ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 231 ขอโทษถึงที่
จอมยุทธ์บำเพ็ญพลังฝึกปรือ ทะลวงด่านมโหฬารสุดหินตั้งแต่ระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้ายจนถึงขั้นฝ่านภา และหลังขั้นฝ่านภาสู่ระดับมหาปรมาจารย์ ด่านทั้งสองนี้ สิ่งที่จำเป็นยิ่งกว่าคือการตระหนักรู้ ไม่ใช่การลงแรงและเวลาเพื่อสั่งสมตกผลึกอย่างแช่มช้าเพียงอย่างเดียว
แน่นอนการสั่งสมที่ต้องมีก็ยังคงจำเป็น ทว่าไม่ใช่เอาแต่กัดฟันทนก็เกิดผลพวงได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งปรมาจารย์ขั้นฝ่านภา ทะลวงถึงระดับมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตระยะต้นด่านนี้ ระดับความยากเหนือยิ่งกว่าการทะลวงระดับปรมาจารย์ก่อนหน้านี้ทั้งปวง
ชื่อเสียงของคูน้ำกั้น หาใช่ไร้ซึ่งเหตุผลไม่ นับแต่โบราณกาลมา จอมยุทธ์ปรมาจารย์ที่ถูกกักอยู่ที่ด่านนี้ สุดท้ายเกิดมาใช้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ก็ไม่รู้ได้ว่ามีมากน้อยปานใด
ไม่พูดถึงขุมกำลังอื่นแล้ว ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ฐานะเดิมสำนักเขากว่างเฉิงและห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ผู้ที่ติดอยู่ที่ด่านนี้ยากจะพัฒนาต่อไปได้
โลกยุคสมัยนี้ การประเมินค่าพรสวรรค์และศักยภาพคนหนุ่มสาวคนหนึ่ง ยอดฝีมือรุ่นหลังผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นคนหนึ่ง หนึ่งในมาตรฐานสำคัญที่จะตัดสินอนาคตของพวกเขา ก็คือด่านปรมาจารย์ถึงมหาปรมาจารย์ด่านนี้
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ยากจะเป็น ขอเพียงแค่กลายเป็นมหาปรมาจารย์ เช่นนั้นอย่างน้อยก็กล่าวได้แล้วว่าเป็นผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ อัจฉริยบุคคลวัยเยาว์ผู้นี้ เกินกว่าครึ่งไม่ถึงขั้นสิ้นเปลืองศักยภาพและพรสวรรค์สติปัญญาของตน
ผู้คนมักจะกล่าวกันว่า อัจฉริยะที่สามารถเปลี่ยนศักยภาพให้กลายเป็นพลังความสามารถแท้จริงได้ นั่นถึงจะเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง
แท้จริงแล้วหลายครั้งมาตรฐานการตัดสินอันยอมรับกันโดยดุษณีของที่นี่ ก็คือเป็นการบรรลุสู่ระดับมหาปรมาจารย์ หรือหากจะกล่าวอย่างละเอียด ก็คือตีฝ่าคูน้ำกั้นในช่วงวัยหนุ่มสาว ประสบความสำเร็จในระดับมหาปรมาจารย์
ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เมื่อผู้สติปัญญาเป็นเลิศวัยเยาว์ผู้หนึ่ง กลายเป็นมหาปรมาจารย์แล้ว แววตาของชาวพิภพที่มองเขาก็จะเปลี่ยนแปลงไป ไม่ปฏิบัติต่อเขาเช่นบุตรหลานอ่อนอาวุโสธรรมดาอีกต่อไป
เหมือนเช่นเยี่ยนจ้าวเกอ เขายังไม่ทันบรรลุถึงระดับปรมาจารย์ขั้นฝ่านภา ก็มีคนวางตัวปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ เป็นข้อยกเว้นที่เรียกพบได้ทว่าเรียกหาไม่ได้ ท่ามกลางบรรดาข้อยกเว้น
อย่างไรเสีย นอกเหนือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งหก จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์มากหรือน้อย ก็สามารถเป็นฝ่ายยึดครองด้วยพลังอำนาจอันแก่กล้าได้แล้ว
อาหู่สามารถกลายเป็นมหาปรมาจารย์ได้ แน่นอนว่าเยี่ยนจ้าวเกอดีใจไปกับเขา
ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอเองจะทะลวงจากขั้นเคียงนภาระยะท้ายถึงขั้นฝ่านภา สั่งสมอีกเพียงเล็กน้อยก็ใช้ได้แล้ว
การหลอมกลายสภาพเสาทางเดินของวังเทพ สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายดายแค่การสำรวจดูรอยตราความทรงจำแสงรุ่งโรจน์ภายในนั้น หรือจะสามารถย่อขนาดของเล่นนี้ได้อย่างคล่องแคล่วเท่านั้น
ลวดลายบนเสาทางเดินนั้น เยี่ยนจ้าวเกอคุ้นเคยนัก หากแต่ของสิ่งนี้แฝงไปด้วยสติปัญญาเร้นลับ ในความเป็นจริงแล้วการสัมผัสของสิ่งนี้ มีผลอันยอดเยี่ยมเป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
ในฐานะผู้ที่หลอมกลายสภาพเสาทางเดินวังเทพ เขาถึงจะเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดคนนั้น
เปรียบกับอาหู่ ยังมากกว่านัก
ต่อให้ถ้าหากเยี่ยนจ้าวเกอใคร่จะทะลวงด่านระดับมหาปรมาจารย์ ภายในระยะเวลาอันสั้น ก็ต้องใช้วิธีการพิเศษบางประการ
จุดสำคัญคือสิ่งของที่บางอย่างที่จำต้องตระเตรียม ปัจจุบันนี้พบเห็นได้ค่อนข้างน้อย หาได้ยากยิ่ง
ตนเองครุ่นคิดทบทวนบรรลุอย่างช้าๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็มีความมั่นใจเช่นเดียวกัน เพียงแต่สถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงฉับไวนัก เยี่ยนจ้าวเกอเองก็จำต้องลงมือเสริมพลังความสามารถตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเห็นร่องรอยแสงรุ่งโรจน์ที่เสาทางเดินวังเทพทิ้งเอาไว้แล้ว ในใจก็ผุดความคิดบางอย่างออกมามากมาย
เหตุผลที่เขารู้สึกสนใจเครื่องหยกครึ่งก้อนนั่น เป็นเพราะว่าเครื่องหยกคือสิ่งของที่มีอยู่ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่
บางทีข้อมูลที่แฝงอยู่ในค่ายกลวิญญาณนั้น อาจจะนำทางให้เยี่ยนจ้าวเกอไปยังแว่นแคว้นลับบางแห่งได้
วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ทำให้ขุมทรัพย์ทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมากขาดแคลนจนถึงขั้นดับสูญ หากมีแว่นแคว้นลับก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ยังคงอยู่ได้ ไม่แน่ว่าภายในอาจจะยังสงวนไว้ซึ่งสิ่งของที่เยี่ยนจ้าวเกอต้องการก็เป็นได้
หากเป็นเช่นนี้แล้ว การเก็บรวบรวมก็จะสะดวก เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่ต้องเปลืองความคิดไปค้นหาสิ่งของอย่างอื่นมาแทนที่เช่นกัน
แน่นอนว่าแว่นแคว้นนี้อาจจะสูญสิ้นไปพร้อมกับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ หรืออาจจะมีผู้ที่ฝีเท้าไวกว่าไปถึงก่อนแล้วก็เป็นได้
ทว่าเทียบกับสิ่งของที่ทั่วหล้าต่างค้นหาจนแทบสูญสิ้นแล้ว เส้นทางนี้ยังจะน่าเชื่อถือมากกว่าอยู่บ้าง
หลังจากฝึกฝน เยี่ยนจ้าวเกอก็กำลังให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวในปัจจุบันของเมืองซู่โจว หรือกระทั่งเกาะทรายด้วยเช่นกัน
กระนั้นการเข้ารับตำแหน่งใหม่ของผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งเมืองซู่โจวช้ากว่าที่ชายหนุ่มคาดการณ์เอาไว้มากนัก หากแต่เมื่อตอนที่เขาได้รู้ว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด ก็ประหลาดใจอยู่บ้าง
ข่าวส่งมาบอกว่า ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งเมืองซู่โจวที่ดำรงตำแหน่งใหม่ เป็นสวีเฟยที่เยี่ยนจ้าวเกอคุ้นเคยจนถึงขั้นไม่อาจคุ้นเคยไปกว่านี้ได้อีก!
สวีเฟย ‘วิหคเวหา’ ศิษย์ของสือเถี่ย ผู้นำรุ่นใหม่ของสำนักเขากว่างเฉิง หลังจากการประชุมฝ่านภาที่ทะเลสาบปิดนภา เขาก็มีตำแหน่งเป็นมหาปรมาจารย์โดยที่อายุอานามเพียงแค่สามสิบต้นๆ
ปฏิกิริยาแรกที่เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินข่าวก็คือ ‘ศิษย์พี่สวีทำความผิดอะไรเข้าหรือ?’
โดยทั่วไปแล้ว ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจเป็นตำแหน่งที่ให้จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์รับหน้าที่ มหาปรมาจารย์ที่อนาคตรุ่งเรืองอย่างเช่นสวีเฟยเช่นนี้ ถูกโยนทิ้งยังเมืองซู่โจวชายแดนเกาะทรายแห่งวายุพิภพ เพื่อมาทำหน้าที่ผู้อาวุโสปฏิบัติกิจ มองอย่างไรล้วนไม่เหมือนการใช้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญ หากแต่เป็นการลดขั้น
สวีเฟยยังอายุน้อย หนำซ้ำยังเพิ่งบรรลุสู่ระดับมหาปรมาจารย์ ศักยภาพยังคงไร้ที่สิ้นสุด กำลังเป็นช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่ปณิธานรุดหน้าหนักแน่น หมกมุ่นฝึกฝนยกระดับอย่างต่อเนื่อง
ต่อให้เพื่อสั่งสมประสบการณ์ ต้องการส่งประจำการนอกสถานที่ ก็น่าจะรอหลังจากพลังฝึกปรือของเขาสูงขึ้นอีกหน่อย ค่อยลงตำแหน่งผู้อาวุโสคุมการณ์สักแห่งหนึ่งโดยตรง อย่างไรก็ไม่มีทางเป็นผู้อาวุโสปฏิบัติกิจ
ชั่วขณะแรกที่เยี่ยนจ้าวเกอได้ฟังข่าวคราว ก็อดไม่ได้ที่จะเหม่อลอยอยู่บ้าง หากแต่เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว
“เป็นเพราะเรื่องภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตกับสำนักเขานิมิตทมิฬที่ข้ารายงานก่อนหน้านี้หรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลงเล็กน้อยประเดี๋ยวหนึ่ง “ทางสำนัก ท่านอาจารย์ปู่กับพวกท่านพ่อและท่านอาจารย์อาทั้งหลาย ก็เห็นว่าภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตจะก่อเรื่องที่วายุพิภพในระยะอันใกล้นี้เช่นกัน?”
อาหู่เกาศีรษะ “เกรงว่าจะเป็นเช่นนี้ขอรับ”
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ เท่านี้ก็ตีความได้ปรุโปร่งแล้ว สวีเฟยมาที่นี่ก็เพียงรับตำแหน่งผู้อาวุโสปฏิบัติกิจแห่งเมืองซู่โจวแทนชั่วคราวเท่านั้น เพื่อจัดการเรื่องพิเศษด้วยวิธีพิเศษในช่วงเวลาพิเศษ
ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตและสำนักเขานิมิตทมิฬเพิ่งจะลอบสังหารเยี่ยนจ้าวเกอที่มหาทะเลทรายแดนตะวันตก หากยังก่อความวุ่นวายบริเวณอาณาเขตรอบๆ เกาะทราย ที่ซู่โจวแห่งนี้ก็นับเป็นแนวหน้า
นอกจากสถานการณ์พิเศษอันน้อยนิดอย่างยิ่งเช่นนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ยังมาแบกภาระหนักอย่างตำแหน่งผู้อาวุโสปฏิบัติกิจของซู่โจวอีก ดูเหมือนว่าจะเปราะบางอยู่บ้าง
โยกย้ายผู้แก่กล้าคนหนึ่งมารักษาการณ์ชั่วคราว ก็พอเข้าใจได้
เยี่ยนจ้าวเกอเองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน เพียงแต่สถานการณ์ของเขาพิเศษจนเกินไป วางเขาไว้ที่เมืองซู่โจว ขอบเขตอำนาจพลันพรวดถึงระดับผู้อาวุโสสูงสุดนั่น รังแต่ทำให้ผู้อาวุโสคุมการณ์พรรควายุคำรามกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง
ดังนั้นความคิดเห็นของทางสำนักนั้น ยังคงให้เยี่ยนจ้าวเกอเคลื่อนไหวอย่างอิสระ
สวีเฟยมายังซู่โจว มีมิตรภาพลึกซึ้งกับเยี่ยนจ้าวเกอ การประสานงานก็เป็นที่รู้กันดีของทั้งสองฝ่ายเช่นกัน
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้ นิ้วมือเคาะบนพนักวางแขนเก้าอี้เบาๆ ‘ก่อนหน้านี้ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตไม่ทำตัวเป็นจุดสนใจอย่างยิ่ง ทว่านับแต่หลังเกิดเรื่องที่หุบเหวปราการมังกรนั่น จึงค่อยเริ่มเคลื่อนไหวโลดแล่นขึ้นมา เบาะแสความเคลื่อนไหวที่ส่อให้เห็นในตอนนี้ ยิ่งซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ’
‘ทางด้านปฐพีพิภพนั่น ก็ไม่ถือว่าสงบเงียบอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่ต้น หลังเหตุการณ์สำคัญที่ทะเลสาบปิดนภาในปัจจุบัน ก็วางแผนสร้างเหตุที่วายุพิภพอีกครา’
นิ้วมือเยี่ยนจ้าวเกอที่เคาะพนักวางแขนพลันหยุดชะงักลง ‘มีสาเหตุอะไรเป็นพิเศษรึ? จะมีการติดต่อกับทางฝั่งตรงข้าม กับทางนพยมโลกนั่นหรือไม่?’
เขาผุดลุกขึ้นยืน หัวคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย ‘พวกเขาก่อเรื่องครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ ขณะที่เพิ่มความยุ่งยากให้กับพวกเรา ก็กำลังทำลายพลังของตนเองอย่างไม่หยุดยั้งด้วยเช่นกัน ก่อนหน้าพวกเราอยู่ในที่แจ้ง พวกเขาอยู่ในที่ลับตา ด้วยเหตุนี้พลังทำลายล้างจึงน่าตื่นตะลึง บัดนี้พวกเขาค่อยๆ โผล่พ้นผิวน้ำ แท้จริงแล้วความได้เปรียบอันยิ่งใหญ่ที่สุดกำลังค่อยๆ หายไป’
ขณะเยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดอยู่นั้น อาหู่ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยว่า “จริงสิ คุณชาย มีคนขอพบท่านด้วยขอรับ”
“หืม ใครกัน?” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยถาม
อาหู่อมพะนำครู่หนึ่งก่อนตอบ “ท่านประมุขตระกูลเหลียน ตระกูลของเหลียนเฉิงกับเหลียนอิ๋งสองคนนั่น บอกว่ามาเพื่อกล่าวขอโทษขอรับ”
—————————-