ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 170 คุณชายกว่างเฉิงกับคุณชายจรัสแสง
เทียบกับฐานะของเขาแล้ว หวงเจี๋ยถือได้ว่าทำตัวถ่อมตนอย่างยิ่ง ถ่อมตนจนถึงขั้นนามกรยกย่องคุณชายจรัสแสงของเขา ดูเหมือนว่าไม่ได้เหมาะสมอะไรขนาดนั้นอยู่บ้าง
ไม่ได้ดึงดูดสายตา เหมือนเช่นแสงอาทิตย์สาดส่องทั่วหล้า ทว่าเงียบสงัดวิไล เหมือนเช่นแสงเดือนยามค่ำคืน
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังหวงเจี๋ย เส้นสายตาหวงเจี๋ยก็ทอดมองมาเช่นกัน สบสายตากับเขาอย่างสงบนิ่ง
“น่าสนใจ” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเบาๆ
พลังฝึกปรือที่แท้จริงของหวงเจี๋ย เยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจชี้ขาดได้ ทำได้เพียงแค่อาศัยโสตสัมผัส ฟังเสียงชีพจรโลหิตของเขาที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน มันหนักแน่นแต่กลับลื่นไหล
โลหิตดุจปรอทและตะกั่ว นี่เป็นลักษณะเฉพาะของการผ่านการชำระล้างไขกระดูกผลัดกระดูกครั้งที่สองแล้วถึงจะมี ขณะนี้พลังฝึกปรือของหวงเจี๋ยอย่างต่ำที่สุดคือปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้น
นอกจากนี้แล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่หวงเจี๋ยเก็บสำรวมลมปราณของตน ลักษณะเฉพาะบ่งบอกระดับพลังฝึกปรืออื่นๆ ล้วนไม่เผยให้เห็น ยากยิ่งนักจะตัดสินชี้ขาดระดับพลังฝึกปรือเฉพาะของเขาได้
ลักษณะเฉพาะของปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลางคือรวมปราณเป็นอาวุธ ควบคุมปราณโลหิตร้อยก้าว ลักษณะเฉพาะของปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกระยะท้ายคือย่ำปราณจิตราเหินอากาศ เหล่านี้หากไม่ประมือไม่ใช้กำลังต่อสู้ ล้วนมองไม่ออก
หนึ่งในลักษณะเฉพาะของปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาคือปราณจิตราเกิดสติปัญญา ปราณจิตราของหวงเจี๋ยไม่ออกมาภายนอก ก็หมดหนทางชี้ขาดเช่นกัน ลักษณะเฉพาะอย่างที่สองคือรัศมีแสงเหนือศีรษะเชื่อมต่อถึงขอบฟ้า ทว่าถ้าหากปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาเองมีเจตนา ก็สามารถควบคุมเก็บสำรวมได้
ฉะนั้นการตัดสินชี้ขาดสำหรับหวงเจี๋ย ทำได้เพียงหยุดอยู่ที่ระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะต้น
แท้จริงแล้วหากเทียบกับอายุละก็ การที่หวงเจี๋ยมีพลังฝึกปรือขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้นหรือขั้นจิตราชั้นนอกระยะกลาง ก็นับว่าไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด
จอมยุทธ์ที่อายุใกล้เคียงกันกับเขา นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว หลี่จิ้งหว่านแห่งเมืองทะเลมรกต เซียวอวี่แห่งเขาไร้พรมแดน ต่างก็มีพลังฝึกปรือประมาณนี้
อายุอานามหวงเจี๋ยมากกว่าเล็กน้อย กระนั้นก็ไม่ได้โตกว่ามากจนเกินไป โดยส่วนมากทุกคนล้วนนับได้ว่าอยู่ในช่วงอายุเดียวกัน แต่เยี่ยนจ้าวเกอมีลางสังหรณ์ว่า หวงเจี๋ยไม่ได้เรียบง่ายถึงเพียงนั้น
สำหรับถังหย่งฮ่าวที่ระดับพลังฝึกปรือและอายุน้อยกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด อายุใกล้เคียงกัน ทั้งยังอยู่ในอันดับเช่นเดียวกันกับหวงเจี๋ย คุณชายจรัสแสง ถ้าหากมีฝีมือมากกว่า หลุดพ้นจากสภาพเลวร้ายในประลองกับเยี่ยนจ้าวเกอได้ นับว่าดีสำหรับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่สุด
ทว่าตัวหวงเจี๋ยเองดูไม่เหมือนว่ามีจุดประสงค์จะลงมือเลยทั้งสิ้น
ไม่เพียงแต่ไม่มีจุดประสงค์จะประมือกับเยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้น หวงเจี๋ยเผชิญหน้ากับคนอื่นๆ ก็ทั้งมีมารยาทและห่างเหินเช่นกัน
ครานี้เขาเข้าร่วมการประชุมฝ่านภา ดูเหมือนว่าเพียงแค่เพื่อสังเกตชมอยู่ข้างๆ เท่านั้น
ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมฝ่านภา เวลานี้ล้วนหยุดเรื่องที่อยู่ในมือลง มุ่งความสนใจมุงดูการประลองระหว่างถังหย่งฮ่าวกับสวีเฟย
สนามประลองนั้นมาจากค่ายกลที่หอคลื่นโหมสร้างขึ้นเป็นพิเศษ ถังหย่งฮ่าวและสวีเฟยปลดปล่อยพลังได้ตามสะดวก ควันหลงจากการต่อสู้ถูกยับยั้งไว้ทั้งหมด ไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบไปถึงผู้อื่น
ผู้ชมรอบข้างกลุ่มหนึ่ง ซึ่งก็คือปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาหลายคน ต่างก็มองด้วยสีหน้าหนักแน่นจริงจัง ถึงแม้ว่าระดับขั้นจะค่อนข้างต่ำ กระนั้นโดยส่วนใหญ่หลังจากดำเนินการเปรียบเทียบชั่งน้ำหนักแล้ว ต่างก็ตระหนักได้ถึงความแก่กล้ายิ่งใหญ่ระหว่างการประลองของทั้งสองฝ่ายได้
เหมือนเช่นเยี่ยนจ้าวเกอที่หลายปีมานี้ประหนึ่งยอดเขาสูง ทักษะความชำนาญตระหง่านขึ้นมาพรวดพราดเหนือชั้น ถึงเป็นศิษย์สืบทอดหลักของแต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหญ่ แม้ว่าศักยภาพพรสวรรค์และพลังความสามารถจะอยูในระดับขั้นเดียวกัน ทว่าคิดคำนวณอย่างละเอียด ก็มีการแบ่งแยกแข็งแกร่งอ่อนด้อยไม่มากก็น้อยเช่นกัน
สวีเฟยและถังหย่งฮ่าว ก็เป็นผู้ที่เหนือชั้นหนึ่งในนั้น!
ถังหย่งฮ่าวถือกระบี่หนึ่งอยู่ในมือ ประกายกระบี่ดุจแสงสว่างสาดส่องทั่วพื้นปฐพี ไม่มีแห่งหนใดไม่มี
ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะทำสิ่งใด ถังหย่งฮ่าวมักจะนำหน้าอยู่ครึ่งก้าวได้เสมอ โจมตีได้อย่างมิพลาดพลั้ง
นอกจากกระบี่อรุณเบิกฟ้าของศิษย์สืบทอดสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังมีวิชาลับวิถีกระบี่อื่นๆ อีกมากมาย ถังหย่งฮ่าวหยิบใช้เรื่อยเปื่อยตามใจชอบ ล้วนราวกับว่าค่อยๆ ซึมแทรกนานนับปี ลึกซึ้งถึงแก่นสาร เปลี่ยนแปลงไม่อาจคาดเดา ทัศนียภาพหลายหลากช่างดูสวยสง่า
ซือคงจิงจับตามองการประลองของทั้งสองฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ เห็นดังนั้นก็มุ่นคิ้วเล็กน้อย “ถังหย่งฮ่าว ช่างน่าประหลาดเสียจริง…”
“ไม่ประหลาดหรอก เจ้ารู้สึกประหลาดเป็นเพราะว่าเจ้าไม่รู้ ถังหย่งฮ่าวคือผู้มีความสามารถพิเศษในวิชากระบี่อย่างแท้จริง” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “ตามคำกล่าวขาน โลกแปดพิภพในปัจจุบัน นอกจากสี่สุดยอดวิชากระบี่แล้ว วิชากระบี่อื่นๆ ถังหย่งฮ่าวเพียงแค่ยืนดูศึกษาอย่างละเอียดอยู่ข้างๆ ก็สามารถทำได้แล้ว”
แววตาซือคงจิงทอประกาย หันศีรษะมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ
วิชาลับวิถีกระบี่ลึกซึ้ง ไม่ได้เรียบง่ายแค่กระบวนท่าการเคลื่อนไหวเท่านั้น เจตจำนงกระบี่ที่แฝงอยู่ภายในนั้น วิถีทางแห่งการโคจรลมปราณ เหตุผลใจความสำคัญละเอียดลึกซึ้งมากมาย ล้วนซับซ้อนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
วิชาวรยุทธ์ของแต่ละดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งใหญ่ ไม่ว่าวิชาใดล้วนไม่ใช่เล่นๆ เลย
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มน้อยๆ “อย่ามองข้า นี่คือเรื่องจริง ยกตัวอย่างเช่นวิชากระบี่อำพันลี้ลับกับเพลงกระบี่เจ็ดดาราของสำนักเรา ถังหย่งฮ่าวไม่ใช้คัมภีร์ลับ เพียงสังเกตมองขณะที่ข้าหรือไม่ก็เจ้าฝึกฝนกระบี่ เขาก็สามารถบรรลุได้เจ็ดแปดขั้นแล้ว เพียงแต่ว่าแต่ไหนแต่ไรถังหย่งฮ่าวไม่ทำเช่นนี้ เขาศึกษากระบี่ แม้ว่าจะเป็นวิชากระบี่นอกสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นวิชาเหล่านั้นที่สาบสูญการสืบทอดไปก่อนกาล”
“วิชากระบี่ของสำนักอื่น แม้เขาจะมองเข้าใจ แต่ตนเองก็ไม่ได้ฝึก” เยี่ยนจ้าวเกอถอนเสียงใจ “ไม่เพียงแต่ดินแดนศักดิ์อื่นอีกห้าแห่งเท่านั้น ขุมกำลังระดับหนึ่งและสองเหล่านั้น ถึงขั้นไม่เข้าร่วมวิชากระบี่ของขุมกำลัง ถังหย่งฮ่าวเองก็ควบคุมตนเช่นกัน”
เขามองดูถังหย่งฮ่าวที่อยู่ในสนาม “จึงกล่าวได้ว่า เขาเป็นคนที่มีความยืนหยัด ต่อให้การยืนหยัดของเขายากที่จะเข้าใจในความคิดของผู้คนจำนวนมากก็ตาม”
ซือคงจิงมองไปยังสวีเฟย “ศิษย์พี่สวีไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม
บัดนี้ทุกคนเห็นคลื่นลมโหมซัดสาดไปตามการเปลี่ยนแปลงเป็นร้อยเป็นพันของถังหย่งฮ่าว ส่วนสวีเฟยยืนตระหง่านไม่ขยับเขยื้อน ราวกับหินโสโครกกลางทะเลอย่างไรอย่างนั้น
เขาสำแดงวิชากระบี่อำพันลี้ลับออกมาตลอดเวลา ทั้งโจมตีและตั้งรับ ปล่อยพลังอันมหาศาล แต่ก็เก็บซ่อนความลี้ลับเป็นพันเป็นหมื่นไว้อย่างใจจดใจจ่อ ทำให้ถังหย่งฮ่าวหมดหนทาง
กระบวนท่าฝ่ามืออำพันลี้ลับที่สร้างขึ้นเอง สำแดงออกมาพร้อมกันกับวิชากระบี่อำพันลี้ลับ เป็นอันหนึ่งอันเดียวไม่อาจแบ่งแยกได้ อานุภาพทวีคูณ ขวางกั้นประกายกระบี่เป็นหมื่นพันของถังหย่งฮ่าวเอาไว้ด้านนอกอย่างเชี่ยวชำนาญ
ถังหย่งฮ่าวมองวิชากระบี่อำพันลี้ลับจากภายนอก สามารถตระหนักได้ถึงความลี้ลับมหัศจรรย์ภายในนั้น จนคาดเดาทางกระบี่ของสวีเฟยได้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังไม่สามารถยึดครองความได้เปรียบแม้แต่น้อยนิด
ระดับขั้นปรมาจารย์ สวีเฟยฝึกฝนวิชากระบี่อำพันลี้ลับจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว ต่อให้ถังหย่งฮ่าวจะฝึกฝนวิชากระบี่อำพันลี้ลับเฉกเช่นเดียวกัน ก็ไม่อาจทำได้ดีไปกว่าเขา
การประลองชิงชัยระหว่างปรมาจารย์ขั้นฝ่านภาทั้งสอง ทำให้ทุกผู้ทุกคนในเหตุการณ์รู้สึกเป็นบุญตาเมื่อได้เห็น
ทันใดนั้นเอง ผู้สืบทอดของเขาไร้พรมแดนและตำหนักอัสนีสวรรค์ ต่างก็ขึ้นมาบนเกาะลอยจากคนละทิศละทาง
ทางด้านตำหนักอัสนีสวรรค์ เยี่ยนส่าน ‘อัสนีฟาด’ และหลินโจว ‘คุณชายฟ้าคำรน’ ล้วนไม่ได้มาถึงการประชุม ทว่าผู้ที่นำหน้าเป็นผู้เยาว์วัยที่พลังฝึกปรือสูงยิ่งกว่าคนหนึ่ง อายุอานามใกล้เคียงกันกับสวีเฟย ถังหย่งฮ่าว และซ่งเฉา
เยี่ยนจ้าวเกอจำอีกฝ่ายได้ เขามีนามว่าเสียจื่ออี้ เป็นบุตรสวรรค์โปรดปรานรุ่นเยาว์ที่ชื่อเสียงลือเลื่องมายาวนานแล้วเช่นกัน ปัจจุบันระดับอยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้าย
ทว่าเท่าที่ชายหนุ่มรู้ ตอนที่อีกฝ่ายประมือกับศัตรูแกร่งครั้งหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะสังหารคู่ต่อสู้ได้ แต่ตนเองก็ได้รับบาดเจ็บซึ่งทิ้งอันตรายแฝงเร้นไว้เช่นกัน
ผลกระทบเนื่องด้วยเหตุนี้ ทำให้เส้นทางการเลื่อนขั้นของเขาเชื่องช้าไปบ้างพอสมควร ไม่เช่นนั้นบัดนี้เก้าส่วนเต็มสิบส่วนอาจบรรลุถึงระดับขั้นเคียงนภาแล้วก็เป็นได้
ข้างกายเสียจื่ออี้มีจอมยุทธ์อายุน้อยกว่าหลายปีอยู่บ้างตามติดอยู่ แต่งกายเช่นเดียวกันกับเขา ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์สืบทอดหลักสายตำหนักอัสนีสวรรค์
ส่วนอีกทิศทางหนึ่ง คือจอมยุทธ์สืบทอดแห่งเขาไร้พรมแดน ไม่เห็นหลิวเซิ่งเฟิงดังคาด ผู้นำหน้าคือจี้ฮั่นหรู
บริเวณข้างกายจี้ฮั่นหรู จ้าวฮ่าวประกายตาดุร้ายอำมหิต สายตาแข็งกร้าว กวาดมองฝูงชนในสนาม
………………..