ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 346 บ่อเลือดทอแสง ลมทมิฬแหวกฟ้า
สิ่งของที่เลียนแบบผลึกโปร่งแสงมีชื่อว่าจิตแก้ว เยี่ยนจ้าวเกอหลอมขึ้นผ่านเตาผลึกหินชั้นในโดยใช้ของล้ำค่าหลายชนิดเป็นวัตถุดิบหลัก
ตรงหน้าเดิมทีเป็นบ่อน้ำพุร้อนสีน้ำเงินอันหายากยิ่ง มีชื่อว่าน้ำพุข้ามชั่วยาม ต้องเป็นสถานที่ที่หนาวสุดขีดเท่านั้นถึงจะมีโอกาสเกิดขึ้น
น้ำพุข้ามชั่วยามมีจุดน่าอัศจรรย์อยู่ นั่นก็คือขึ้นชื่อในเรื่องเป็นพลังชีวิต ที่สามารถฟื้นฟูชีวิตได้
เพียงแต่นี่คือบ่อน้ำใต้ดิน จึงกักเก็บพลังวิญญาณไว้ด้านใน ทำให้คนทั่วไปหาเจอได้ยาก
การกำเนิดน้ำแร่เป็นผลงานจากการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน อยากได้มาครอบครองเป็นเรื่องยากยิ่ง ต้องอาศัยโชคชะตานำพาเท่านั้น
ก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอจะมายังที่ราบหิมะแดนเหนือ หนึ่งในเป้าหมายหลักของเขา ก็คือการตามหาน้ำพุข้ามชั่วยามนี้
บ่อน้ำพุร้อนแปลกประหลาดนี้สำคัญยิ่งนัก เพราะมีส่วนสำคัญในการรักษาสือจวินและอิ๋งอวี่เจินสองแม่ลูก
พลังวิญญาณที่แฝงอยู่ในน้ำพุข้ามชั่วยามมีช่วงเวลาขึ้นและลงอย่างเป็นวัฏจักร เหมือนกับปรากฎการณ์น้ำขึ้นน้ำลง
หลังจากพลังอยู่ในระดับสูงสุด ก็จะลดพลังให้ต่ำลง แต่เมื่อพลังกำลังหมด กลับมีระดับพลังจะสูงขึ้นกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่มาถึง พวกเขาทำลายพื้นที่ และเจอน้ำพุวิญญาณเข้า ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณ และคาดการณ์ได้ว่าพลังวิญญาณของน้ำพุแห่งนี้ยังไม่ถึงระดับสูงสุด
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พลังวิญญาณของน้ำพุไม่อาจสนับสนุนแผนการของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาจึงได้แต่ผนึกพลังวิญญาณของมันไว้ จากนั้นก็ไปจัดการเรื่องอื่นก่อน
เมื่อนับวันดู พลังวิญญาณของน้ำพุควรจะเลื่อนสู่ระดับสูงสุดได้ในเร็ววัน
ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอมองอีกครั้ง พลังวิญญาณที่แฝงอยู่ในน้ำพุข้ามชั่วยามนี้เต็มเปี่ยมมากกว่าก่อนหน้า
หลังจากใส่จิตแก้วลงในน้ำพุ ชายหนุ่มก็เห็นสีเดิมของน้ำพุ กลายเป็นสีแดงฉานดุจเลือด
ในที่ราบหิมะอันหนาวเหน็บแห่งนี้ น้ำพุร้อนกลับยิ่งเดือดพล่าน ไอน้ำร้อนระอุลอยขึ้นมา ดูแล้วเป็นสีแดงเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอจ้องมองน้ำพุวิญญาณสีแดงเลือดอย่างละเอียด เขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณที่อยู่ด้านใน หลังจากคำนวณในใจครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ในสายตาปรากฏความเคร่งขรึม
อาหู่สังเกตเห็นสีหน้าของคุณชายแล้ว จึงถามอย่างระมัดระวัง “คุณชาย มีปัญหาอะไรหรือขอรับ”
ชายหนุ่มไม่ปิดบัง ขมวดคิ้วพลางกล่าว “พลังวิญญาณที่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นปราณคืนชีพ ซึ่งแฝงอยู่ในน้ำพุข้ามชั่วมีน้อยเกินไป…”
เดิมทีพลังวิญญาณของน้ำพุข้ามชั่วยามไม่มีประโยชน์ในแผนการของเยี่ยนจ้าวเกอ
แต่เมื่อเปลี่ยนพลังวิญญาณในน้ำพุให้กลายเป็นปราณคืนชีพผ่านวิธีการพิเศษ จะก่อให้เกิดผลลัพธ์น่าทึ่งใกล้เคียงกับการคืนชีพ
กระนั้นก็ยังมีปัญหาบางอย่าง น้ำพุข้ามชั่วยามแต่ละแห่งมีอัตราการเปลี่ยนแปลงพลังวิญญาณ จนกลายเป็นปราณคืนชีพไม่เท่ากัน
สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกโชคร้ายก็คือ น้ำพุข้ามชั่วยามที่ตนเจอเป็นประเภทที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างต่ำ
‘เกรงว่า…เพียงพอสำหรับคนเพียงคนเดียวกระมัง” หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดในใจ เขาก็สรุปคร่าวๆ ว่า “อาการของพี่สะใภ้อวี่เจินแย่กว่าเดิม ถ้าหากใช้กับนางอาจจะไม่พอ”
“หากใช้กับเสี่ยวจวินเอ่อร์ คงจะพอใช้ได้ มีหวังให้มันคืนชีพเขาได้เก้าส่วน ทว่าใช้กับพี่สะใภ้เจินอวี่ ก็ไม่ต้องห่วงนางจะเสียชีวิตอีก แต่จะคืนชีพได้หรือไม่คงต้องแล้วแต่องค์เง็กเซียนกระมัง”
“แต่เกรงว่าพี่สะใภ้เจินอวี่คงจะรอไม่ได้แล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับ ‘ลองคิดดูให้ละเอียด ยังมีทางอื่นหรือไม่…’
อาหู่ทำหน้าหนักใจตาม “คุณชาย พวกเราลองขุดที่นี่ หาดูว่าที่อื่นมีน้ำพุข้ามชั่วยามอื่นอีกดีหรือไม่ขอรับ ที่ราบหิมะแดนเหนือมีพื้นที่ใหญ่ขนาดนี้ ไม่แน่อาจจะหาเจออีกก็เป็นได้”
ชายหนุ่มส่ายหน้า พลางมองที่ราบหิมะที่เปล่าเปลี่ยว “ถึงที่นี่จะมีพื้นที่กว้างใหญ่ ทั่วไปแล้วน้ำพุข้ามชั่วยามเกิดขึ้นได้ยาก หากน้ำพุร้อนแห่งนี้เหือดแห้ง ต้องรออีกหลายปีทีเดียว ธรรมชาติถึงจะให้กำเนิดน้ำพุวิญญาณใหม่อีกครั้ง”
“ปัญหาอยู่ที่ จวินเอ๋อร์กับพี่สะใภ้เจินอวี่รอได้นานถึงเพียงนั้นหรือไม่ ยากจะพูดนัก”
เยี่ยนจ้าวเกอนำถุงย่อส่วนออกมาสองใบ ใช้บรรจุสิ่งของสองอย่างโดยเฉพาะ
นั่นก็คือโลงศพน้ำแข็งที่บรรจุร่างกายของอิ๋งอวี่เจินและสือจวิน
เขานำโลงศพน้ำแข็งทั้งสองออกมาจากในถุงย่อส่วน มองดูใบหน้าที่คล้ายหลับสนิทของคนทั้งสองในโลงเหล่านั้น
“คุณชาย ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ช่วยพี่สะใภ้อวี่เจินก่อนเถอะ” อาหู่กล่าวเสียงเบา “หากเป็นตามที่ท่านพูด เกรงว่าพี่สะใภ้เจินอวี่จะรอการกำเนิดของน้ำพุข้ามชั่วยามแห่งที่สองไม่ได้”
เยี่ยนจ้าวเกอกอดอก ตั้งใจมองดูบ่อน้ำร้อนที่กลายเป็นสีแดงฉานด้านล่าง หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้ว ถึงกล่าวออกมาว่า “ลองดูแล้วกัน สถานการณ์อาจจะดีกว่าที่ข้าคาดไว้ก็ได้”
พูดจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็เปิดฝาโลงศพน้ำแข็ง
ผนึกของโลงศพน้ำแข็งคลายออก อาการของสือจวินยังดีอยู่ แต่สีหน้าของอิ๋งอวี่เจินปรากฏความอ่อนระโหย
สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอไม่เปลี่ยนแปลง สองมือใช้ปราณจิตราม้วนร่างกายของสือจวินสองแม่ลูกเอาไว้ แล้วพาออกมาจากโลงศพน้ำแข็ง
ท่ามกลางเสียงหวีดหวิวของลมหนาว ปราณจิตราส่องแสงสีขาวดูเยือกเย็นยิ่งกว่าพายุน้ำแข็ง
ถึงแม้สีหน้าของสือจวินสองแม่ลูกจะยังคงซีดขาว แต่ปราณจิตราทำให้เค้าความอิดโรยได้หายไปแล้ว
“ยังจำสิ่งที่ข้าสอนให้เจ้าก่อนหน้าได้หรือไม่?” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยขึ้น
อาหู่ตอบอย่างจริงจัง “คุณชายมิต้องห่วง ข้ายังจำได้”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า มิได้พูดอันใดอีก แต่ใช้ปราณจิตราวางร่างของสือจวินกับอิ๋งอวี่เจินลงในบ่อน้ำพุร้อนสีแดงฉาน
อีกด้านหนึ่ง อาหู่หยิบเสายาวออกมาสองต้น ยอดเสาแต่ละต้นมีตะเกียงสีทองอยู่หนึ่งดวง
ปลายเสาทั้งสองถูกส่งลงไปในน้ำพุข้ามชั่วยาม เสาลอยอยู่ในน้ำแร่โดยไม่เอียงและไม่จม
ร่ายกายของสือจวินกับอิ๋งอวี่เจินกลับจมลงไปในน้ำพุร้อนจนหมด
อาหู่ใช้ปราณจิตราของตนเองควบคุมเสาสองต้นให้ลอยอยู่เหนือร่างกายของสองแม่ลูกอย่างระมัดระวัง
เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณ เขาดีดนิ้วเบาๆ ครั้งหนึ่ง ตะเกียงบนยอดเสาพลันส่องสว่าง
แสงไฟปรากฏเป็นสีเงินยวงแปลกประหลาด ขณะที่ตะเกียงสีทองส่องแสงละลานตาออกไปด้านนอก เดี๋ยวจมเดี๋ยวลอยอยู่ในน้ำแร่สีแดงฉาน
ปลายเสาไม่ได้จมลงไปในน้ำ ต่างสาดแสงสว่างใส่ทรวงอกของสือจวินและอิ๋งอวี่เจินที่อยู่ในน้ำ
เมื่อแสงสาดกระทบบนร่าง สือจวินสองแม่ลูกพลันตัวสั่นพร้อมกัน
ถึงแม้จะยังไม่รู้สึกตัว แต่บนหน้าคล้ายกับปรากฏสีเลือดขึ้นหลายส่วน
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าเคร่งขรึม มือซ้ายประสานมุทรา มือขวาตบออกด้านล่าง
น้ำแร่ในน้ำพุวิญญาณสีแดงฉานพลันเริ่มหมุนวน และกลายเป็นน้ำวนอย่างช้าๆ
ทว่าร่างกายของสือจวินและอิ๋งเจินอวี่ รวมถึงเสาสองต้นนั้นกลับไม่เคลื่อนไหว ยังคงลอยนิ่งอยู่ในน้ำ
เยี่ยนจ้าวเกอมองสภาพน้ำพุร้อนสีเลือดกับสองแม่ลูกที่อยู่ใต้น้ำอย่างเงียบสงบ จากนั้นผลักมืออกตามลำดับ ปราณจิตราสายแล้วสายเล่าพุ่งลงด้านล่างก่อนหลัง ชายหนุ่มดำเนินการอย่างระมัดระวัง
หลังจากเวลาผ่านไป สีเลือดของน้ำพุร้อนก็ค่อยๆ จางลง
ชายหนุ่มตั้งสมาธิดำเนินพิธีการในน้ำพุร้อนอยู่หลายวันหลายคืน
ส่วนอาหู่คอยเฝ้าระวังอยู่ใกล้ๆ อย่างเงียบสงบ
ในวันหนึ่ง ตอนที่กำลังจะผ่านไปอีกคืน แสงอรุณกำลังจะปรากฏขึ้นมา สีหน้าของอาหู่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
ไกลออกไป มีลมสีดำพัดขึ้นครอบคลุมท้องฟ้า
เยี่ยนจ้าวเกอครั้งนี้เงยหน้ามองไป พลางหรี่ดวงตาทั้งสองข้าง ‘เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณจากเขานิมิตทมิฬ เขาไม่คำนึงถึงร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งเช่นพวกตำหนักอัสนีสวรรค์ ที่ตั้งใจหาเรื่องพวกเราโดยเฉพาะ’
…………