ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 252 ราบรื่นเกินไป
หากถกเฉพาะเจาะจงถึงระดับพลังฝึกปรือ จอมยุทธ์เขากว่างเฉิงที่บุกเข้าสู่ภายในลานที่พักอาศัยในดินแดนบรรพชนตระกูลหวังคราวนี้ เยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่จอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับสูงที่สุด
หากแต่พูดถึงระดับความเข้าใจในมหาค่ายกลแดนมารตรงหน้าแล้ว ไม่มีใครเหนือไปกว่าเขา
เยี่ยนจ้าวเกอมุ่งไปข้างหน้าตลอดทาง นับเป็นคนที่เข้าใกล้เจดีย์สูงสีทองศูนย์กลางมหาค่ายกลแดนมาร เหนือดินแดนบรรพชนตระกูลหวังที่เร็วที่สุดด้วยซ้ำไป
บนเจดีย์สูงสีทอง ขณะนี้มีแสงสีแดงเปล่งประกายวามวาว เกาะกลุ่มกลายเป็นประตูแสงสายหนึ่ง ทอดเงาลงไปยังเบื้องล่าง
ลวดลายค่ายกลแต่ละสายประหนึ่งสายโซ่สีดำ พันเกี่ยวอยู่บนเจดีย์สูงสีทอง ลวดลายค่ายกลยื่นขยายไปทั่วสารทิศภายในไอมาร
ทว่าจริงอย่างที่สือเถี่ยกล่าว ทำลายมันเสีย ไม่ต้องรอให้มหาค่ายกลแดนมารเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจนถึงที่สุด
กลุ่มของเยี่ยนจ้าวเกอมาถึงอย่างเร็วรี่ บัดนี้มหาค่ายกลแดนมารเพิ่งจะตั้งขึ้นมา ยังไม่ได้โคจรอย่างแท้จริง
เจดีย์สูงสีทองและลวดลายค่ายกลทุกสายที่พันรอบอยู่บนนั้น ดูเหมือนว่าเลือนรางลวงตาเช่นกัน ไม่ได้ควบแน่นกลายเป็นจริงอย่างถึงที่สุด กระทั่งประตูแสงที่แปรสภาพมาจากแสงแดงนั่น ล้วนปรากฏให้เห็นว่าอ่อนแออย่างยิ่งยวด แม้จะกำลังทอดเงาลงไปเบื้องล่าง กระนั้นก็เพิ่งจะเป็นรูปเริ่มต้นเท่านั้น
หากแต่พลังปราณน่าหวาดหวั่นและมอมเมาจิตใจคนที่มีต้นกำเนิดจากนพยมโลก เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลาที่เคลื่อนพ้นไป
เยี่ยนจ้าวเกอพุ่งพรวดไปทางเจดีย์สูง เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ ยังมีพ่านพ่าน รวมถึงจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงคนอื่นๆ ส่วนหนึ่งก็ตามมาเช่นกัน
ขณะนี้เฟิงอวิ๋นเซิงลงมาจากหลังพ่านพ่านแล้ว นางกุมดาบยาวสีดำสนิทไร้ประกายเล่มหนึ่ง จนมั่นคงแนบแน่นอยู่ในมือ
ระหว่างที่มือยกดาบขึ้นฟันลงมา ผู้กลายเป็นมารคนหนึ่งก็ล้มลงภายใต้ดาบของนางแล้ว
คู่ต่อสู้คนหนึ่งอยู่ห่างออกไป ในมือยกชูกงล้อมหึมาล้อหนึ่ง เส้นผ่านศูนย์กลางเกือบสองหมี่
บริเวณขอบกงล้อเป็นคมมีดเฉียบแหลมที่เวียนรอบทั้งสิ้น ราวกับฟันเลื่อยแถบหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
อีกฝ่ายตะโกนร้องเสียงดัง ภายใต้การสั่นไหวของปราณจิตรา ก็ยกกงล้อนี้ขึ้นขว้างมาทางกลุ่มของเฟิงอวิ๋นเซิง!
ด้วยการหมุนของกงล้อนั้น คมมีดพลันหายไปไม่พบ เห็นเพียงแสงสีทองเปล่งประกายบริเวณขอบ เส้นผ่านศูนย์กลางของล้อคล้ายกับขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าในทันใด ทวีความโหดร้ายน่าประหวั่นยิ่งกว่าเดิม
กงล้อมหึมาลอยฉวัดเฉวียนกลิ้งมา พลังที่แผ่ออกมาน่าตื่นตะลึง ต้องการฟันร่างกายของกลุ่มเฟิงอวิ๋นเซิงจำนวนสิบกว่าคนให้ขาดพร้อมกันในหนเดียว!
จอมยุทธ์กว่างเฉิงคนอื่น พากันกุลีกุจอหลีกทาง
จอมยุทธ์กว่างเฉิงที่ระดับพลังสูงกว่าเฟิงอวิ๋นเซิงคนหนึ่ง กระโดดลอยตัวขึ้น ปลายเท้าอยู่บริเวณกลางกงล้ออย่างแม่นยำ
สายตา ความสามารถในการตัดสินใจ และความเร็วล้วนยอดเยี่ยมถึงที่สุด หลีกลี้กงล้อผ่านไปได้สำเร็จ ก่อนจะถือโอกาสถลันพุ่งไปทางชายผู้นั้นที่ขว้างล้อมา
ครั้นหลบหลีกและบุกจู่โจมได้ในกระบวนท่าเดียว ผู้คนที่เห็นก็อดส่งเสียงชื่นชมเซ็งแซ่ไม่ได้
เฟิงอวิ๋นเซิงกลับเหมือนว่าเหม่อลอย ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
เพิ่งมีคนจะส่งเสียงร้องด้วยความดีใจ ก็แลเห็นเฟิงอวิ๋นเซิงพลันชูดาบยาวสีดำในมือขึ้น!
ชั่วขณะถัดมา ดาบก็คล้อยลงมา!
เสียงปะทะเสียดสีอันแหลมเสียดหูดังขึ้น จากนั้นก็เห็นกงล้อพลันแบ่งจากหนึ่งกลายเป็นสอง แฉลบผ่านทั้งสองฟากร่างของเฟิงอวิ๋นเซิงผ่านไป ลอยกระเด็นออกไปทางด้านหลังไกลลิบ แล้วจึงตกกระแทกลงที่พื้น
ครั้นดาบหนึ่งของเฟิงอวิ๋นเซิงออกไป เท้าแตะลงแผ่วเบา ทั้งกายลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า แล้วจึงตกลงมาราวกับฝนดาวตก!
พริบตาเดียวขนาบชิดเบื้องหน้าคู่ต่อสู้คนหนึ่ง คมดาบอันเย็นเยียบบ้าระห่ำบุกหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ ฟันลงจากเหนือศีรษะ จากนั้นกดลงต่อเนื่อง ผ่าคู่ต่อสู้ผู้นั้นจากกึ่งกลางตามแนวแบ่งจากหนึ่งเป็นสองซีก!
ท่าทางเหี้ยมโหดเช่นนี้ ออกมาจากมือของสาวงามแฉล้ม ขั้วตรงข้ามเด่นชัดจนทำให้ทุกคนต่างต้องชายตามอง
กระนั้นหลังคมดาบผ่าลงมาสังหารศัตรูคนนี้ เฟิงอวิ๋นเซิงกลับไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
ราวกับว่าเคยชินจนเห็นเป็นเรื่องปกติ นางพลิกหมุนฝีเท้า กระโจนเข้าหาคู่ต่อสู้อีกคนหนึ่งโดยไม่มีความลังเลใดๆ
พ่านพ่านตามติดอยู่หลังกายเฟิงอวิ๋นเซิง ถึงแม้ว่าแท้จริงแล้วพลังของมันตอนนี้จะแกร่งกว่าเฟิงอวิ๋นเซิงก็ตาม ทว่าเมื่อเห็นภาพฉากนี้ ดวงตากลมโตทั้งสองข้างก็พลันกะพริบปริบๆ หดคออันอ้วนท้วนลงตามใต้จิตสำนึก
คนอื่นๆ ตามหลังมาติดๆ สามารถตามฝีเท้าของตนได้ทัน เยี่ยนจ้าวเกอในฐานะคมดาบ ก็ฝ่าทะลวงอยู่เบื้องหน้าไม่หยุดยั้ง รับหน้าที่เบิกทาง
เมื่อมีคนอยู่ด้านบน ปีกเซียนกระเรียนบนไหล่เยี่ยนจ้าวเกอพลันพลิกขึ้น กลายเป็นปีกนกสองข้าง ปลายขนนกกระเรียนประดุจคมดาบก็ไม่ปาน พุ่งกระจายออกไปทางพื้นที่ขนาดใหญ่ตรงหน้า โจมตีจนศัตรูจนเป็นรูพรุน
ชายหนุ่มค่อยๆ เข้าใกล้เจดีย์สูงอันเป็นศูนย์กลางมหาค่ายกลแดนมาร ที่แห่งนี้เริ่มก่อตัวเป็นมิติอิสระ แสงสีแดงสาดส่องไปทั่ว แปรเปลี่ยนโดยรอบให้กลายเป็นโลกสีแดงผืนหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าขึ้นมองลวดลายค่ายกลสีดำแต่ละสายที่คล้ายโซ่เหนือศีรษะเหล่านั้น จากนั้นกระโจนลอยตัวขึ้น
กระบองหินสั้นเล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือ ครั้นปะทะก็พลันขยายใหญ่ พริบตาเดียวกลายเป็นเสาทางเดินวังเทพขนาดมหึมา
เยี่ยนจ้าวเกอยกชูเสาทางเดินวังเทพมาถึงยังด้านบนลวดลายค่ายกลที่ตัดสลับกัน หลังจาดคลายมือหนึ่ง เสาทางเดินวังเทพก็หล่นลงมา
ลวดลายค่ายกลทุกสายเบื้องล่าง ทยอยขาดสะบั้นฉับพลัน!
ลวดลายค่ายกลทุกสายขาดกระจุย เจดีย์สูงสีทองที่เดิมทีก็งไม่เสถียรได้รับแรงสั่นคลอนเช่นกัน สั่นสะเทือนขึ้นมา
แสงแดงในโลกหล้าโดยรอบมลายหายทันใด แม้แต่ไอมารก็กระจายหายไปมากเช่นกัน
พลังของมหาค่ายกลแดนมารอ่อนแอลงทันที พาให้จอมยุทธ์กว่างเฉิงคนอื่นๆ ที่ยังคงไล่สังหารอยู่ภายในมหาค่ายกล เพิ่มความเร็วไล่สังหารได้เป็นเท่าทวีคูณ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศทางที่มหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณหลายคนนำทัพ ชั่วเสี้ยวขณะก็บุกหน้าราวผ่าไผ่ สังหารจนถึงเขตศูนย์กลางค่ายกล
เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่บนเสาทางเดินวังเทพ ทุบลวดลายค่ายกลแต่ละสายขาดสะบั้น ทว่าเสาทางเดินวังเทพยังไม่ทันตกถึงพื้น ด้านบนเหนือศีรษะพลันมืดมน แสงสลัวลงไป
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไป เขาแลเห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งกวัดแกว่งดาบจู่โจมมาทางตน พลังดาบที่ฟาดลงมา ประหนึ่งภูเขาใหญ่ทอดยาวถล่มลง!
พลังปราณดั้งเดิมมหาศาลแปรผันจากลวงเป็นแท้ ก่อตัวเป็นหินผานับไม่ถ้วนจริงๆ อย่างคาดไม่ถึง ใช้อานุภาพภูเขาทลายเคลื่อนไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ
มหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ ประมุขตระกูลหวัง!
สีหน้าท่าทางเยี่ยนจ้าวเกอไม่แปรเปลี่ยน แสงอสนีบาตในดวงตาขวาพลันพลุ่งพล่าน ปรากฏเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าที่แปรสภาพเป็นรูปลักษณ์ไข่มุกวิเศษสีม่วงออกมา
เสียงเปรี้ยงปร้างดังสนั่นหวั่นไหว แสงสายฟ้าสีม่วงอมน้ำเงินกระหน่ำ หั่นหินผาเบื้องหน้าแหลกกระจุย
ประมุขตระกูลหวังยังรอบุกอีกหน เสียงลมกระโชกแรงดังขึ้นข้างหู ประกายดาบน่าพรั่นใจราวกับจะทลายเปิดความว่างเปล่าปรากฏขึ้น ฟันมาทางเขา!
วิชาสืบทอดของเขากว่างเฉิง หนึ่งในยอดวิชาแปดพิภพ ดาบเทพผสานปราณ!
กลับเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณของสำนักเขากว่างเฉิงท่านหนึ่ง ที่มุ่งสังหารมาถึงแล้ว!
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มน้อยๆ ครั้งนี้เขาไม่ได้มายังศูนย์กลางค่ายกลแห่งนี้ตัวคนเดียว
ชายหนุ่มเหยียดมือยกเสาทางเดินวังเทพขึ้น เปลี่ยนย้ายทิศทาง ทุบทำลายลวดลายค่ายกลอีกหลายสาย ทำให้มหาค่ายกลแดนมารอ่อนกำลังลงอีกขั้น เจดีย์สูงสีทองเริ่มโยกคลอนไม่มั่นคง แสงประตูสีแดงยิ่งแทบจะดับสูญ
จอมยุทธ์กว่างเฉิงในสนาม กุมความได้เปรียบขึ้นเรื่อยๆ ชัยชนะได้กลายเข้ามาแล้ว
บนท้องฟ้าเหนือดินแดนบรรพชนตระกูลหวัง ซือหม่าฉุย ‘ราชันมังกร’ ยิ่งถูกสือเถี่ยบีบจนเท้ายืนไม่ติดพื้น ได้เพียงแต่พยายามเคลื่อนที่ตลอดเวลาถ่วงเวลาออกไป
หลังเยี่ยนจ้าวเกอทุบลวดลายค่ายกลสายหนึ่งแหลกอีกครั้ง เขาก็หยุดมือ แล้วกระโดดไปบนยอดเสาทางเดินวังเทพ สายตาเพ่งมองเจดีย์สูงสีทององค์นั้น
อาหู่ยืนอยู่ข้างเสาหินหนาใหญ่ เงยหน้าขึ้นมองด้านบน “คุณชาย มีอะไรหรือขอรับ?”
“มีบางอย่างผิดปกติ” เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตา “ราบรื่นเกินไปแล้ว…”
ชายร่างใหญ่เกาศีรษะ “บางทีอาจจะเป็นเพราะเขากว่างเฉิงไม่มีไส้ศึกแล้ว อีกฝ่ายไม่ล่วงรู้ถึงแผนการของพวกเรา ฉะนั้นเมื่อถูกโจมตีจึงแพ้พ่ายในทันใดกระมัง?”
เยี่ยนจ้าวเกอมองรอบๆ ทั้งสี่ด้าน “จอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตที่อยู่ภายในศูนย์กลางค่ายกลแห่งนี้ โดยส่วนมากเป็นจอมยุทธ์ของตระกูลหวัง ไม่พบเห็นมหาปรมาจารย์ของสำนักเขานิมิตทมิฬ กำลังอันฮึกเหิมของสำนักเขานิมิตทมิฬ แท้จริงแล้วมีเพียงปรมาจารย์ขั้นฝ่านภาผู้นั้นที่ตายด้วยเงื้อมมือของข้า ตรงรอบนอกมหาค่ายกลเท่านั้น ”
อาหู่ตะลึงลาน “มีการดักซุ่มกำลังจะตีล้อมพวกเรา?”
ชายหนุ่มส่ายศีรษะ “ยอดฝีมือสำนักเราที่รับหน้าที่ระแวดระวังอยู่รอบนอก ผู้อาวุโสสูงสุดเกาะทรายจับตามองอยู่โดยเฉพาะ คิดจะล้อมโจมตีพวกเราไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
ขณะครุ่นคิดไปพลาง เส้นสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอตกไปบนเจดีย์สูงสีทองนั่นอีกครั้ง
————————