ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1662 เบาะแสของหยกหยุดวิญญาณ
สั่วหมิงจางถึงแม้ว่าจะสร้างสวรรค์ไท่อันหวงหยาเป็นนิวาสสถานที่บำเพ็ญ แต่ก็ไม่ได้เปิดสำนักรับศิษย์ แตกกิ่งก้านสาขาเหมือนกับจักรพรรดิโกวเฉิน นางเซียนอวิ๋นเซียว เจ้าแม่อู๋ตัง ไม่มีคนธรรมดาอยู่อาศัย
ในจักรวาลที่มหึมา นอกจากดวงดาวดารดาษแล้ว มีแค่ฟ้าดินแห่งหนึ่งถูกสร้างขึ้น
ในฟ้าดินแห่งนี้ ถึงกอปรด้วยภูเขาลำธารน้ำไหล พืชพรรณดอกไม้งาม แต่ว่าไม่มีกลิ่นอายของผู้คน
ในหุบเขาแห่งหนึ่ง ต้นไม้ผมขาวที่สูงใหญ่ตั้งตระหง่าน กิ่งใบสีเขียวมรกตแผ่ขยาย ดอกสีขาวขยับเองโดยไร้ลม เหมือนกับมีเสียงกระดิ่งลมที่เหนาะหูดังขึ้นไม่หยุด
บุรุษผมสั้นผู้หนึ่งนั่งอยู่ใต้ต้นไม้
เขาเหยียดขาข้างหนึ่งมาด้านหน้า งอขาอีกข้างตั้งขึ้น หนีบไหว้ด้านหน้า
แขนของเขาพาดอยู่บนหัวเขาที่งอขึ้นอย่างสบายๆ
บุรุษพิงหลังกับลำต้นของต้นผมขาว ดูผ่อนคลายสบายอารมณ์ แต่กลับเหมือนใจกลางของโลกใบนี้ ยิ่งเหมือนใจกลางของสวรรค์ไท่อันหวงหยา
สายตาของเขามองมายังเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิง
เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพตรงหน้า เหมือนกับกลับไปยังตอนที่ได้พบสั่วหมิงจางเป็นครั้งแรก
เพียงแต่ ณ ขณะนี้ ต้นไม้ผมขาวต้นนั้นอยู่ด้านข้างเขา
ที่นี่มีแค่หนึ่งคนหนึ่งต้นอยู่อาศัย แม้แต่ทวนพระอังคารก็อาศัยอยู่ในโลกแห่งหนึ่งบนสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจีย ไม่ได้รบกวนสั่วหมิงจาง
“จ้าวเกอ อวิ๋นเวิงมาแล้ว” สั่วหมิงจางค่อยๆ ลุกขึ้น ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม
“ผู้อาวุโสสั่ว มาที่นี่เพราะมีเรื่องรบกวนให้ท่านลงมือ” เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือให้สั่วหมิงจาง หยิบธงวิเศษบัวเขียวมาก่อน
สั่วหมิงจางรับธง พิจารณาปราดหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรมากความ ในมือมีแสงไฟสว่างขึ้นทันที
แสงไฟสว่างไสวเต้นระบำบนตัวธง ธงไม่ได้รับผลกระทบ แต่ว่าบนผืนธงที่เดิมเป็นสีเขียว พลันมีร่องรอยสีดำลอยขึ้น
แสงไฟปะทะกับรอยสีดำ ถึงขั้นกระตุ้นให้ความว่างเปล่าบริเวณหนึ่งสั่นไหวเบาๆ
ทว่าภายใต้การสะกดของสั่วหมิงจาง ทุกอย่างไม่เกิดคลื่นลมมากมาย ธงมองไปเพียงเหมือนลอยล่องเบาๆ
แสงไฟสว่างอยู่ตลอด รอยสีดำเริ่มถดถอยไปอย่างช้าๆ
แม้ไม่เร็วมาก แต่ว่ากระบวนการก็คล้ายไม่อาจย้อนกลับ ไม่ว่ารอยสีดำจะขัดขืนอย่างไร ก็ได้แต่ยอมแพ้ถอยร่นอย่างต่อเนื่อง
เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงเห็นดังนั้น ต่างพยักหน้าติดต่อกัน
คนที่มีความสามารถกำจัดความสกปรกจากน้ำทะเลในหุบเหวทะเลมารแห่งนพยมโลก ใช่ว่าจะมีแค่สั่วหมิงจางคนเดียว
ทว่าท่ามกลางคนในสำนักเต๋า ณ เวลานี้ สั่วหมิงจางจัดการได้เร็วที่สุด ราบรื่นที่สุดอย่างมิต้องสงสัย
มอบธงวิเศษบัวเขียวให้แก่สั่วหมิงจาง เยี่ยนจ้าวเกอไม่ห่วงอีก เขาทางหนึ่งดูวิะการของสั่วหมิงจาง ทางหนึ่งบอกเล่ารายละเอียดเรื่องราวในครั้งนี้คร่าวๆ
สั่วหมิงจากถึงแม้จะปลีกตัวสันโดษ แต่ว่าขีดความสามารถและตำแหน่งของเขา ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือของขุมกำลังอื่นๆ หรือว่าคนในสำนักเต๋าเอง ก็ไม่อาจดูแคลน
ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่ง จะมีข่าวที่คนอื่นๆ ในสำนักเต๋ากำหนดช่วงเวลาส่งมาให้แก่เขา
เยี่ยนจ้าวเกอวันนี้ในเมื่อมาเยี่ยมเยือนสวรรค์ไท่อันหวงหยา ก็ถือโอกาสพูดคุยกับสั่วหมิงจาง
“ไท่อี้จินหยินกับมหาเทพสมุทรตรีภพยังแข็งแรง น่ายินดีจริงๆ” สั่วหมิงจางดวงตาฉาวยแววตื่นเต้นสมเชย “ชื่อของมหาเทพสมุทรตีภพเหมือนกับสายฟ้ากรอกหูมาโดยตลอด”
เขารักยุทธเป็นนิสัย ขณะตั้งใจศึกษา ก็ไม่ใช่คนปิดประตูสร้างรถ[1] ความอุดมสมบูรณ์ของประสบการณ์การสู้จริง เป็นอันดับหนึ่งอันดับสองตอนยังเป็นเก้านพเคราะห์คุนหลุนใหม่
ในระดับหนึ่งแล้ว เขาเองก็ชมชอบการต่อสู้เป็นพิเศษ
สืบเนื่องจากเซ่าจวินหวง ตอนนี้สั่วหมิงจางสงบขึ้นมา หรือสมควรกล่าวว่า มิได้บริสุทธิ์เท่าก่อนหน้า
แต่ว่าต่อคู่ต่อสู้ที่โด่งดังอยู่ด้านนอก หากมีโอกาสได้สัมผัส เขายังเป็นเห็นการล่ารู้สึกยินดี[2]
กระนั้นหลังจากฟังเรื่องราวของเนี่ยจิงเสิน สั่วหมิงจางก็ตกสู่ความเงียบงัน
เขามิได้รู้จักเนี่ยจิงเสินดีเท่าเยียนจ้าวเกอ แต่ก็ชมเชยความสามารถของอีกฝ่ายมาโดยตลอด
เรื่องราวในครั้งนั้น สั่วหมิงจางก็เสียดายเช่นกัน
ครู่ต่อมา เขาค่อยเอ่ยเบาๆ “น่าเสียดายแล้ว”
“เรื่องศิษยืพี่เนี่ย มีแต่ต้องรอค่อยว่ากัน” เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้กลับสงบนิ่งยิ่ง “พวกเราจัดการเรื่องตรงหน้าก่อน”
เขาพ่นลมหายใจเบาๆ “อาการบาดเจ็บของศิษย์พี่อวี่ค่อยๆ ดีขึ้นแล้ว วันนี้ยังไม่ฟื้น เป็นเพราะพวกเราคอยจำกัดไว้ หากต้องการไม่ให้นางเหลือต้นตอโรคไว้ รอทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ค่อยปลุกนางขึ้นมา”
“จนถึงตอนนี้ ยังขาดของวิเศษที่ชื่อว่าหยกหยุดวิญญาณชิ้นสุดท้ายที่รวบรวมไม่ได้”
ก่อนหน้นี้ ขณะที่พวกอิงหลงถูกออกตระเวนเก็บประสบการณ์ ก้ถือโอกาสค้นหาของวิเศษชิ้นสุดท้ายที่ขาดไปนี้
ผลคือหาหยกหยุดวิญญาณไม่เจอ กลับเข้าไปในจวนเอการกร้าง พบไท่อี้จินหยินกับนาจาโดยไม่ได้ตั้งใจ นี่จึงค่อยมีเรื่องราวมากมายในภายหลัง
“แต่ว่าครั้งนี้ในที่สุดก็มีเบาะแของแท้แล้ว กลับเป็นเรื่องน่ายินดีเหนือความคาดหมาย” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย
“อ้อ?” สายตาของเฟิงอวิ๋นเซิงกับสั่วหมิงจางมองมาทางเขา
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “การช่วงชิงสารีริกธาตุศากยมุณีในครั้งนี้ ในเผ่าปีศาจมีมหาเทวะเผ่าปีศาจที่อยู่เหนือความคาดหายของพวกเรามาจำนวนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีข่าวของเขา นึกว่าเขาจะตกตายไปในมหาภัยพิบัติไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าที่แท้ยังอยู่ คงเป็นเพราะก่อนหน้านี้ซ่อนตัวในเขาดาราทะเลดวงดาวมาโดยตลอด วันนี้จึงค่อยออกเขาอีกรอบ”
“ก่อนหน้านี้ท่านให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกติดตามเขาไปแล้ว” เฟิงอวิ๋นเซิงกระจ่างแจ้ง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่ได้ติดตามพวกเขาสองคนกลับสวรรค์สำนักเต๋า หลังจาการช่วงชิงสารีริกธาตุศากยมุณีกับธงวิเศษบัวเขียวเมื่อก่อนหน้าจบลง ก็ไม่เห็นร่องรอยแล้ว
เฟิงอวิ๋นเซิงแม้สัมผัสได้ แต่คิดในใจว่าเยี่ยนจ้าวเกอย่อมมีแผน ดังนั้นจึงไม่ได้ถาม
ตอนนี้นางได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอพูดถึงเรื่องนี้ ก็นึกเชื่อมโยงถึงร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกทันที
“ถูกต้อง แต่ยังไม่มีสัญญาณที่น่าเชื่อถือ เป็นเพราะว่าหมาป่าขุยมู่[3] ร่วมทางกับมหาเทวะเผ่าปีศาจตนอื่น ตอนนี้ยังไม่อาจสัมผัสได้ แต่สามารถลองหาโอกาสดู” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ปัจจุบันแดนสุขาวดีกับโถงเซียนกำลังสู้รบกันดุเดือด ถึงเผ่าปีศาจกับแดนสุขาวดีตะวันตกยังไม่เปิดสงคราม ทว่าก็ไม่อาจมองข้ามได้ หมาป่าขุยมู่ปัจจุบันออกเขาอีกครั้ง ใช่ว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหว”
“หมาป่าขุยมู่ ที่แท้เป็นเขา” สั่วหมิงจางกับเฟิงอวิ๋นเซิงได้ยินต่างพยักหน้า
พวกเขาเคยได้ยินชื่อของหมาป่าขุยมู่มาก่อน เดิมเป็นสยข้างแห่งเหนือพิสุทธิ์ ประสบภัยพิบัติ ขึ้นสู่ทำเนียบสถาปนาเทพในสงครามสถาปนาเทพยุคโบราณตอนต้น เข้าสู่วังเทพ กลายเป็นหนึ่งในเทพดวงดาวทั้งยี่สิบแปด
คนผู้นี้มีความสามารถลึกล้ำ เป็นมือดีไม่กี่คนท่ามกลางจ้าวสวรรค์แห่งวังเทพ
เขาเป็นตัวหลักในการต่อสู้ระหว่างเผ่าปีศาจกับสำนักเต๋า และยุคโบราณตอนกลาง แต่ว่าเบื้องหลังคนผู้นี้ สำนักเต๋ากับนพยมดลกต่างก็มีการเคลื่อนไหว มีหนี้บัญชีสับสนนับไม่ถ้วน
ในยุคโบราณตอนกลาง หมาป่าขุยมู่เคยเปลี่ยนชื่อว่าปีศาจเสื้อเหลือง ตั้งทัพพร้อมผู้ยิ่งใหญ่เผ่าปีศาจตนอื่นๆ ป้องกันพุทธตวันตกเข้าสู่ตะวันออก
ทว่าเขาเองก็ช่วยเหลือพวกซุนหงอคง พระถังซำจ๋ำรับมือปีศาจตนอื่นๆ พร้อมกับอีกสามคนในสี่ดาวไม้[4]
เรื่องราวเกี่ยวพันถึงการวางหมากของหลายๆ ฝ่ายในตอนนั้น ความจริงที่เป็นรูปธรรมเป็นอย่างไร เกรงว่าแม้แต่คนเกี่ยวข้องก็ยังบอกไม่ชัดเจน
ตอนเกิดมหาภัยพิบัติ วังเทพประสบภัยพิบัติ ยอดฝีมือส่วนใหญ่ตกตาย หมาป่าขุยมู่ข่าวคราวสูญหาย เหล่าคนรุ่นหลังก็นึกว่าเขาตายไปแล้ว กลับคาดไม่ถึงว่าจะสวามิภักดิ์กับเขาดาราทะเลดวงดาว จนกระทั่งถึงวันนี้ค่อยโผล่มา
………………..
[1] ปิดประตูสร้างรถ เปรียบเปรยว่า เอาแต่ใช้แนวคิดของตัวเอง ไม่สนใจความเป็นจริง
[2] เห็นการล่ารู้สึกยินดี หมายถึงว่า ได้เห็นคนอื่นทำอะไรบางอย่าง แล้วตัวเองเกิดความรู้สึกอยากทำด้วย
[3] ขุยมู่ หมายถึง ธาตุไม้ในตำแหน่งตรงกลางท่อนขาของกลุ่มดาวเสือขาว
[4] สี่ดาวมู่ เป็นกลุ่มดาวที่จัดอยู่ในยี่สิบแปดกลุ่มดาวทางสำนักเต๋า จัดเป็นธาตุไม้ เทพที่ปกครองประกอบด้วย มังกรเจี่ยวมู่ เซี่ยโต้วมู่(เซี่ย เป็นสัตว์ในตำนานของประเทศจีน) อั้นเจี่ยงมู่(อั้น เป็นมังกรชนิดหนึ่งของจีน) และหมาป่าขุยมู่ ต่างเคยช่วย ซุนหงอคงปราบปีศาจกระทิง