ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1649 ชิงสารีริกธาตุ
เยี่ยนจ้าวเกอนึกถึงปัญหาของสารีริกธาตุศากยมุณีเหมือนกับเจ้าแม่อู๋ตัง
การกระทำผิดปกติในช่วงนี้ของแดนสุขาวดีตะวันตก อาจจะเป็นเพราะกำลังหาวิธีค้นหาสารีริกธาตุ
ซึ่งความจริง พวกเขาตามหาตลอดมา
กล่าวให้ถูกต้อง ไม่เพียงศาสนาพุทธสายหลัก แม้แต่สำนักเต๋าสายหลัก เผ่าปีศาจ แดนสุขาวดีตะวันตก โถงเซียนล้วนกำลังพยายามค้นหา ถึงขั้นที่นพยมโลกอาจไม่ใช่ข้อยกเว้นด้วยซ้ำ
ปัจจุบันนี้คล้ายว่าแดนสุขวดีตะวันตกมีความก้าวหน้าชนิดทะลุทะลวง ดังนั้นจึงรวบรวมกำลังคน
นี่เป็นเรื่องที่ควรค่าให้พวกเขาลงกำลังคน
มหาวิทยราชมยุรีต้องการสารีริกธาตุศายมุณี ปัจจุบันไม่ใช่ความลับอีกแล้ว
วาสนาในการขึ้นสู่ระดับมรรคาของท่าน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะอยู่ที่สารีริกธาตุซึ่งพระศากยมุณีทิ้งเอาไว้เหล่านี้
ท่านพ่ายแพ้จุ่นถีเต้าหยินในยุคโบราณตอนต้น จึงเข้าสู่ศาสนาพุทธ กายทองที่ฝึกฝนสำเร็จมียี่สิบสี่เศียร สิบแปดกร เป็นการรับสืบทอดสายของจุ่นถีเต้าหยินอันเป็นมาตรฐาน
ปัจจุบันต้องการทะลวงสู่ระดับมรรคา เกี่ยวพันถึงสารีริกธาตุที่จุ่นถีเต้าหยินทิ้งเอาไว้ก่อนหลุดพ้น ก็สมเหตุสมผล
ถึงไม่ทราบว่านี่เป็นเงื่อนไขเพียงหนึ่งเดียวหรือไม่ นอกจากนี้แล้วยังมีความต้องการอย่างอื่่นอีกไหม ทว่าสำหรับในตอนนี้ นี่เป็นวัตถุที่ท่านปรารถนามากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
หากใช้คำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอก็คือ นี่สร้างทหารรับจ้างระดับสุดยอดที่แข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันคนหนึ่งขึ้นมา
ไม่ว่าจะไม่สนใจความขัดแย้งของแต่ละฝ่ายจริงๆ หรือว่ามีความตั้งใจรอราคาดีๆ ค่อยขาย สรุปแล้วการลงมือสองครั้งในยุคนี้ของมหาวิทยราชมยุรี ล้วนเป็นเพราะสารีริกธาตุศากยมุณี
ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดในจุดสูงสุดแห่งมหาชาลลงมือสองครั้ง ต่างเรียกได้ว่าสะท้านสะเทือนปฐพี
การลงมือครั้งแรก คนคนเดียวจัดการมหาเทวะและอนุเทวะเผ่าปีศาจซึ่งรวมถึงเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ อาศัยพลังของตัวเองเปลี่ยนสถานการณ์ของโถงเซียนที่ดำเนินมาหลายปี และผลลัพธ์การต่อสู้ในครั้งนั้น
การลงมือในครั้งที่สองทำให้กระบวนการชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนของสำนักเต๋าสายหลักบังเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง เกือบล้มเหลวกลางคัน
เวลาปัจจุบันที่มหาเทวกษัตริย์แห่งหยกหายตัวไป มหาเทวะเสมอฟ้ามีสถานการณ์พิเศษ ยากจะแสดงตัว มหาวิทยราชมยุรีแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเซียนสวรรค์มหาชาลที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งมีชื่อสมกับความจริง
โดยเฉพาะแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของท่านยังร้ายกาจสุดขีด ไม่มีสิ่งใดสาดส่องไม่ได้ กับคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่า ต่อให้เป็นมหาชาลเหมือนกัน ก็สามารถสร้างสภาวะบดขยี้เหนือกว่าธรรมดาได้ ดังนั้นจึงส่งผลคุกคามต่อคนอื่นๆ อย่างใหญ่หลวงเป็นพิเศษ
สำหรับสำนักเต๋าสายหลัก ณ ตอนนี้ มหาวิทยราชมยุรีทำให้ผู้คนเกรงกลัวยิ่ง
ในการช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเมื่อร้อยปีก่อน เยี่ยนจ้าวเกออาศัยมหาเทวะเสมอฟ้าแสดงร่างที่แท้จริง กลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์ ป้องกันมหาวิทยราชมยุรี
ทว่านั่นถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ซุนหงอคงมหาเทวะเสมอฟ้าตัวจริง
เวลาในการคงอยู่สุดท้ายยังมีจำกัด
ถ้าหากว่าไม่อาจเอาชนะมหาวิทยราชมยุรีในช่วงเวลาที่แน่นอน รอเวลามาถึง ผลลัพธ์ย่อมเป็นมหาวิทยราชมยุรีเอาชนะได้
หนำซ้ำหลังจากการศึกครั้งนั้น จนกระทั่งถึงวันนี้ กายทองมหาเทวะสามร่างไม่อาจรวมตัวกันได้ จำเป็นต้องซ่อมแซมบำรุงเป็นเวลานาน
ถึงแม้จะรวมร่างกันได้อีก ครั้งต่อไปจะหลอมเปลี่ยนศิลาดินกำเนิด ก็ไม่รู้ว่าต้องนานขนาดไหน
กล่าวได้ว่า เวลาปัจจุบันไปจนถึงกาลเวลาที่ยาวนานมากๆ ในภายหลัง มหาวิทยราชมยุรีเป็นการคุกคามใหญ่หลวงที่สำนักเต๋าสายหลักกริ่งเกรง
ในช่วงเวลานี้ ถ้าหากว่านกยูงตัวนั้นต้องการสร้างความลำบากแก่พวกเยี่ยนจ้วเกอ ก็ไม่มีมหาเทวะเสมอฟ้าคอยต้านมันแล้ว
ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนย่อมทำได้ ทว่าปัญหาอยู่ที่นั่นเป็นทุนทรัพย์ของสำนักเต๋าสายหลักที่เอาไว้คานกับเหล่าเจ้ามรรคา
ความหมายที่ใหญ่ที่สุดในการดำรงอยู่ของตัวมัน คือควบคุมศัตรูที่สำนักเต๋าเผชิญหน้าโดยตรงอยู่ในปัจจุบัน ให้อยู่ต่ำกว่าระดับมรรคาในระดับใหญ่
นอกจากนี้แล้ว ก่อนที่มหาเทวะเสมอฟ้าจะกลับคืนสู่ระดับสูงสุด ยามเผชิญกับมหาวิทยราชมยุรี สมควรต้องให้หยางเจี่ยนมาหักหาญแล้ว
ถ้าต้านไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องกล่าวมากความ
แต่ต่อให้ต้านไว้ไหว บุคคลที่สุดยอดที่สุดในปัจจุบันของสำนักเต๋าก็จะถูกพัวพันความสนใจไว้ ในเวลานั้นพวกทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวินยากจะไม่แสดงความน่าเกรงขาม
ต่ำกว่าระดับมรรคา นกยูงตัวนี้เป็นการคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของสำนักเต๋าสายหลักอย่างไม่ต้องสงสัย หนำซ้ำยังคุกคามอย่างแท้จริง
สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกโชคดีก็คือ ข่งซวนจะมีหลักการก็ดี ค่าตัวสูงก็ดี ดูจากตอนนี้ ถ้าไม่มีราคาที่มีความสำคัญมากพออย่างสารีริกธาตุศากยมุณี ท่านก็จะไม่ลงมือ
ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ของเส้นทางนอกรีตสองเส้นทาง หรือว่าการต่อสู้ระหว่างเผ่าปีศาจกับแดนสุขาวดีตะวันตก หรือว่าการต่อสู้ระหว่างสำนักเต๋าสายหลักกับนพยมโลก ท่านก็ไม่มีทางเข้าร่วม
ต่อให้จะถูกมหาเทวะเสมอฟ้างอประกายคมในสงครามช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน ท่านก็ไม่มีความคิดทวงศักดิ์ศรีคืนหลังจบเรื่องราว
สารีริกธาตุศากยมุณีชิ้นหนึ่งแลกเปลี่ยนการลงมือครั้งหนึ่งของท่าน ท่านไม่มีทางอู้ แต่ท่านก็ไม่รับผิดชอบผลที่ตามมาเช่นกัน
เมื่อเป็นแบบนี้ กล่าวในระดับหนึ่งแล้ว ไม่เพียงแต่กับสำนักเต๋าสายหลักเท่านั้น กับขุมกำลังอื่นๆ รวมถึงแดนสุขาวดีตะวันตกที่ข่งซวนใช้อาศัยมาโดยตลอด ท่านก็เป็นการคุกคามที่มีประสิทธิภาพเช่นกัน
เพียงแต่ท่านแสดงออกชัดเจนว่ามีความต้องการ ขณะอาศัยพลังตัวเองเป็นแต้มต่อในการหาผลประโยชน์ ก็ได้รับการสะกดจากคนได้ง่ายยิ่ง ดังนั้นจึงไม่ดึงดูดการลงมือจู่โจมจากเจ้ามรรคาทั้งหลาย
พร้อมกับที่สารีริกธาตุศากยมุณีในมือท่านยิ่งมายิ่งมาก สภาพของมหาวิทยราชมยุรีความจริงก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นยิ่งมายิ่งลำบาก
เป็นเพราะทุกคนเริ่มคิดควบคุมท่าน
เพียงแต่ในฐานะอันดับหนึ่งรองจากระดับมรรคาในปัจจุบัน อาศัยข้อพิพาทระหว่างขุมกำลังอื่นๆ มหาวิทยราชมยุรีก็มีทุนรอนในการวางหมากของตัวเองเช่นกัน
ผลลัพธ์สุดท้ายย้งต้องดูความสามารถของแต่ละฝั่ง
“น่าเสียดายแม้พระอาจารย์เสวียนตูจะได้ข่าวจากเหล่าจวิน จำนวนของสารีริกธาตุศากยมุณีสมควรเป็นห้าชิ้น แต่พวกเราก็ไม่แน่ใจว่ามหาวิทยราชมยุรีต้องการกี่ชิ้น มีกี่ชิ้นแล้ว และไม่ทราบว่าจะต้องรวบรวมให้ครบหรือไม่?” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงใช้ประโยชน์ได้บ้าง”
เจ้าแม่อู๋ตังกล่าว “ถึงจะไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีใครมีสารีริกธาตุอยู่ในมือ แต่ต่อให้มี การแลกเปลี่ยนกับสหายร่วมเส้นทางข่งซวนก็จะเริ่มระวังตัว ไม่มีทางทิ้งสารีริกธาตุให้เขาโดยง่าย”
“กระนั้นถ้าเจอชิ้นหนึ่ง ก็เป็นแต้มต่อมหาศาลแล้ว เหมือนกับค่ายกลลงทัณฑ์เซียนในมือพวกเรา” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม
ดูจากความหมาย หากบอกว่าข่งซวนเป็นค่ายกลลงทัณฑ์เซียนขนาดเล็ก ความจริงไม่ถือว่าเกินเลย
ท่านไม่อาจต้านเจ้ามรรคา แต่พลังข่มขวัญต่อการดำรงอยู่ด้านใต้ระดับมรรคา ความจริงก็ใกล้เคียงกับผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคายิ่ง
สามารถถูกแต่ละฝั่งให้ความกริ่งเกรงและช่วงชิง เดิมทีก็อธิบายให้เห็นแล้วว่าในสถานการณ์ที่เจ้ามรรคาสะกดกันและกัน ท่านเป็นเจ้ามรรคาเทียมคนหนึ่ง
“บนแดนสุขาวดีตะวันตกสมควรมีเบาะแสสารีริกธาตุศากยมุณีชิ้นหนึ่งแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะมาจากอินทรเกตุธวัชราชาพุทธะและพระอานนท์”
พระอานนท์ได้มรณะภาพในการเปลี่ยนแปลงใหญ่บนแดนอภิรดีศูนย์กลางในครั้งนั้น
ทว่าสถานการณ์ตอนนั้นซับซ้อน ทุกอย่างโกลาหล ทั้งเกิดตอนเปลี่ยนผ่านยุคสมัย วัตถุบางส่วนอาจถูกกลบฝังในเถ้าธุลีประวัติศาสตร์
ศาสนาพุทธไม่ได้ลดการค้นหา หลายปีให้หลัง ปัจจุบันดูเหมือนได้ผลลัพธ์ใหม่แล้ว
“ถ้ามหาวิทยราชมยุรีทราบข่าว เช่นนั้นก็คึกครื้นแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างมีเจตนาร้าย
“ธงเหลืองโบ่วกี้แห่งหยกวิสุทธิ์มีตำแหน่งแล้ว?” เจ้าแม่อู๋ตังยามนี้ถามขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “พี่ร่วมเส้นทางหยางเจี่ยนกับใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋หลายปีมานี้ตาหามาตลอด แต่ปัจจุบันยังไม่มีความก้าวหน้าในความเป็นจริง”