ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 351 เสพสุขกับชัยชนะ
โลกแปดพิภพในปัจจุบันมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่อย่างจำกัด อีกทั้งยังหายาก อาวุธวิญญาณระดับสูงจึงนับเป็นอาวุธที่เลิศล้ำที่สุดแล้ว
แม้จะไม่ได้มีจำนวนน้อยนิดจนต้องนับนิ้วเช่นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ทว่าอาวุธวิญญาณระดับสูงก็ยังคงล้ำค่าอยู่ดี
ในขณะเดียวกัน ตรงข้ามกับจำนวนอันน้อยนิด อานุภาพกับคุณสมบัติวิญญาณของอาวุธวิญญาณระดับสูงก็เหนือกว่าอาวุธวิญญาณระดับกลางมาก
ปัจจุบัน โลกแปดพิภพไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์จำพวกธนูอีกแล้ว ดังนั้นอาวุธวิญญาณระดับสูงอย่างธนูนภาอลหม่านจึงเป็นธนูที่ดีที่สุด นอกจากธนูยิงตะวันแล้ว อาวุธชนิดเดียวกันไม่อาจเทียบได้เลย
ถึงแม้ตอนนี้จะไร้เจ้าของ แต่คิดจะเก็บก็ยากเย็นอยู่ดี
ตอนหลินโจวควบคุมธนูนภาอลหม่าน เขาควบคุมมันได้เพราะการช่วยเหลือจากผู้อาวุโสแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์
อีกทั้งในตอนนี้ธนูนภาอลหม่านไม่ได้อยู่ในสภาพสงบ กลับคลุ้มคลั่งสุดขีด
สิ่งที่รู้สึกได้ แม้จะไม่ได้น่าพรั่นพรึงเช่นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ แต่ก็ทำให้จิตใจสั่นสะท้านได้อยู่ดี
อาหู่รู้ดี ว่าคุณชายของตนเคยเก็บอาวุธวิญญาณของผู้อื่น ขณะที่มีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกมาก่อน
ทว่าตอนนั้นมีอาวุธวิญญาณชิ้นอื่นช่วยเยี่ยนจ้าวเกอสะกดเป้าหมายไว้ เขาจึงทำสำเร็จอย่างง่ายดาย
แม้จะเป็นเช่นนั้น ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนตกใจจนตะลึงลาน อาหู่นับถือคุณชายของตัวเองยิ่งกว่าเดิม
แต่ตอนนี้ไม่มีอาวุธวิญญาณระดับสูงชิ้นอื่นช่วยสะกดธนูนภาาอลหม่านไว้ จึงไม่แปลกเลยที่อาหู่ ผู้มีจิตใจกล้าแกร่งงมาตลอดจะขาดความความมั่นใจ
พอได้ยินคำพูดของอาหู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ้มเล็กน้อย “ไม่ยาก”
เศษดวงตาราชันสายฟ้ากำลังหลับใหล ส่วนเสาระเบียงวังเทพสะกดซากมังกรอยู่ และเตากลืนดินมิอาจใช้พลังได้ด้วยตนเอง
กระนั้น ถึงแม้จะไม่มีการช่วยเหลือจากของล้ำค่าเหล่านี้ ทว่าพลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอในปัจจุบันก็เหนือกว่าอดีตมากนัก
เมื่อเข้าใกล้กับแสงสายฟ้าสีม่วงรุนแรง กลุ่มปราณที่คล้ายกับกำลังโกลาหลในร่างของเยี่ยนจ้าวเกอค่อยๆ กลายเป็นสายฟ้าแล้วเช่นกัน
สายฟ้าหลายสายไหลออกมาจากจุดลมปราณทั่วทั้งร่างของเขา จากนั้นก็เคลื่อนไหวกลางอากาศ
แต่มิใช่ว่าสายฟ้าจากทั้งสองฝ่ายจะหลอมรวมกันได้ เพราะเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะเข้าใกล้ธนูนภาอลหม่านได้ไม่ทันไร สายฟ้าจากทั้งสองฝ่ายก็ปะทะกัน ก่อให้เกิดเสียงระเบิดเปรี๊ยะๆ ดูน่าตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
ไม่นานหลังจากนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ปรับทิศทางของปราณจิตราสายฟ้าในร่างของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลอมรวมกับธนูนภาอลหม่านที่ไร้เจ้านาย
ครั้นมาถึงขั้นสุดท้าย เยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้ามาใกล้ธนูนภาาอลหม่านได้สำเร็จ จากนั้นก็เอื้อมมือคว้าอาวุธวิเศษระดับสูงไว้
คันธนูสั่นไหวอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง สายธนูส่งเสียงดังหึ่งๆ คล้ายกับเสียงฟ้าร้องลั่นทั่วท้องนภา
เยี่ยนจ้าวเกอใช้สองมือกำตัวธนูนภาอลหม่าน เคลื่อนไหวสิบนิ้วพร้อมกัน การเคาะอย่างเป็นจังหวะคล้ายกับซ่อนท่วงทำนองอันมีเอกลักษณ์บางอย่างไว้
การสั่นสะเทือนของธนูนภาอลหม่านเริ่มหยุดลงอย่างช้าๆ ธนูที่เริ่มสงบลง คืนจากสภาพสูญเสียการควบคุม กลับสู่สภาพปกติ
อาหู่มองเหตุการณ์นี้พลางจุ๊ปากชมเชย “คุณชาย ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอระบายลมหายใจออก กำสายธนูแล้วดึงออกอย่างแรง
แม้จะมิได้พาดคันศร แต่ว่าพลังที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กลับปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
ชายหนุ่มปล่อยมือ สายธนูพลันสั่นไหว คล้ายกับกำลังก่อให้เกิดฟ้าผ่า ณ ที่ตรงนี้
เขาเห็นดังนั้นแล้วก็ยังไม่หยุดมือ พลันดึงสายธนูอีกสามหน ให้จิตวรยุทธ์ของตนเองหลอมรวมกับพลังและจิตของธนูนภาาอลหม่านอย่างเชื่องช้า เพื่อควบคุมธนูล้ำค่าคันนี้
ครู่ต่อมา เยี่ยนจ้าวเกอปล่อยมือ กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แกร่งกว่าอาชาฟ้าเสียอีก ย่อมใช้งานได้ยากกว่า”
ตอนนี้ธนูนภาอลหม่านสงบลงแล้ว พลังปราณถูกเก็บไว้ด้านใน แสงสายฟ้าสีม่วงที่เจิดจ้าค่อยๆ ริบหรี่ลง
เยี่ยนจ้าวเกอเก็บมันไว้ ก่อนจะกล่าวกับอาหู่ “พวกเราไปเถอะ เป้าหมายที่วางไว้ล้วนสำเร็จหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่เล่นกับคนของตำหนักอัสนีสวรรค์ที่นี่อีกต่อไป”
เป้าหมายของเยี่ยนจ้าวเกอในการมายังที่ราบแดนเหนือครั้งนี้ หลักๆ แล้วสามประการ
หนึ่ง หาวิธีรักษาอิ๋งอวี่เจินกับสือจวินสองแม่ลูก
สอง ยืนยันการคาดการณ์ที่เกี่ยวข้องระหว่างแกนน้ำแข็งใต้ดินกับแกนไฟใต้ดิน ด้วยวิธีการส่งผลกระทบถึงแกนน้ำแข็งใต้ดิน เพื่อกระตุ้นวังสุสานทะเลเพลิงที่อยู่ในอัคคีพิภพแดนใต้ ส่ง ‘ของขวัญ’ ให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์
สาม ดูว่าร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งทิ้งสิ่งของล้ำค่าอะไรไว้หรือไม่
บัดนี้เป้าหมายทั้งสามล้วนเสร็จสิ้น อีกทั้งยังเหนือความคาดหมาย ได้รับรางวัลอย่างคาดไม่ถึง ย่อมไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ
เยี่ยนจ้าวเกอพาอาหู่ออกจากที่ราบหิมะแดนเหนือ
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มุ่งหน้าไปทางตะวันตก กลับไปทางทิศตะวันออกแทน
ด้านตะวันออกของที่ราบหิมะแดนน้ำแข็งมีตำหนักอัสนีสวรรค์แทรกซึมอยู่มากกว่า ส่วนด้านตะวันตกได้รับผลกระทบจากเขาไร้พรมแดน
การมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกจะสามารถกลับเขากว่างเฉิงที่นภาพิภพผ่านภูผาพิภพได้ แต่ครั้งนี้ตำหนักอัสนีสวรรค์เสียหายอย่างใหญ่หลวง จึงต้องการล้อมจับเยี่ยนจ้าวเกอโดยเฉพาะ และต้องเตรียมป้องกันชายหนุ่มที่มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เอง การมุ่งหน้าไปทางตะวันออกย่อมดีกว่าย้อนกลับเส้นทางเดิม เป็นอีกครั้งแล้วที่ต้องเดินทางทางน้ำ
แน่นอนว่าระหว่างมุ่งหน้าจากทิศตะวันออกไปยังทะเลเหนือ จะต้องมีการขัดขวางจากจอมยุทธ์ของตำหนักอัสนีสวรรค์ ทว่าอีกฝ่ายก็ต้องเผชิญแรงกดดันจากเขาไร้พรมแดนและเมืองทะเลมรกต ยากจะบ่งชี้ได้ว่ามียอดฝีมือเพียงใด
เยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่เดินทางอย่างระมัดระวัง ระหว่างนั้นไม่พบอุปสรรคใด แม้จะเจอเรื่องน่าหวาดเสียวบ้างแต่ไร้อันตราย ได้กลับสู่ทะเลเหนืออีกครั้ง
เหตุที่ไปทางทิศตะวันออก เข้าสู่ทะเลเหนืออีกครั้ง เป็นเพราะระหว่างทางเยี่ยนจ้าวเกอพยายามเชื่อมเกล็ดมังกรที่แตกเป็นเสี่ยงๆ
เกล็ดมังกรเหล่านี้มีร่องรอยที่อยู่ของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอทำความเข้าใจอย่างละเอียด ก็พบว่าอาจหาเบาะแสร่องรอยของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งได้จากเกล็ดมังกร จึงมุ่งหน้าไปยังมหาสมุทร เพื่อตามหาความลับเหล่านี้
ในนี้ซ่อนอะไรไว้กันแน่ เยี่ยนจ้าวเกอตื่นเต้นยิ่ง
‘หมู่ดารารวมรวมกลุ่ม ฝูงมังกรลอดวารี หุบเหวเหมันต์บรรพกาล เกล็ดย้อนตะลึงจันทร์…’ เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ริมทะเลเหนือ หยิบกระสวยแหวกพิภพที่ซ่อมเสร็จออกมาจากในเตาผลึกหินชั้นใน แล้วนำอาหู่เดินมุ่งหน้าสู่ท้องทะเล ‘หรือเกล็ดมังกรที่เป็นเศษซากเหล่านี้ จะเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้?’
‘น่าเสียดายที่มันมิใช่ภาพต่อ คิดจะซ่อมแซมให้เหมือนเดิม จำเป็นต้องใช้เวลาและความพยายามไม่น้อย
เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิและกอดอก ก้มหน้าประกอบลองประกอบเศษเกล็ดมังกร ทว่าพวกมันยังคงอยู่ในสภาพเดิม ซีดเซียวและผุพัง
เขาส่ายศีรษะเล็กน้อย เก็บสิ่งของที่จำเป็นต้องทำความเข้าใจอย่างช้าๆ ไว้ก่อน แล้วกล่าวว่า “ดูของที่เห็นผลก่อนดีกว่า”
กระสวยแหวกพิภพลอยเหนือผิวทะเล เยี่ยนจ้าวเกอเปิดถุงย่อส่วนของตนเอง
เสาขนาดใหญ่สองต้นลอยออกมาจากในถุงย่อส่วน
เสาหินต้นหนึ่งคือเสาระเบียงวังเทพ ส่วนเสาน้ำแข็งต้นหนึ่งมีร่องรอยที่อยู่ของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง ด้านในแช่ซากมังกรแท้เอาไว้ตัวหนึ่ง
อาหู่มองซากมังกรตาปริบๆ “คุณชาย เราจะจัดการสิ่งนี้เช่นไรดี?”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต้องจัดการให้เหมาะสม นี่มิใช่แค่ผลประโยชน์ส่วนตัว มันจะทำให้สำนักก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง ถึงแม้จะเทียบอาวุธศักดิ์สิทธิ์และจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นร่างมังกร ภายในของมันแฝงคุณค่าไว้มากมาย”
พูดจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็จิ้มนิ้วลงบนเสาน้ำแข็งที่แช่แข็งร่างของมังกร จนเกิดเป็นรูละลายรูหนึ่ง
…………….