ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1661 บรรเลงเพลงทุกราตรี
“ถูกต้อง ความหวัง ยังมีความเชื่อม” เฟิงอวิ๋นเซิงกระซิบเบาๆ
เยี่ยนจ้าวเกอปลุกปลอบจิตใจ “เตรียมตัวเองให้พร้อม ค่อยพูดถึงอย่างอื่น”
เขาพูดพลางหยิบธงคัหนึ่งออกมา
ผืนธงเป็นสีเขียว ด้านบนปักดอกบัวสิบสองชั้นหนึ่งดอก พัดกระพือต้านลม
เป็นธงวิเสาบัวเขียว ของล้ำค่าด้านการป้องกันที่เดิมเป็นของแดนสุขาวดีตะวันตก ที่แล้วมาได้รับการขนานนามเทียบเท่ากับธงเหลืองโบวกี้ ธงแดนเมฆสีม่วง และธงแสงดินทักษิณ พลังป้องกันแข็งแกร่ง แม้แต่แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของมหาวิทยราชมยุรีก็ยังกันได้
เพียงแต่ว่าสรรพวัตถุในฟ้าดินล้วนมีเกิดมีดับ มีคำกล่าวทั่วไปบรรยายไว้อย่างดีว่า วัตถุหนึ่งปราบวัตถุหนึ่ง วันนี้ธงวิเศษบัวเขียวเจอดาวข่ม พบภัยพิบัติแล้ว
ลักษณะของธงมองไปเหมือนไร้อุปสรรคใหญ่ แต่กลับแปดเปื้อนน้ำทะเลจากหุบเหวทะเลมารแห่งนพยมโลก ตอนนี้เหมือนธงดาษๆ คันหนึ่ง ไม่อาจแสดงความน่าอัศจรรย์มากมายได้
“ของล้ำค่าเช่นนี้ เป็นของวิเศษที่เจ้าของเดิมคืออามิตาภพุทธเจ้ากระมัง? พวกวัชรอภิณฑ์พุทธะสมควรเพียงยืมชั่วคราว” เฟิงอวิ๋นเซิงถามขึ้นด้านข้าง “ถึงจะแปดเปื้อนน้ำทะเลจากทะเลมารแห่งนพยมโลก แต่อามิตาภพุทธเจ้าถ้าหากต้องการเก็บกลับ เกรงว่าแค่นึกถึงก็พอกระมัง?”
สิ่งของของเจ้ามรรคา ไหนเลยแย่งมาง่ายปานนั้น?
“ก่อนหน้นี้เป็นเช่นนี้มิผิด” เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย “แต่ข้าเคยได้ยินพี่ร่วมเส้นทางหยางเจีย่นพูดถึงว่า ก่อนหน้านี้ธงวิเศษบัวเขียวคันนี้ถูกอามิตาภพุทธเจ้าประทานให้แก่พระโพธิสัตว์กวนอิมแล้ว ไม่ใช่ยืมใช้ชั่วคราว”
“พระโพธิสัตว์กวนอิมหลอมเปลี่ยนของวิเศษพุทธชิ้นนี้ ตอนนี้นับว่าเป็นเจ้าของที่แท้จริงของมันแล้ว”
เฟิงอวิ๋นเซิงได้ยินก็กระจ่างแจ้ง “ที่แท้เป็นเช่นนี้ มิน่าเล่า”
ในสงครามช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเมื่อครั้งกระโน้น ความจริงเป็นทีปังกรพุทธะยืมธงวิเศษบัวเขียวมาจากในมือพระโพธิสัตว์กวนอิม
ปัจจุบันครั้งนี้ เป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมมอบให้วัชรอภิณฑ์พุทธะในที่ลับ ตัวท่านออกจากแดนสุขาวดีตะวันตกเป็นกลุ่มแรก เพื่อดึงดูดความสนใจ เพียงแต่ไม่บรรลุผลลัพธ์ที่คาดไว้เท่านั้น
ผลคือธงวิเศษบัวเขียวแปดเปื้อนน้ำทะเลจากหุบเหวทะเลมารแห่งนพยมโลก พระโพธิสัตว์กวนอิมไม่ทันได้เก็บกลับ สุดท้ายตกอยู่ในมือพวกเยี่ยนจ้าวเกอ
ท่านกลับไม่มีความสามารถอย่างผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาเช่นอามิตาภพุทธเจ้า จะเก็บของวิเศษของตัวเองกลับไปได้
แต่ตอนนี้เยียนจ้าวเกอได้ธงวิเศษบัวเขียวมาแล้ว กำลังพิจารณาอยู่ว่า จะกกำจัดความสกปรกบนธงอย่างไรดี
ไม่อย่างนั้นของวิเศษที่ชิงมา จะเป็นขยะโดยสมบูรณ์ ไม่มีประโยชน์สักอย่างเดียว
“พูดถึงการชำระล้างความสกปรกบนธงนี้ คนที่เชี่ยวชาญที่สุด ต้องนับพระโพธิสัตว์กวนอิมเป็นอันดับแรก” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “น้ำทิพย์โปรยปรายนั้นชำระความสกปรกโดยกำเนิด กล่าวได้ว่าหมดจดจริงๆ”
ในตอนต่อสู้กันเมื่อก่อนหน้า วาจาของจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี่กลับไม่ใช่การหยอกล้อพระโพธิสัตว์กวนอิมทั้งหมด
แน่นอนว่าพระโพธิสัตว์กวนอิมจะต้องไม่ตอบรับ ดังนั้นสุดท้ายการหยอกล้อก็ยังเป็นแค่การหยอกล้อ
“ถูกต้อง วัตถุหนึ่งปราบวัตถุหนึ่ง น้ำทะเลในหุบเหวทะเลมารแห่งนพยมโลกทำให้ธงวิเศษบัวเขียวแปดเปื้อน กลับมีน้ำทิพย์โปรยปรายของพระโพธิสัตว์กวนอิมชำระล้างความสกปรกนั้นได้” เฟิงอวิ๋นเซิงว่า “กระนั้นพวกเราคิดหาวิธีอื่นดีกว่า”
ชิงของวิเศษของคนอื่นมา ยังต้องการให้คนอื่นนำวัตถุมาล้าง นี่ออกจากโอหังเกินไปแล้ว
พอคิดแบบนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงพลันเหลือบมองเยี่ยนจ้าวเกอ
นางรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า ด้วยระดับความไร้จริยธรรมของเยี่ยนจ้าวเกอ ถ้ามีความมั่นใจ เกรงว่าจะทำเรื่องราวอย่างนี้ได้จริงๆ
พอสัมผัสได้ถึงสายตาของนาง เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้ทันทีว่าเฟิงอวิ๋นเซิงคิดอะไรอยู่ อดแสดงสีหน้ได้รับความเจ็บปวดไม่ได้ “เจ้าไปถึงไหนแล้ว?”
เฟิงอวิ๋นเซิงช้อนตามองฟ้า “ท่านไม่ใช่คิดออกแล้วหรอกหรือ?”
“เจ้ามีความเข้าใจผิดอย่างล้ำลึกต่อการดำรงอยู่ของข้า” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างขึงขัง “ข้าคิดว่าพวกเราสองคนสมควรแลกเปลี่ยนกันอย่างเปิดอก ไร้การปิดบัง ซื่อสัตย์จริงจัง ลงลึก และลงลึกกว่าเดิม ลงลึกไปอีกสักหน่อย”
เฟิงอวิ๋นเซิงเหลือบมองเขา “ก็ได้ มาเลยซี่”
“ไม่ต้องรีบ หลังจากข้าผนึกบุปผาปราณได้ ก็ทำได้แล้ว ไม่ต้องรอข้าขึ้นมหาชาล” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเหะๆ
“วิธีการโบยตีตัวเองของท่านผิดปกติจริงๆ หากคนอื่นได้ยิน ภาพลักษณ์ท่านพินาศแน่” เฟิงอวิ๋นเซิงกลอกตา หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
“คนอื่นไม่เห็นท่าทางในตอนนี้ของข้าหรอก” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ส่วนเจ้า ดรุณีน้อย อีกเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้ว่าอะไรหมายถึงการกระทำเหนือกว่าคำพูด ยัยลูกเจี๊ยบ”
เขาจงใจเน้นเสียงคำสองคำสุดท้าย
เฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง พูดอย่างราบเรียบ “ข้าไม่เคยใช้มาก่อนจริงๆ แต่ครั้งก่อนท่านใช้ของท่าน นานขนาดไหนแล้ว? ลืมไปแล้วกระมังว่าใช้อย่างไร?”
“ยังเป็นเพราะเจ้า” พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าเยี่ยนจ้าวเกอพลันคับข้อง “รู้ว่าจะมีวันนี้ คงจัดการเจ้าไปนานแล้ว”
“ขอบคุณท่านสามีที่ตอนนั้นเมตตาสงสาร” เฟิงอวิ๋นเซิงพูดพลางหัวเราะ
“ไม่ช้าก็เร็วต้องทวงกลับมาทั้งหมด” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างหมั่นเขี้ยว แต่ไม่ทันไรก็อดหัวเราะไม่ได้ “นี่ อยู่ๆ ก็นึกได้ ชื่อของพวกเราสองคน ถึงเวลาคงสอดรับสภาพจริงๆ”
เฟิงอวิ๋นเซิงงุนงง “อย่างไร?”
“เหะๆ…” เยี่ยนจ้าวเกอเหลือบมองนางอย่างชั่วร้ายพร้อมกับหัวเราะ “บรรเลงเพลงทุกราตรี![1]”
“…” เฟิงอวิ๋นเซิงมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยใบหน้าหมดคำพูด “…ข้าอยากเปลี่ยนกลับเป็นชื่อเดิมแล้ว”
สามีภรรยาางหนึ่งหยอกล้อต่อกระซิง ทางหนึ่งไม่ลืมเรื่องสำคัญ
คนทั้งสองพาพ่านพ่าน กลับสวรรค์สำนักเต๋าพร้อมกับธงวิเศษบัวเขียวที่แปดเปื้อน
พวกเขาไม่ได้กลับสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจียในทันที แต่ไปยังสวรรค์ไท่อันหวงหยา
นั่นเป็นจักรวาลที่สั่วหมิงจาง เทวกษัตริย์ตัดนภาในปัจจุบันใช้มุกค้ำทะเลชิ้นหนึ่งสร้างขึ้น
เทวกษัตริย์ตัดนภา เป็นฉายาของสั่วหมิงจางในปัจจุบัน เรียกเต็มๆ ว่า เทวกษัตริย์สูงส่งไพศาลจู้หรง[2]ผู้ย้อนกำเนิดกลางเวหา หรือเทวกษัตริย์จู้หลง เทวกษัตริย์พลิกนภา
คำว่า ‘กลางเวหา’ ที่เพิ่มไว้หน้าสุดของฉายา เป็นสัญลักษณ์ของผู้ปกครองดวงดาวแห่งสำนักเต๋า
เหมือนเจ้าแม่จินหลิงผู้ปกครองกลุ่มดาวแห่งวังเทพในอดีต ฉายาเต็มๆ เรียกว่า เทวกษัตริย์อริยเจ้าสัจธรรมหลังปฐมสสารกำเนิดผู้มีเมตตาและปัญญาเรืองรองด้วยประกายม่วงเจ้าแม่แห่งดวงดาวกอปรด้วยพลังงานสงบนิ่งกลางเวหา’ จักรพรรดิจื่อเวยที่รับตำแหน่งต่อจากนาง มีชื่อเต็มๆ ว่าจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว
หลังมหาภัยพิบัติ จักรพรรดิจื่อเวยข่าวคราวหายไป ไม่ทราบที่อยู่มาโดยตลอด
ตามข่าวสารที่รวบรวมไว้ในปัจจุบัน ถ้าจักรพรรดิจื่อเวยไม่ใช่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ก็คงพิทักษ์ธรรมถวายเป็นมงคลให้แก่สำนักเต๋าในตอนที่เผชิญกับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณ ณ ตอนนั้นแล้ว
ดังนั้นตอนมีคนเสนอให้เติมคำว่า ‘กลางเวหา’ ไว้ด้านห้าสุดของฉายาสั่วหมิงจาง ผู้ยิ่งใหญ่สำนักเต๋าคอนื่นๆ ไม่มีความคิดไม่เห็นด้วย
ขีดความสามารถของสั่วหมิงจางรับฉายานี้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
วรยุทธ์ที่เขาร่ำเรียน คือพลังแห่งเพลิงอาทิตย์อัคคีสวรรค์ดวงดาว ศึกษรการเปลี่ยนแปลงของหมู่ดาว ไปจนถึงหลักการของสรรพวัตถุ ทั้งยังยกระดับขึ้นอีกครั้ง ฝึกฝนคัมภีร์นภาแรกเริ่มย้อนกลับ หลอมรวมยอดวรยุทธ์มากมาย สุดท้ายกลายเป็นลักษณะอีกแบบ ได้วิชาคัมภีร์ตัดนภามา
ในตอนชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียน สั่วหมิงจางได้มุกค้ำทะเลมาชิ้นหนึ่งเช่นกัน และสร้างสวรรค์ไท่อันหวงหยา หนึ่งในหกสวรรค์ของสำนักเต๋าในวันนี้ เป็นนิวาสสถานที่บำเพ็ญส่วนตัว
เพียงแต่ว่าแตกต่างจากยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ของสำนักเต๋า สั่วหมิงจางมักเร้นกายอยู่ในสวรรค์ไท่อันหวงหยาไม่ออกไปไหน ปรากฏตัวน้อยครั้ง
ตอนนี้พวกเยี่ยนจ้าวเกอจะไปหาความช่วยเหลือจากสั่วหมิงจาง
การชำระล้างความสกปรก น้ำเป็นวิถีหนึ่ง ไฟก็ใช่เช่นกัน
………………..
[1] บรรเลงเพลงทุกราตรี เยี่ยนจ้าวเกอเปรียบเปรยว่า คำว่า เกอ ในชื่อเยี่ยนจ้าวเกอหมายถึงบทเพลง ส่วนคำว่า เซิง ในชื่อเฟิงอวิ๋นเซิง หมายถึง บรรเลง
[2] จู้หรง หมายถึง เทพแห่งไฟ