ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 361 ยากจะนับเฉกเช่นดาวจรัสฟ้า
เมื่อได้ยินคำถามของเยี่ยนจ้าวเกอ โอวหยางฉีก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด “ตอนที่อาจารย์พานางกลับมา นางชื่อว่าฉางหนิง”
เรื่องอื่นไม่ได้จำเป็นต้องพูดอีก เยี่ยนจ้าวเกอรู้แล้วว่าเพื่ออ้างกับคนภายนอก ฉางหนิงจึงกลายเป็นพี่น้องที่พลัดพรากจากโอวหยางฉีมานานปี
“พวกเจ้าเติบโตขึ้นมาด้วยกันที่ทะเลชั้นนอกหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
คำถามนี้โอวหยางฉีตอบกลับอย่างกระตือรือร้น “เท่าที่ข้าจำความได้ พวกข้าเติบโตขึ้นบนเกาะเมฆ อาจารย์ของข้าเป็นคนพบฉางหนิงตอนที่ยังแบเบาะ ขณะท่องเที่ยวที่ทะเลชั้นในทางใต้โดยบังเอิญ”
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในวัยเด็ก ใบหน้าของคนทั้งสองเหมือนกันทุกอย่าง ครั้นอาจารย์ของพวกเขาเห็นดังนั้น ย่อมต้องเกิดความรู้สึกสนใจ
เยี่ยนจ้าวเกอมองโอวหยางฉี “คำถามต่อไป นอกจากพวกเจ้าสองคนกับศิษย์น้องของข้าแล้ว พวกเจ้าเคยเจอคนที่เหมือนกันมาก่อนหรือไม่”
โอวหยางฉีนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวว่า “ยังมีอีกคน เป็นบุรุษเหมือนข้า มีพรสวรรค์ไม่เลวเช่นกัน แต่ว่าเนื่องจากไม่มีวาสนา มิได้ร่ำเรียนวรยุทธ์ จึงเป็นเพียงชาวประมงธรรมดาทั่วไป”
“ตอนที่พบเขาเป็นครั้งแรก ข้ารู้สึกตื่นตระหนกอย่างยิ่ง จึงไม่ได้ปรากฏตัวให้เขาเห็น ภายหลังคิดพาเขากลับไปพบอาจารย์ แต่เขากลับตายเพราะอุบัติเหตุทางทะเล”
ซือคงจิงมองโอวหยางฉี นางเข้าใจสภาพจิตใจในตอนนั้นของเขาได้เป็นอย่างดี
ตอนที่นางเจอฉางหนิงเป็นครั้งแรก ก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเช่นกัน สภาพนางไม่ได้ดีกว่าโอวหยางฉีเท่าไร
ถึงแม้จะเป็นซือคงจิงที่มีนิสัยใจเย็นและหนักแน่นมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก็ยากจะเผชิญกับความสะเทือนใจครั้งใหญ่
การต่อสู้ต่อครั้งใหญ่หลังจากนั้น สุดท้ายตกอยู่ในระดับถึงตาย ส่งผลกระทบถึงสภาพจิตใจอันไม่มั่นคงของนางอย่างยิ่งยวด
เยี่ยนจ้าวเกอถามต่อ “เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อใด”
“หนึ่งปีก่อน” โอวหยางฉีตอบ
ชายหนุ่มเงยหน้าเล็กน้อย คิดในในอยู่ครู่หนึ่งค่อยถามต่อ “พวกเจ้าศิษย์อาจารย์พบบางอย่างบนตัวผู้ตายกระมัง ดังนั้นหลังจากเจอศิษย์น้องของข้า จึงยอมเสี่ยงล่วงเกินเขากว่างเฉิง ด้วยการจับศิษย์น้องข้าใช่หรือไม่”
โอวหยางฉีนิ่ง
เขามองดูศพฉางหนิงด้านข้างแวบหนึ่ง ก่อนจะถอนใจออกมา “อาจารย์ตรวจสอบศพของคนผู้นั้น อีกฝ่ายแม้ไม่ได้ฝึกวรยุทธ์ แต่ว่าในศพกลับแฝงลมปราณอันน่าอัศจรรย์เอาไว้”
“โอ้” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปที่ฉางหนิง สายตาราวกับจะจับตัวกันจนสัมผัสได้
ชั่วขณะนั้น มีสัญลักษณ์แปลกประหลาดและกระจัดกระจายปรากฏขึ้นในสมองของเยี่ยนจ้าวเกอ
สัญลักษณ์นั้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไม่เป็นกลุ่มก้อน ยากจะแยกแยะความหมายที่แจริง
แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับรู้สึกได้ถึงพลังลี้ลับอันเลือนราง ถึงแม้จะน้อยนิดเพียงใด แต่กฎเกณฑ์อันมหัศจรรย์ที่แฝงอยู่ด้านในค่อนข้างล้ำลึกยิ่ง
เพียงแต่เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอลองทำความเข้าใจอย่างละเอียด เขากลับรู้สึกตื่นตระหนก
ความรู้และสายตาของเขาเหนือกว่าคนธรรมดา จึงดูออกว่ารอยสัญลักษณ์ที่แตกกระจายเหล่านี้ เทียบกับทั้งหมดของมันแล้ว ยังนับไม่ได้ว่าเป็นมุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็งด้วยซ้ำ
เกรงว่าจำนวนของสัญลักษณ์ในสภาพสมบูรณ์แบบ ยากจะคำนวณเฉกเช่นดวงดาวที่อยู่บนฟากฟ้า
ถ้าหากว่า ‘ซือคงจิง’ ทุกคนล้วนครอบครองสัญลักษณ์เช่นนี้ คิดจะเติมเต็มให้สมบูรณ์แบบ ก็หมายความว่าน่าจะมี ‘ซือคงจิง’ อยู่นับไม่ถ้วน
เพียงแค่คิดดูก็ทำให้รู้สึกตัวชาหนึบแล้ว
สัญลักษณ์ส่วนหนึ่งยังลี้ลับขนาดนี้ ถ้าหากสัญลักษณ์ทั้งหมดรวมตัวกันสมบูรณณ์แบบ นั่นจะเป็นตัวตนที่น่าอัศจรรย์ และแข็งแกร่งเพียงใดกัน
แม้จะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่มีประสบการณ์มากมาย แต่เมื่อลองจินตนาการดูยังถึงกับต้องจุ๊ปากชมเชย รู้สึกว่าไม่ธรรมดา
ซือคงจิงมาถึงข้างกายฉางหนิง ก่อนจะเอื้อมมือสัมผัสกับซากศพของอีกฝ่าย ทว่านางกลับรู้สึกเลือนราง มองไม่เห็นอะไร
โอวหยางฉีพูดอย่างเรียบเฉย “อย่างน้อยต้องมีพลังฝึกปรือระดับมหาปรมาจารย์ถึงจะมองความนัยออก หากพลังฝึกปรือไม่ถึง ก็จำเป็นต้องให้มหาปรมาจารย์ช่วย”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็ยักไกล่ เขาเดินไปด้านหลังซือคงจิง และวางมือบนแผ่นหลังของนางอีกครั้ง
เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากปราณจิตราที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต และความบริสุทธ์ของเยี่ยนจ้าวเกอ ครั้งนี้ซือคงจิงจึงรับรู้ได้ถึงความมหัศจรรย์ที่หลั่งไหลออกมาจากตัวฉางหนิง
นางมองสัญลักษณ์ส่วนนั้น กลับมีความรู้สึกอีกอย่าง คล้ายกับจมอยู่ในความคิดอย่างอดไม่ได้
ชายหนุ่มดีดนิ้ว นางถึงได้สติกลับมา
“อนาคตยังอีกยาวไกล” เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองโอวหยางฉี พลางยิ้มกว้าง “แต่ไม่รู้ว่าระหว่างคนเป็นยังส่งสัมผัสถึงกันได้หรือไม่”
ถึงแม้จะมีรอยยิ้มเต็มใบหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ แต่โอวหยางฉีเห็นแล้วยังรู้สึกเย็นเยียบไปทั่วทั้งร่าง
เขาหัวเราะขื่นขม “คนอื่นสัมผัสพวกข้าไม่ได้ แต่ว่าระหว่างพวกข้าทำได้ ด้วยการช่วยเหลือของอาจารย์ ระหว่างข้ากับฉางหนิงจึงรู้สึกถึงกันได้”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าด้วยความพอใจ ส่วนซือคงจิงยื่นนิ้วมาแตะตรงหว่างคิ้วของโอวหยางฉี
อาหู่ควบคุมตัวเขาไว้ จึงไม่มีแรงขัดขืน อีกทั้งตอนนี้เขาก็ไม่มีความคิดดิ้นรน ได้แต่เพียงยืนนิ่ง
ทันใดนั้น เยี่ยนจ้าวเกอเดินเข้ามาวางฝ่ามือบนหลังซือคงจิงอีกครั้ง
สีหน้าของซือคงจิงค่อยๆ จริงจังขึ้น ขณะเดียวกันเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้ประโยชน์จากการช่วยเหลือนางด้วย
โอวหยางฉีค่อนข้างหมดอาลัยตายอยาก ด้วยเพราะไม่มีการช่วยเหลือจากอาจารย์ เขาจึงสัมผัสถึงซือคงจิงไม่ได้
ในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏภาพของสัญลักษณ์ที่แตกกระจายอีกครั้ง
ครั้งนี้มีสองส่วน ส่วนหนึ่งอยู่ที่ซือคงจิง อีกส่วนอยู่ที่โอวหยางฉี
สัญลักษณ์ทั้งสองแตกต่างกับของฉางหนิงโดยสิ้นเชิง แต่ว่าสภาวะพลังมาจากแหล่งเดียวกัน และกระจัดกระจายเหมือนกัน
ทว่าการเชื่อมต่อกันที่ดำรงอยู่ระหว่างคนทั้งสามกลับมีเอกลักษณ์เป็นของใครของมัน
คล้ายกับโซ่ยาวไร้สิ้นสุด ซึ่งห่วงโซ่แต่ละห่วงล้วนเกาะเกี่ยวกัน
แต่ตอนนี้โซ่แตกออกมา ห่วงโซ่โดดเดี่ยวซึ่งแตกออกจากโซ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ
ครู่ต่อมา เยี่ยนจ้าวเกอชักมือกลับ ก่อนจะมองโอวหยางฉี “เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ทุกคนสามารถร่วมมือกันได้มิใช่หรือ”
โอวหยางยิ้มขื่นขมอีกครั้ง
แตกต่างกับเขา ยิ่งไม่เหมือนซือคงจิง ถึงแม้ฉางหนิงจะเป็นสตรี แต่ก็มีนิสัยใจร้อน ทะนงตนบ้าบิ่น คิดว่าตนเองเก่งกล้าที่สุด ขณะเดียวกันก็คิดถึงแต่เรื่องเฉพาะหน้า
หากเปลี่ยนเป็นโอวหยางฉี เขาคงไม่คิดจะสู้กับซือคงจิงแน่นอน
เพียงแต่ครั้งนี้เขากลับโดนลูกหลงไปด้วย
โอวหยางฉีมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างจนปัญญา เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่ามองข้าเช่นนั้น หากเจ้าให้ความร่วมมือดี ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า แต่ว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจำต้องเชิญมาเป็นแขกที่สำนักสักระยะหนึ่ง ส่วนทางอาจารย์ของเจ้า ให้บอกว่าประสบอุบัติเหตุทางทะเลแล้วกัน”
โอวหยางฉีเงยหน้าถอนใจ นิ่งงันไม่พูดจา
ถึงแม้ใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอจะประดับด้วยรอยยิ้ม แต่ว่าเศษสัญลักษณ์สามส่วนกลับหมุนวนอยู่ในสมองไม่ยอมเลือนหายไป
สายตาของเขามองสลับไปมาระหว่างงซือคงจิง โอวหยางฉี และฉางหนิง
‘ในตอนที่ศิษย์น้องซือคงสังหารฉางหนิง ภาพที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ยังมีสัญลักษณ์สมบูรณ์แบบที่อนุมานตามลวดลายสามส่วนนี้ และการยืนยันของคนทั้งสอง ได้แสดงถึงเรื่องหนึ่ง’ เยี่ยนจ้าวเกอนึกในใจ ‘คนที่เหมือนกับพวกเขา รวมถึงคนที่เสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน ไม่ได้มีแค่สี่คนเท่านั้น’
‘คนที่ข้ารู้จักมีอายุใกล้เคียงกัน เป็นไปได้ว่าจะเกิดพร้อมกัน’
ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอเป็นประกายเล็กน้อย ‘ถึงแม้ว่าโลกแปดพิภพจะมีจำนวนประชากรมากมาย ทว่าชายหญิงที่มีหน้าตาเหมือนกัน อีกทั้งรูปลักษณ์โดดเด่นเช่นนี้ ทั้งยังอายุยังเท่ากัน ถ้าหากมีจำนวนมาก ต้องยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนแน่นอน’
………….