ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 319 เป้าหมายเร่งด่วน
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าร่วมตลอดทั้งพิธี สวีเฟยและอิงหลงถูก็ยืนอยู่ข้างกายเขา
ศิษย์สืบทอดหลักกว่างเฉิงทั้งสอง ถอดชุดคลุมสีน้ำเงินแถบดำที่ปกติสวมอยู่ตลอดเวลาออก เหลือเพียงชุดขาวชั้นหนึ่ง หน้าผากคาดไว้ด้วยผ้าโพกสีขาว
ฮานหลงเอ๋อร์กำลังร่ำไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด ไม่อาจระงับอารมณ์ได้
ไม่เหมือนเช่นตอนที่บิดามารดาล่วงลับเวลานั้น เขาในตอนนี้สามารถเข้าใจความหมายแฝงของความตายได้แล้ว ชัดแจ้งว่าญาติอีกคนของตนเอง ได้จากตนเองไปแล้ว
ร่างสูงใหญ่ของสวีเฟยประหนึ่งรูปปั้นหิน โอบไหล่ของฮานหลงเอ๋อร์เอาไว้
ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ความรู้สึก ทว่านัยน์ตาพยัคฆ์แดงระเรื่อ ไม่ได้ห้ามปรามฮานหลงเอ๋อร์ให้หยุดร้องไห้สะอื้น เพียงแต่โอบกอดศิษย์น้องของตนเอาไว้แน่น ให้เด็กชายได้มีที่พึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอมองยังสวีเฟย “ศิษย์พี่สวี…”
สวีเฟยสูดลมหายใจลึกคำหนึ่ง สั่นศีรษะพลางกล่าว “วางใจได้ ข้าไม่เป็นไร”
ชายหนุ่มไม่ได้เอ่ยต่อไปอีก เขาแลมองบิดาของตน ส่งอาจารย์ลุงใหญ่สือเถี่ยเดินทางครั้งสุดท้ายเงียบๆ
ในช่วงท้ายของพิธีฝังศพทั้งหมด เส้นทางเชื่อมระหว่างทะเลสาบสวรรค์สร้างกับโลกภายนอกก็ปิดลงอีกครั้ง ตามการควบคุมของเยี่ยนตี๋
เยี่ยนจ้าวเกอและศิษย์สำนักเขากว่างเฉิงคนอื่นๆ ต่างมีสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมและเคารพ คำนับทางทะเลสาบสวรรค์สร้างเบื้องหน้าที่ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างเป็นจริงเป็นจัง
ซ่งเฉาและคนจากกลุ่มอิทธิพลอื่นที่เดินทางมาเข้าร่วมพิธี ต่างก็กึ่งคำนับพร้อมกัน
พิธีฝังศพสิ้นสุดลง ซ่งเฉาเดินมายังเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอกับสวีเฟย ถอนใจพลางกล่าว “ทุกท่านโปรดอย่าได้เศร้าโศกเลย”
เยี่ยนจ้าวเกอและสวีเฟยล้วนพยักหน้า ชายหนุ่มมองซ่งเฉา เอื้อนเอ่ยเสียงเบา “ท่านประมุขซ่งมีวาจาใดฝากศิษย์พี่ซ่งมาหรือ?”
“สำนักจัดพิธีศพ ศิษย์พี่ซ่งคงเข้าใจดีเป็นแน่ ตลอดจนตอนนี้ล้วนยังไม่ได้เอ่ยถึง ข้ารู้สึกได้ถึงน้ำใจอย่างเต็มเปี่ยม ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังมีขั้นตอนหัวและท้ายอยู่บ้าง แต่พิธีฝังศพโดยหลักๆ นับว่าเสร็จสิ้น หากศิษย์พี่ซ่งมีธุระ สามารถกล่าวมาตรงๆ ทั้งหมดได้ หากต้องการพบท่านพ่อกับท่านอาจารย์ปู่ ข้าก็สามารถเล่าความต้องการของท่านต่อได้เช่นกัน”
ความเศร้าโศกเจ็บปวดในใจคงไม่หายไปรวดเร็วปานนั้น เพลิงโทสะต่อศัตรูยิ่งจะสะสมบ่มเพาะไม่หยุดยั้ง
ทว่าการที่ผู้วายชนได้ล่วงลับไปแล้ว ผู้มีชีวิตต้องอยู่เดินหน้าต่อ ไม่ได้หมายความว่าจะลืมเลือนผู้ที่จากไป ไม่ได้หมายความว่าจะเอาแต่จมอยู่ในอารมณ์ความรู้สึกแง่ลบยากถอนตัวเพียงอย่างเดียว
บางเรื่องเมื่อมาถึงตรงหน้าแล้ว ในที่สุดแล้วก็ต้องจัดการให้ทันกาลอย่างใจเย็น
มุมานะบากบั่นรุดหน้า เพื่อที่จะไม่สูญเสียไปมากกว่านี้
ซ่งเฉาได้ยินดังนั้น เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไปเช่นกัน พยักหน้ายอมรับอย่างเยือกเย็น หากแต่ต่อจากนั้นก็สั่นศีรษะอีก “ตัวข้าเองมีเรื่องจะขอให้ศิษย์น้องเยี่ยนช่วยเหลือจริงๆ แต่หาใช่เรื่องใหญ่และคับขันไม่ เพียงแต่เอ่ยถึงก่อนพิธีฝังศพ ก็ไม่เหมาะไม่ควรอยู่บ้าง”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ศิษย์พี่พูดตรงไปตรงมาเลยก็ได้”
“สำนักเจ้ากวาดล้างสำนัก ปราบประมุขภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตซินตงผิงราบคาบ ไม่ทราบได้รับสิ่งของอะไรบ้าง?” ซ่งเฉาเอ่ยถาม
“ข้าหมายถึง ของที่ปกติยากยิ่งจะรวบรวม ของเฉพาะถิ่นจากปฐพีพิภพ”
“ศิษย์พี่ซ่งต้องการสิ่งของอะไรอย่างนั้นหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยถามด้วยความสงสัยอยู่บ้าง
ซ่งเฉากล่าวอธิบาย “เป็นศิลาวิเศษเฉพาะถิ่นชนิดหนึ่ง มีชื่อว่าศิลาภูตไม่ดับสูญ ผลิตขึ้นเฉพาะที่ปฐพีพิภพ พื้นที่อื่นล้วนหามีไม่ กาลก่อนมีผลิตอยู่ที่ปฐพีพิภพเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น”
เยี่ยนจ้าวเกอแหงนหน้าขึ้นใคร่ครวญ ในความทรงจำเขา ในบรรดาทรัพย์สินของซินตงผิง คลับคล้ายว่าก็มีสิ่งของนี้อยู่
ซ่งเฉาที่อยู่ข้างๆ กล่าวต่อไปว่า “ข้ายินดีนำของสิ่งอื่น แลกเปลี่ยนศิลาภูตไม่ดับสูญ ส่วนเรื่องราคา ข้าจะให้ศิษย์น้องเยี่ยนพึงพอใจ”
ขอบเขตอำนาจในสำนักเขากว่างเฉิงของเยี่ยนจ้าวเกอในขณะนี้ การจัดการทรัพย์สินที่ยึดมาได้จากซินตงผิงนั้น ย่อมไม่มีปัญหาเลยทั้งสิ้น
อีกทั้งทางฝั่งเมืองทะเลมรกตและวารีพิภพนั้น ยังมีสิ่งของที่เขาต้องการจริงๆ
หากแต่ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเปิดเผยเป้าหมายของตนเองเร็วเกินไป เยี่ยนจ้าวเกอจึงกล่าวไปว่า “เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ ตอนนี้ทรัพย์สินของซินตงผิง ท่านพ่อข้าเป็นผู้จัดการ ศิษย์พี่ซ่งสามารถตามข้าไปพบท่านพ่อ อธิบายสถานการณ์”
“แต่ไรสองตระกูลท่านและข้าต่างก็มีสัมพันธ์อันดี หากมีศิลาภูตไม่ดับสูญจริง เช่นนั้นก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
ซ่งเฉาผงกศีรษะ “ต้องรบกวนผู้อาวุโสเยี่ยนแล้ว”
ก่อนหน้านี้เขาก็ได้พานพบเยี่ยนตี๋แล้วเช่นกัน ทว่าไม่ได้เอ่ยเรื่องศิลาภูตไม่ดับสูญ บัดนี้พบหน้าอีกหน จึงอธิบายสถานการณ์ทันที
เยี่ยนตี๋ได้รับกระแสปราณจิตราของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว จึงกล่าวว่า “มีศิลาภูตไม่ดับสูญอยู่จริงไม่ผิด แต่มีจำนวนค่อนข้างจำกัด ไม่ทราบสหายน้อยซ่งต้องการมากน้อยเพียงใด?”
ซ่งเฉาเอ่ยตอบ “สามตารางฉื่อก็เพียงพอขอรับ”
“เช่นนั้นทางสำนักมีจำนวนเพียงพอ สามารถให้สหายน้อยซ่งได้” เยี่ยนตี๋พยักหน้า
“สำนักผ่านเคราะห์ใหญ่ เสื่อมทรุดหนักรอการฟื้นฟู ต้องการทรัพยากรของจำนวนมากอย่างเร่งด่วน แท้จริงแล้วอยากจะแลกเปลี่ยนของกับสำนักท่านมากกว่านี้สักหน่อย ตัวข้าก็หมายมั่นส่งสารผ่านสหายน้อยซ่งไปยังพ่อของเจ้าเช่นกัน”
การแลกเปลี่ยนระหว่างสองสำนักนั้น ก็ไม่ใช่ของอย่างสองอย่างแล้ว หากแต่มากมายหลายชนิด ปริมาณที่ต้องการก็มหาศาลเช่นกัน
ซ่งเฉารีบสำทับ “ข้าจะส่งข่าวกลับเมืองทะเลมรกตทันที”
เยี่ยนตี๋กล่าว “เช่นนี้ยอดเยี่ยมอย่างที่สุด”
เมื่อส่งซ่งเฉากลับที่พำนักที่จัดเตรียมไว้ให้ชั่วคราวแล้ว บุตรบิดาเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ทั้งสองก็นั่งประจันหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเอง พลางเอ่ยขึ้นว่า “แทรกของที่ข้าต้องการ ไว้ในรายการสิ่งของของสำนักก็พอ”
“นี่แน่นอนอยู่แล้ว” เยี่ยนตี๋เอ่ยถาม “เจ้าคิดว่า นี่เป็นของที่ซ่งเฉาต้องการเองหรือไม่?”
บุตรชายกล่าวตอบ “ข้าคิดว่าไม่ใช่ซ่งเฉาคนเดียว แต่เป็นไปได้มากกว่าว่าเป็นของที่เมืองทะเลมรกตจะต้องการ”
เยี่ยนตี๋เอื้อนเอ่ย “ซ่งเฉาไม่สะดุดตาเหมือนเจ้าขนาดนั้น เขาเสาะหาสิ่งของอะไร คนจำนวนมากไม่แน่ว่าจะใส่ใจ กลับจะเดินทางมาอย่างปกปิดมากกว่าตั้งรถม้าแลกเปลี่ยนค้าขายเสียด้วยซ้ำไป”
“ผู้คนใต้หล้าล้วนรู้ดีว่าเจ้าสามารถหมุนเวียนใช้ทรัพยากรโดยส่วนใหญ่ของสำนักได้ตามต้องการ เขามาหาเจ้าให้ช่วยเหลือ ติดต่อเป็นส่การวนตัว ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางพลางเอ่ย “ข้าไม่ได้รับปากเขาไปเลยทันที แต่พาเขามาหาท่าน เขาก็น่าจะรู้ว่าความคิดอาจเปิดเผย ถูกพวกเรามองความจริงออกกระมัง?”
“แน่นอนว่าคิดเช่นนั้นได้” เยี่ยนตี๋กล่าว
ชายหนุ่มเคาะนิ้วบนพื้นโต๊ะด้านข้างเบาๆ “ศิลาภูตไม่ดับสูญ ศิลาภูตไม่ดับสูญ…เมืองทะเลมรกตต้องการของสิ่งนี้ไปทำอะไรเล่า?”
“ถ้าหากคิดไม่ออกว่าในช่วงเวลาอันสั้นนี้ว่าอีกฝ่ายต้องสิ่งใด ต้องการทำอย่างไร กระนั้นลองคิดๆ ดูก็ได้ว่าอีกฝ่ายขาดอะไร ต้างการสิ่งใดเร่งด่วน…” นิ้วเยี่ยนจ้าวเกอที่เคาะบนโต๊ะหยุดนิ่งลง ก่อนจะหันศีรษะไปมองบิดาของตน บุตรบิดาทั้งสองเปิดปาก โพล่งสองพยางค์ออกมาพร้อมกัน
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์!”
ถึงแม้ว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะทำมาตรสุริยันวัดสวรรค์หายไปแล้ว ทว่าพลังความสามารถและระดับพลังฝึกปรือของหวงกวงเลี่ยเองกลับพัฒนารุดหน้าขึ้นอีกขั้นได้สำเร็จ
ทางด้านสำนักเขากว่างเฉิง หยวนเจิ้งเฟิงยิ่งผ่าขั้นบรรลุธรรมสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ กลายเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อีกคนหนึ่งในโลกแปดพิภพปัจจุบัน ขณะเดียวกันยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชุดคลุมนภาอยู่ในมือ
สำนักเขากว่างเฉิงในตอนนี้ได้แทนที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงหนึ่งเดียวในโลกแปดพิภพยุคปัจจุบัน ที่มีทั้งจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์รักษาการณ์ ทั้งยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์คุ้มกันสำนัก
เป็นหนึ่งในหกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่เช่นกัน สำนักเขากว่างเฉิงกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ กลับล้ำเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นทั้งสี่ขั้นหนึ่งแล้ว
มีเขากว่างเฉิงจำกัดสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าเมืองทะเลมรกตย่อมผ่อนลมหายใจได้คำหนึ่ง ไม่เช่นนั้นหากให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ศัตรูคู่แค้นกดอัดทั่วหล้า รวมแปดพิภพเป็นหนึ่งล่ะก็ เมืองทะเลมรกตยอมพร้อมใจไปกระโดดลงทะเล
กระนั้นพันธมิตรสามพิภพนภา ภูผา และวารีที่กาลก่อนแต่ไรมาประหนึ่งพี่น้อง ร่วมกันทำเพื่อประชาราษฎร์ จากนั้นฝ่ายหนึ่งในนั้น พลันมีแนวโน้มเปลี่ยนจากพันธมิตรเป็นผู้นำ นี่จึงยากที่จะไม่ให้อีกสองพิภพไม่ไว้วางใจ
อย่างน้อยก็ยิ่งบีบให้คิดอยากยกระดับพลังความสามารถตนเองเป็นแน่
เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “เหตุวุ่นวายของปีศาจอัคคีเหนือทะเลตะวันออก ล้วนยังไม่ได้คลี่คลายโดยสิ้นเชิง ก็กุลีกุจอมาเสาะหาศิลาภูตไม่ดับสูญแล้ว เมืองทะเลมรกตช่างรีบร้อนกับเรื่องนี้เสียนี่กระไร”
……………