายใต้การร่วมมือกัน อาศัยเหล็กเทพสะกดฝาโปร่งแสงอีกรอบหนึ่ง
“ขึ้น!” ไท่อี้จิจนหยินร้องเสียงเบา ฝาอัคคีเทพเก้ามังกรลอยขึ้น บินไปยังจวนมหาเอกาด้วยการชักนำจากเขา
เยี่ยนจ้าวเกอพ่นลมหายใจเบาๆ ปรากฏแสงสายฟ้าที่โปร่งแสงเบาบางหลายสายรอบๆ ร่างของเขา เหมือนกับฟองเงา
ทว่า ‘ฟองอากาศ’ แสงสายฟ้าฟองหนึ่งดูเหมือนเปราะบางไม่มีพลัง ความจริงแต่ละฟองต่างหนักอึ้งจนไม่อาจหนักไปกว่านี้ ราวกับว่ามิติเวลาหลายชั้นซ้อนทับด้วยกัน
แสงสายฟ้าขยายออกไปด้านนอก ค่อยๆ ประกอบเป็นโลกอันเป็นเอกเทศน์ใบหนึ่ง บรรจุเยี่ยนจ้าวเกอ ไท่อี้จินหยิน มู่จา และฝาอัคคีเทพเก้ามังกรไว้ด้านใน
“พวกเราไปเถอะ จวนมหาเอกาแห่งนี้อีกเดี๋ยวค่อยว่ากัน สนใจเรื่องตรงหน้าเสียก่อน” ไท่อี้จินหยินเอ่ย
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งมองมู่จา ทางหนึ่งทำท่ามือ ‘เชิญ’ “บูรพาจารย์ไท่อี้เผชิญตามข้ามา”
“เจ้าถึงแม้เป็นผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์ กลับไม่ต้องเรียกบูรพาจารย์ ข้ารับไปรู้สึกละอาย” ไท่อี้จินหยินเหลียวมองโลกที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้สายฟ้าอนัตตาสร้างขึ้นมา เห็นเล็กน้อยทราบถึงความสามารถ สัมผัสความลี้ลับอัศจรรย์ที่แฝงอยู่ด้านใน เทียบกับอายุของเยี่ยนจ้าวเกอ ถอนใจชมเชย “มีผู้มีความสามารถเช่นเจ้า มิน่าสำนักเต๋าเราจึงรุ่งเรืองอีกครั้ง”
“จินหยินเกรงใจแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกออกจากจวนมหาเอกาพร้อมกับไท่อี้จินหยิน เข้าไปในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดน ทางหนึ่งเดิน ทางหนึ่งไปค้นหาหลงซิงเฉวียนกับเมี่ยวเฉิงเต้าหยิน
ในความว่างเปล่านอกเขตแดนการติดต่อไม่สะดวก แต่อย่างไรครั้งนี้ก็มาเพื่อตามหาอิงหลงถูโดยเฉพาะ ถ้าหากว่าพลัดหลงกับพวกหลงซิงเฉวียนอีก คนหายสาบสูญยิ่งมายิ่งมาก ไหนเลยไม่กลายเป็นเรื่องน่าหัวร่อ?
ดังนั้นครั้งนี้ก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอจะแยกทัพเป็นสองทางกับหลงซิงเฉวียนและเมี่ยวเฉินเต้าหยิน ได้นัดสถานที่เจอกันไว้โดยเฉพาะ ทั้งยังกำหนดระยะเวลาเจอกันไว้ค่อนข้างสั้น
เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงสถานที่ รออยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นหลงซิงเฉวียนกับเมี่ยวเฉินเต้าหยินปรากฏตัว
เห็นพวกเขาไร้รอยขีดข่วน เยี่ยนจ้าวเกอก็โล่งใจเช่นกัน
พวกหลงซิงเฉวียนเห็นอิงหลงถูปลอดภัย ในใจต่างยินดี รอเห็นไท่อี้จินหยิน ต่างประหลาดใจยิ่ง
แต่ไม่ทันไรพวกเขาก็รู้สึกดีใจ ผู้ยิ่งใหญ่สำนักเต๋าที่ยังมีชีวิตยิ่งมายิ่งมากเท่าไหร่ สำหรับผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ ย่อมยิ่งดีเท่านั้น
หลังจากได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอบอกเล่ารายละเอียดและการจัดการเรื่องราวคร่าวๆ หลงซิงเฉวียนก็พยักหน้า “ใกล้ๆ มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติอยู่จริงๆ พวกเราระวังตัว พยายามหลบเลี่ยงเท่าที่ทำได้ ดูจากตอนนี้ ทัพสนับสนุนของแดนสุขาวดีตะวันตกมาถึงแล้ว กำลังตามหาพวกนักบวชฮุ่ยอั้นอยู่”
“ข้าไม่คัดค้านแผนการของเทวกษัตริย์น้อย เริ่มต้นได้ทุกเวลา” เมี่ยวเฉินเต้าหยินกล่าวแสดงท่าที
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “เช่นนี้ต้องรบกวนสหายร่วมเส้นทางเมี่ยวเฉินแล้ว สหายร่วมเส้นทางวางใจเต็มที่ ข้าอยู่ใกล้ๆ ไม่ทำให้ท่านเสียท่าแน่ๆ”
“เทวกษัตริย์น้อยเกรงใจแล้ว” เมี่ยวเฉินเต้าหยินประสานมือให้เขากับไท่อี้จินหยิน จากนั้นหมุนตัวจากไป
พวกเยี่ยนจ้าวเกอรออยู่ครุ่หนึ่ง ก็ติดตามไปพร้อมกัน
“มหาเทพสมุทรตรีภพยังอยู่ ช่างน่ายินดีอย่างแท้จริง” หลงซิงเฉวียนมองฝาอัคคีเทพเก้ามังกร “น่าเสียดายประสบภัยพิบัติเช่นนี้ เพียงหวังว่าครั้งนี้จะเปลี่ยนร้ายเป็นดีได้สำเร็จ”
“ขอแค่ราชาสวรรค์หลี่ผู้นั้นมา การแก้แขภัยพิบัตินี้ก็ไม่ยากแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ถ้าหากว่าวันนี้หลี่จิ้งไม่มา เช่นนั้นได้แต่สร้างความคับข้องแก่มหาเทพสมุทรตรีภพสักช่วงหนึ่ง พวกเราค่อยๆ วางแผนไป”
มู่จาสีหน้าทอแววโมโห น่าเสียดายถูกเยี่ยนจ้าวเกอจับไว้ ดิ้นรนไม่ได้โดยสิ้นเชิง
“อืมม์ วางแผนจะฆ่าบิดาคนอื่นต่อหน้าคนคนนั้น พวกเราออกจากทำเกินไปบ้างกระมัง?” เยี่ยนจ้าวเกอแตะนิ้วกับริมฝีปาก
แม้พูดเช่นนี้ แต่คิดกำจัดหลี่จิ้งแห่งแดนสุขาวดีตะวันตก ดึงนาจาหนึ่งในผู้เข้มแข็งไม่กี่คนในผู้สืบทอดสำนักเต๋า ณ ปัจจุบันกลับมา เยี่ยนจ้าวเกอกระทำเรื่องแบบนี้ ไม่มีภาระทางด้านจิตใจใดๆ ทั้งสิ้น
ต่อให้ต้องคิดทบทวน ก็ทบทวนว่าจะทำอย่างไรผลลัพธ์ถึงดีที่สุด
ครู่ต่อมา เพียงแค่สักพักเดียว สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอกับไท่อี้จินหยินก็สั่นไหวเล็กน้อย
พวกเขาสัมผัสได้ว่า ทางเมี่ยวเฉินเต้าหยินคล้ายเกิดเรื่องแล้ว
“ปลาติดเบ็ดแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกับไท่อี้จินหยินสบตากัน ต่างพยักหน้า จากนั้นก็ยืนนิ่งหยุดฝีเท้า เริ่มเตรียมการของใครของมัน
นาทีนี้ความมืดอันกว้างขวางถมเต็มด้านในอาณาเขตที่เกิดจากสายฟ้าอนัตตา
กลิ่นอายของโลกใบนี้พลันจมดิ่งลงไป
เยี่ยนจ้าวเกอกับไท่อี้จินหยินถึงขั้นที่ไม่ปล่อยสัมผัสของตัวเองออกไป รออย่างสงบนิ่งอยู่ที่นั่น
มีเพียงหลงซิงเฉวียนไม่อำพรางร่องรอย มุ่งหน้าต่อไปอย่างเรียบเฉย
อย่างรวดเร็ว หลงซิงเฉวียนรู้สึกได้ว่า ไกลออกไปเหมือนมีร่องรอยการเคลื่อนไหวของยอดฝีมือศาสนาพุทธ
เขาไม่ได้หยุดลงในทันที หลังจากเข้าใกล้ต่ออีกเล็กน้อย ก็หยุดฝีเท้า หมุนตัวถอยหลัง
กระนั้นความเร็วของอีกฝ่ายกลับเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน
แสงพุทธกะพริบวาบ เพียงแค่พริบตาเดียว ตรงหน้าหลงซิงเฉวียนก็ปรากฏบัวเขียวหลายดอก ราวกับอยู่นี้แต่แรกแล้ว
………………..
[1] ตามเถาคลำแตง หมายถึง สืบสาวร่องรอย