ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1654 ป่าเจดีย์พุทธ
พวกวัชรอภิณฑ์พุทธะเข้าไปในซากปรักหักพัง ภาพซากปรักหักพังเปลี่ยแปลงอีกครั้ง
เศษดาวยิ่งใหญ่ม้วนคลุมแผ่พุ่ง ห้อมล้อมซากปรักหักพังอีกครั้ง
หนำซ้ำวังวนดาราที่ปรากฏขึ้นในความว่งเปล่า เทียบกับก่อนหน้าแล้ว ขยายใหญ่ขึ้นอีกขั้น เปลี่ยนเป็นกว้างใหญ่กว่าเดิม
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงมองหน้ากัน ล้วยขมวดคิ้ว
“ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของแดนอภิรดีศูนย์กลาง หลุดออกมาในตอนที่พระศรีอาริย์ปฏิวัติพระธรรม ความปั่นป่วนภายในแดนสุขาวดี แต่อย่างไรเป็นชิ้นส่วน ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ถึงกับยังคงน่าอัศจรรย์ขนาดนี้?”
เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย “ตอนนี้ยืนยันได้ว่า เหล่าพุทธะแห่งแดนสุขาวดีตะวันตกมิได้ตาบอด แต่่วามีเป้าหมายจริงๆ ที่นี่เกรงว่าจะมีสารีริฏาตุศากยมุณีเหลืออยู่ที่นี่ ต่อให้ไม่ใช่สารีริกธาตุศากยมุณี ก็ต้องเป็นของล้ำค่าแห่งศาสนาพุทธ ไม่อย่างนั้นคงไม่มาที่นี่”
“ดูท่าทีในตอนนี้ พวกเราสังเกตการณ์ต่อไม่สะดวกแล้ว” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าว “นอกเสียจากพวกเราเองก็เข้าไปเช่นกัน ไปใกล้อีกเล็กน้อย”
“ไม่ใช่แค่พวกเราที่ได้รับผลกระทบ” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “สำหรับจอมปีศาจเหล่านั้น ก็เป็นปัญญาที่คล้ายกัน”
เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า สายตามองความว่างเปล่าห่างไป “พวกเขาเคลื่อนไหวแล้ว”
คนทั้งสองสายตาทะลุความว่าเปล่า เหมือนกับข้ามสถานที่ห่างไกลมากมาย ไปถึงจุดที่สายตายยากจะไปถึง ทว่าในห้วงสมองปรากฏภาพภาพหนึ่ง
ปราณปีศาจที่ดุร้ายน่ากลัวหลายสายกลายเป็นลมปีศาจมืดทะมึน เข้าใกล้วังวนดาราจากอีกทิศทาง จากนั้นก็ค่อยๆ เข้าไปด้านใน
วังวนดาราเหมือนกับมหาสมุทรไพศาลไร้สิ้นสุด ขณะที่รองรับการเข้ามาด้านในของลมปีศาจ ยังคงขยายออกไปด้านนอกอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับคลื่นทะเล กลืนความว่างเปล่าผืนแล้วผืนเล่าหายไป
แสงดาวเป็นจุดๆ ทะลักไปด้านหน้าไม่หยุด ถึงขั้นที่เริ่มเข้าใกล้พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่เดิมทีคอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ มาถึงด้านหน้าพวกเขา
“ผิดปกติอยู่บ้าง” เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ มองซ้ายแลขวา ที่เห็นล้วนเป็นฝุ่นแสงเป็นจุดๆ หนำซ้ำพื้นที่ครอบคลุมยังขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อเป็นเช่นนี้ อย่าว่าแต่การค้นหาด้านในวังวนดาราไม่งายดายขนาดนั้น คิดจะสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆ วังวนดาราเหมือนก่อนหน้า ความยากเพิ่มขึ้นในระดับใหญ่หลวง
พื้นที่ครอบคลุมของวังวนดารากว้างใหญ่เกินไปแล้ว
ปัจจุบันเฟิงอวิ๋นเซิงอยู่ในระดับมหาชาล สำหรับนางมิติเวลาไม่ใช่อุปสรรคอีกต่อไป แต่ว่าอาณาบริเวณรอบๆ ได้รับผลกระทบจากวังวนดารา รบกวนความพิสดารของนางในระดับหนึ่ง
ในสถานการณ์นี้ ถ้าหากว่ามียอดฝีมือที่เป็นมหาชาลเหมือนนางตั้งใจซ่อนร่องรอย เข้าใกล้วังวนดาราจากทิศทางอื่น เข้าไปในวังวนดารา นางก็ยากจะค้นพบ
แน่นอนว่าในทางกลับกัน ปัจจุบันคนอื่นก็ยากจะพบพวกเยี่ยนจ้าวเกอกว่าเดิมเช่นกัน
“ไม่รู้ว่านักบวชศาสนาพุทธที่เข้าไปในวังวนดารา จะอาศัยประโยชน์นี้เปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นชัยภูมิของพวกเขาหรือไม่? แบบนั้นภายนอกมีคนเข้าไป พวกเขาอาจจะสัมผัสได้” เฟิงอวิ๋นเซิงว่า
“ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างใคร่ครวญ “ที่นี่เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของแดนอภิรดีศูนย์กลาง หลังจากแดนอภิรดีศูนย์กลางเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เทียบกับยอดฝีมือศาสนาพุทธส่วนหนึ่งที่ออกไปเข้ากับแดนสุขาวดีตะวันตก ยากรับประกันว่าปัจจุบันพวกเขาไม่อาจใช้ประโยชน์”
สองคนทางหนึ่งสนทนา ทางหนึ่งถอยหลังเล็กน้อย ไม่ได้เข้าไปในวังวนดาราในทันที
เวลานี้จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ก็รุดมาแล้ว
เกาหานแม้มาไม่ถึง แต่ว่าจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ก็ได้รายงานจากเขาแล้ว “สหายร่วมเส้นทางข่งซวนสมควรได้รับข่าวแล้ว เพียงแต่ไม่อาจยืนยันว่าเขาจะออกจากแดนสุขาวดีตะวันตกหรือไม่”
“น่าจะมาถึงแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอมองวังวนดารา “แต่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าเปลี่ยนแปลงหลายครั้งไม่หยุดยั้ง น่ากลัวว่าจะไม่เป็นไปตามที่พวกเราหวัง”
“มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ต้องดูสหายร่วมเส้นทางแต่ละฝ่ายทางเผ่าปีศาจ หยั่งเชิงก่อนพวกเรา” จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กล่าวอย่างราบเรียบ
เสียงยังไม่ทันขาด วังวนดาราตรงหน้าเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง
จุดแสงเล็กๆ ที่เล็กละเอียดขมุกขมัว เหมือนกับเม็ดข้าวโพดเหลือคณานับ ผนึกรวมอย่างฉับพลัน กอปรเป็นม่านแสงที่โปร่งแสงหลายส่วน
บนม่านแสงขนาดมหึมาแห่งนั้น ถึงกับมีซากโบราณสถานมากมาย เหมือนกับชีวิตบังเกิดพลังชีวิตขึ้นมา ใช้เงาลวงค่อยๆ แสดงลักษณะในอดีต
เห็นเจดีย์พุทธมากมายตั้งขึ้นใหม่ น่าเกรงขามยิ่งใหญ่ บนยอดเจดีย์ สารีริกธาตุของวิเศษพุทธหลายชิ้นส่องประกายเจิดจ้า กระจายทั่วจักรวาล
กลางกลุ่มเจดีย์เห็นแสงสีทองสายหนึ่งซ่อนแฝงไม่เปิดเผยได้อย่างเลือนราง
พวกเยี่ยนจ้าวเกอตาคมกริบ สัมผัสจิตที่ซ่อนแฝงในแสงพุทธสีทองอร่าม ดูหนักอึ้งนั้น ต่างก็เข้าใจ “เป็นสารีริกธาตุศากยมุณีจริงๆ”
ด้านเฟิงอวิ๋นเซิงมีความมืดหลายชั้นแผ่ออก กลืนฟ้ากินตะวัน ดับแสงสว่าง ปกคลุมตัวเอง
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋แตกฉานวิชาสายฟ้ามากมาย เวลานี้ใช้สายฟ้าอนัตตากับสายฟ้าอนธการพร้อมกัน กลายเป็นโลกที่มืดมิดโดยสิ้นเชิงใบหนึ่ง มีความน่าอัศจรรคล้ายกับความมืดคุ้มกายของเฟิงอวิ๋นเซิง
เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุสายฟ้าอนัตตากับสายฟ้าอนธการเช่นกัน แต่ปัจจุบันอย่างไรพลังฝึกปรือเขายังไม่ถึงมหาชาล ต้องการให้เกิดผลอย่าง จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ยังจำเป็นต้องประสานกับวิชาอื่นๆ
ความลี้ลับของคัมภีร์เกิดนภาและหมัดแปลงกำเนิดแสดงเป็นประจักษ์ออกมาในวินาทีนี้ ถึงขั้นมีคัมภีร์กระบี่ลงทัณฑ์เซียนฟันลมปราณของตัวเอง วรยุทธ์มากมายไม่แสดงความปั่นป่วน ไม่เกิดความขัดแย้ง กลับหลอมรวมเป็นหนึ่ง แสดงความน่าอัศจรรย์ร่วมกัน
แต่ว่าแสงเขียวมรกตกะพริบในสองตาของเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะค่อยๆ ผนึกตัวอย่างฉับพลัน
เขามองจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋เหมือนนึกอะไรได้ สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตัวเองซ่อนอยู่ในความมืด
ขณะที่พวกเขาสามคนถอยหลังพยายามซ่อนเร้นร่องรอยของตัวเองอย่างเต็มที่ ทำให้ป่าเจดีย์สารีริกธาตุที่เปล่งแสงเจิดจ้าตรงหน้ายากจะสัมผัสได้
แต่ว่าพวกเผ่าปีศาจที่ก่อนหน้านี้เข้าไปในกลุ่มเจดีย์แล้ว ยามนี้ไม่อาจซ่อนร่าง พากันเผยตัวใต้การส่องแสงสว่างของสารีริกธาตุมากมายบนยอดป่าเจดีย์
จอมปีศาจหลายตนปรากฏตัวขึ้น ไม่สับสนลนลาน เพียงคำรามพร้อมกัน เสียงคำรามกลายเป็นระลอกคลื่นที่เหมือนกับสสาร ขยายไปรอบๆกวาดทำลายเจดีย์พุทธมากมายรอบๆ แทบจะในพริบตาเหมือนกับไต้ฝุ่น
พวกวัชรอภิณฑ์พุทธะก็ปรากฏตัวขึ้น เปล่งเสียงสรรเสริญคุณ
แสงทองที่ฝังกลบใต้ป่าเจดีย์เริ่มค่อยๆ ลอยขึ้น
ในกลุ่มปีศาจ สิงโตเขียวตัวหนึ่ง วัวขาวตัวหนึ่ง หนึ่งร้องคำราม หนึ่งครางต่ำ ทำลาแสงสว่างเครื่องเคลือบหลายสาย เคลื่อนที่ไปด้านหน้า
ฝ่ายแรกเป็นเซียนหัวมังกร ายหลังเป็นราชาปีศาจวัวมหาเทวะสยบฟ้า
ประสบการณ์ที่เคยอยู่ในศาสนาพุทธ กลับทำให้พวกเขาในตอนนี้เคลื่อนไหวอยู่กลางป่าเจดีย์เร็วกว่าจอมปีศาจตนอื่น
ทว่าวัชรอภิณฑ์พุทธะไม่ลนลานว้าวุ่น ยกมือขึ้นโยนธงเล็กคันหนึ่งออกมา
ธงปกป้องท่านกับสารีริกธาตุศากยมุณี พริบตาเดียวเห็นเพียงปราณขาวลอยกลางอากาศ แสงทองหมื่นสาย
เซียนหัวมังกรกับราชาปีศาจกระทิ้งชะงักเท้า ร้องเป็นเสียงเดียวกัน “ธงวิเศษบัวเขียว”
แทบเป็นเวลาเดียวกัน อากาศสั่นไหว แสงสีแดง ขาว เขียว เหลือง ดำไหลเวียน ประคองพุทธะที่ทั่วร่างบริสุทธิ์ดุจเครื่องเคลือบมาถึงที่นี่
ถึงกับเป็นมหาวิทยราชมยุรี!
มหาวิทยราชมยุรีมองสารีริกธาตุศากยมุณีด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จากนั้นสายตาอยู่บนธงวิเศษบัวเขียวกับวัชรอภิณฑ์พุทธะ
เหล่าจอมปีศาจ ยังมีพวกเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่รอบๆ ความสนใจอยู่ที่อีกด้าน
ณ ที่แห่งนั้น ร่างของสมันตภัทรโพธิสัตว์ ติดตามมาพร้อมกับมหาวิทยราชมยุรี
………………..