ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1659 กระบี่ทำลายล้างไร้ขอบเขต
เนี่ยจิงเสินจากไป เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ่นเซิงไล่ตามเขาออกไป
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ก็ไม่รั้งอยู่นาน ถอนตัวถอยออกจากสนามรบทันที
ถึงธงวิเศษบัวเขียวจะแปดเปื้อนเพราะน้ำทะเลในเหวทะเลมารแห่งนพยมโลก แต่ของวิเศษชิ้นนี้ยังคงเป็นที่ต้องการของผู้คน ขณะนี้ถูกเยี่ยนจ้าวเกอนำไป ไม่ว่าจะเป็นนักบวชศาสนาพุทธหรือว่ามหาเทวะเผ่าปีศาจ ต่างก็ไม่หยินยอมพร้อมใจ
แต่ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันปั่นป่วนเกินไป ขุมกำลังแต่ละฝ่ายเป็นฟันสุนัขเกี่ยวกัน[1]
ด้วยจิตใจมีความกริ่งเกรง สุดท้ายผลคือต่างฝ่ายต่างแยกย้าย
เหล่ามารแห่งนพยมโลพากันไล่ตามพวกเนียจิงเสินกับเยี่ยนจ้าวเกอ
เนี่ยจิงเสินที่จากไปก่อน บินทะยานตลอดทาง พวกเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงไล่ตามติดๆ อยู่ด้านหลัง
“ศิษย์พี่เนี่ย!” เยีย่นจ้าวเกอตะโกนขึนอีก
เนี่ยจิงเสินไม่สนใจ เอาแต่มุ่งหน้าอย่างเดียว
เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว เพียงถอนใจคำหนึ่ง “ล่วงเกินแล้ว”
ว่าแล้ว เขาก็เซ่นลูกตุ้มโกลาหล ฟาดใส่ด้านหลังเนี่ยจิงเสิน
เนียจิงเสินในที่สุดก็หยุดฝีเท้า หันกลับมาออกหนึ่งกระบี่ ประกายกระบี่หุบ กำลังจะดูดลูกตุ้มโกลาหลไป
“ศิษย์พี่เนี่ย ล่วงเกินแล้ว” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวคำล่วงเกินเหมือนกัน ฟันดาบลงด้านล่าง
ประกายกระบี่สีทองหม่นถูกประกายดาบสีดำสนิทฟันขาด ลูกตุ้มโกลาหลเป็นอิสระ แต่ว่าไม่มีสภาวะฟาดลงเหมือนก่อนหน้า
“สหายร่วมเส้นทางสองท่านไฉนต้องเกรงใจถึงขนาดนี้” เนี่ยจิงเสินสีหน้าราบเรียบ ประกายกระบี่สีทองหม่นกระจายแล้วรวมตัว ฟันไปยังเฟิงอวิ๋นเซิงอีกหนึ่งกระบี่!
วิถีมารทำลายสรรพวัตถุทุกชีวิตตั้งแต่ก่อนกำเนิด ชักนำธรรมชาติมุ่งสู่ความพินาศ
ดังนั้นหลังจากเนี่ยจิงเสินเข้าสู่วิถีมาร เขาบรรลุจิตกระบี่ของจิตไร้ประมาณ เริ่มเอนเอียงไปทางการทำลายล้าง บดขยี้วิถีมรรคา กระบี่ไร้ขอบเขตหยกพิสุทธิ์กลายเป็นกระบี่ทำลายล้างไร้สิ้นสุด คล้ายคลึงกับโกลาหลสูญและเหวลึกโกลาหลสูญของเฟิงอวิ๋นเซิง
เพียงแต่วิชาทำลายล้างทั้งสม ยังคงมีความลี้ลับแตกต่างกัน
ประกายกระบี่ของเนี่ยจิงเสินปะทะอย่างตรงไปตรงมากับประกายดาบของเฟิงอวิ๋นเซิง ผลลัพธ์ยังคงเป็นการโจมตีเข่นฆ่าด้วยประกายดาบของเฟิงอวิ๋นเซิงร้ายกาจกว่า ประกายดาบฟันประกายกระบี่หัก
ทว่าขณะประกายกระบี่ของเนี่ยจิงเสินรวมกระจายเปลี่ยนแปลง ยังเร็วกว่าประกายดาบของเฟิงอวิ๋นเซิง บรรลุถึงตรงหน้าเฟิงอวิ๋นเซิงในชั่วพริบตา
เหวลึกโกลาหลบนศีรษะของเฟิงอวิ๋นเซิงพุ่งลง ชักนำประกายกระบี่ของเนี่ยจิงเสินเข้ามา
เนี่ยจิงเสินเปลี่ยนแปลงประกายกระบี่ก่อนก้าวหนึ่ง ขณะหุบกาง ก็ไม่ชะงักเพราะเหวลึกโกลาหล โ๗มตีใส่เฟิงอวิ๋นเซิงต่อ
สองฝ่ายดาบมากระบี่ไป สู้กันเป็นพัลวัน ผู้ใดก็ไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้ชั่วขณะ
เยี่ยนจ้าวเกอเก็บลูกตุ้มโกลาหล มองเนี่ยจิงเสินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ด้านหลังจอมมารตนอื่นๆ รุดมาถึงแล้ว
ขณะเดียวกัน ความว่างเปล่าในอาณาบริเวณแห่งนี้เปิดเป็นร่องแยก ปราณมารซัดสาดทะลักออกมาจากด้านใน ยอดฝีมือวิถีมารจำนวนมากกว่าเดิมปรากฏกาย
พวกมันเหมือนกับไม่ใช่มาเพื่อรับตัวพวกเนี่ยจิงเสินเพียงอย่างเดียว กลับกระจายตัว สร้างสภาวะห้อมล้อมเรือนลางต่อเยียนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิง
เงาร่างเหมือนมนุษย์ชราผู้หนึ่งโผล่ขึ้นมาท้ายสุด เป็นมารจิตแรกเริ่มนั่นเอง
ในความเป็นจริง นพยมโลกไม่เคยละทิ้งความคิดที่จะนำเฟิงอวิ๋นเซิงกลับไป
กระนั้นความว่างเปล่าอีกด้านหนึ่งสั่นไหว เห็นร่างของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ได้อย่างลางเรือน นอกจากนี้แล้วเหมือนยังมีนางเซียนอวิ๋นเซียวบัดเดี๋ยวสูญหายบัดเดี๋ยวปรากฏ
การสนับสนุนจากสำนักเต๋าสายหลักก็หนุนเนื่องมาถึงแล้วเช่นกัน
สองฝ่ายมียอดฝีมือโผล่มา จำนวนคนมากมาย คุมเชิงกันและกัน ใครก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ชั่วขณะ
ไม่ว่าเหล่ามารจากนพยมโลก หรือคนในสำนักเต๋า ต่างมิได้มีความคิดเปิดสงครามโดยสมบูรณ์ในทันที
แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจอาจจะโผล่มาสอดมือได้ตลอดเวลา
ผลลัพธ์สุดท้ายได้แต่เลิกราเช่นนี้
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า พูดกับเนี่ยจิงเสิน “ศิษย์พี่อวี่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต แต่ยังไม่ฟื้น”
เฟิงอวิ๋นเซิงเก็บดาบถอยหลัง เนี่ยจิงเสินสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน ปล่อยประกายกระบี่สีทองหม่นในมือ “ทุกอย่างล้วนกลับคืนสู่ความไม่มี ไม่ว่าเจ้า ข้า นาง”
ปราณมารบนร่างแผ่พุ่ง กัดกินความว่างเปล่า กลายเป็นเขตมารผืนหนึ่ง
จุดที่คนของสำนักเต๋ายืน กั้นปราณมารโดยอัตโนมัติ อาณาบริเวณแห่งนี้กลายเป็นโลกสองใบ คุมเชิงกันเงียบๆ
เหล่ามารหายไปพร้อมเขตมาร พวกเยี่ยนจ้าวเกอใช้สายตาส่งอีกฝ่ายจากไป เงียบงันไม่พูดอะไรเนิ่นนาน
“สหายน้อยเยี่ยน จงสงบใจ” เนิ่นนานให้หลัง จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋เอ่ยปาก
สายตาของนางเซียนอวิ๋นเซียวอยู่บนร่างเยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอละสายตา ส่ายหน้าเบาๆ “ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋กับเจ้าแม่อวิ๋นเซียวไม่ต้องห่วง ข้าผู้แซ่เยี่ยนไม่เป็นไร”
“เหตุการณ์ในวันนี้ มีการคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่าพอบังเกิดขึ้นตรงหน้าจริงๆ ยากจะไม่สลดใจ แต่ไม่ส่งผลต่อการแยกแยะของข้า” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจเบาๆ
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋พูดอย่างแช่มช้า “ในอดีตศิษย์น้องหวงหลงเดินทางผิด เข้าสู่วิถีมาร เป็นพวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องช่วยเขาตัดขาด”
ที่เขากล่าวถึง เป็นตำนานเรื่องหนึ่งก่อนมหาภัยพิบัติ ถึงขั้นเรรียกได้ว่าเป็นข่าวฉาวโฉ่สำหรับสายหยกพิสุทธิ์สำนักเต๋า
หลังยุคโบราณตอนกลางจบลง เข้าสุ่ยุคปัจจุบัน ผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์สยหลัก หวงหลงจินหยินหนึ่งในสิบสองเซียนหยกพิสุทธิ์ได้เข้าสู่วิถีมาร สวามิภักดิ์กับนพยมโลก กลายร่างเป็นเทพมารมังกรเหลือง
ต่อมาสร้างความขัดแย้งระหว่างสำนักเต๋ากับนพยมโลก เป็นภัยร้ายมานานปี
สุดท้ายจบลงเพราะพวกจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ เทวกษัตริย์กว่างเฉิงซึ่งเป็นผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์เหมือนกับเทพมารมังกรเหลืองชำระสำนัก
เพทภัยครั้งนั้นส่งผลกว้างขวาง ไม่เพียงแต่เทพมารมังกรเหลืองดับสูญ อวิ๋นจงจื่อผู้ยิ่งใหญ่หยกพิสุทธิ์ที่การฝึกฝนคัมภีร์เกิดนภาเป็นอันดับหนึ่ง ก็ตกตายด้วยน้ำมือของมารจิตแรกเริ่ม
มารจิตแรกเริ่มได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ไม่อาจไม่กบดานในนพยมโลกหลายปี จนกระทั่งมหาภัยพิบัติค่อยมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง จนกระทั่งไม่กี่ร้อยปีมานี้ อาการบาดเจ็บของมันยังไม่ทุเลาหายดี
วิญญาณมารเมล็ดเพลิงที่ถูกเก็บไว้ในตะเกียงเคลือบหยกมายาในวังหยก ก็เป็นมารไฟปิ่งรุ่นก่อนถูกผู้ยิ่งใหญ่หยกพิสุทธิ์กำจัดทิ้ง ได้รับมาโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงเก็บไว้ในตะเกียงเมื่อครั้งสงคราม ณ เวลานั้น
ประวัติศาสตร์ท่อนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ยินมา ตอนนี้ได้ฟังจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋พูดถึง เขาพ่นลมหายใจออกยาวๆ “ใต้เท้าอายุวัฒนาหนานจี๋ไม่ต้องห่วง ข้ามีแผนการในใจแล้ว”
“เช่นนี้ก็ดี” จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ว่า “สถานการณ์ในปัจจุบัน แตกต่างจากเวลานั้น ถึงนพยมโลกจะเป็นศัตรูของทุกชีวิต แต่คิดเล่นงานพวกมัน ยังต้องค่อยๆ วางแผน”
ยังมิพักเอ่ยถึงแดนสุขาวดีบัวขาวกับโถงเซียนที่สู้กันไม่อาจแยก อย่างน้อยต้องคิดถึงแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจด้วย
“พวกเรารีบออกไปเถอะ ธงวิเศษบัวเขียวอยู่ในมือไม่อาจแสดงผลได้ชั่วคราว ช้าไปกลัวว่าจะเกิดเหตุเปลี่ยนแปลง” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าอย่างเงียบงัน
คนอื่นๆ มีความเห็นเหมือนกัน ร่างของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับนางเซียนอวิ๋นเซียนค่อยๆ หายไปในความว่างเปล่า
พ่านพ่านที่กลับร่างเดิมตอนนี้หมอบอยู่ในอ้อมอกของเฟิงอวิ๋นเซิง เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าให้เฟิงอวิ๋นเซิง สองคนจากไปพร้อมกัน
“จ้าวเกอ…” เฟิงอวิ๋นเซิงดวงตาฉายแววกังวล มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ต้องดูหลังจากนี้”
เขานวดขมับของตัวเองเบาๆ ยิ้มอย่างฝืนทำอยู่บ้าง “ด้วยขีดความสามารถพลังฝึกปรือในปัจจุบันของศิษย์พี่เนี่ยน คนที่มีความมั่นใจว่าส่งเขาสู่การดับสูญได้แน่ ก็มีอยู่จำกัดยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีพื้นที่ในการพัฒนาอย่างมหาศาลเหมือนเจ้า กับผู้อาวุโสสั่ว…”
ดวงตาที่เฟิงอวิ๋นเซิงมองไปยังเขา กลับเป็นห่วงยิ่งกว่าเดิม
“ไม่ต้องห่วงข้า ข้าไม่เป็นไร” เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าฉายแววครุ่นคิด “ตอนนี้ข้าคิดถึงคำพูดที่ศิษย์พี่เนี่ยพูดขึ้นเมื่อก่อนหน้านี้”
………………..
[1] ฟันสุนัขเกี่ยวกัน เปรียบเปรยว่า สถานการณ์ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนฟันสุนัขที่เกี่ยวกันอยู่ คอยจ้องกันตาเป็นมัน