ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 381 สามประการ
อันชิงหลินส่งเยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปใต้ท้องทะเล พุ่งไปยังเมืองทะเลมรกตด้วยไอเมฆสีขาวสายหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าสู่ทะเล ถึงแม้จะมีการปกป้องจากไอเมฆของอันชิงหลิน แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าน้ำทะเลในตอนนี้เดือดพล่านคล้ายกับถูกต้ม
ปีศาจอัคคีที่เข้ามาขวางอันชิงหลินก็คือราชันปีศาจเฉิงฮวง ที่ไล่ล่าเยี่ยนจ้าวเกอมาโดยตลอดนั่นเอง
แม้ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอตอนนี้จะไม่ได้นำแหวนจักรพรรดิปีศาจอัคคีออกมา แต่ราชันปีศาจอัคคีตัวนี้จำคลื่นปราณจิตราวรยุทธ์ของตัวเขาได้ดี
หลังจากสัมผัสถึงเยี่ยนจ้าวเกอได้แล้ว เฉิงฮวงก็พลันส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง ดวงตากลายเป็นสีแดงฉาน ไล่ตามชายหนุ่มมา
ขณะนั้นอันชิงหลินรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ขวางเฉิงฮวงไว้ทันที
ประกายกระบี่พลันพาดผ่านอากาศ มิได้สว่างไสว กลับขมุกขมัวเช่นหมู่เมฆ ทั้งยังคล้ายหนองน้ำ
ประกายกระบี่แวววาวแผ่กระจายออกมา เปลี่ยนความแข็งกล้ากลายเป็นความอ่อนโยน สะท้อนความนิ่มนวลของท่ากระบี่และความจริงแท้ของความปรวนแปรได้ถึงขีดสุด
แม้ว่าอันชิงหลินจะได้รับบาดเจ็บ แต่วรยุทธ์ของหอคลื่นโหมถนัดการป้องกัน ความแข็งแกร่งในด้านการป้องกันถูกขนามนามเคียงคู่วรยุทธ์ของเขาไร้พรมแดน
ตอนนี้อันชิงหลินไม่คิดจะโจมตีให้สำเร็จ เพียงหวังว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด นางฟาดกระบี่ลงครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกกระบี่ล้วนป้องกันการโจมตีอันบ้าคลั่งของราชันปีศาจอัคคีเฉิงฮวงไว้โดยไม่ผิดพลาดแม้แต่น้อย
แม้จะดูอันตรายเหมือนเหยียบบนน้ำแข็งบาง แต่ความจริงแล้วปลอดภัย เฉิงฮวงมิอาจทำลายสภาวะกระบี่ที่เหมือนกับบึงเมฆของนางได้
เมื่อมีอันชิงหลินคอยแบ่งเบาภาระ แรงกดดันของหยวนเจิ้งเฟิงก็พลันน้อยลง แทบจะพลิกกลับเป็นฝ่ายโจมตีได้เลยทีเดียว
เพียงแต่หยวนเจิ้งเฟิงยังต้องระวังมิให้คู่ต่อสู้ของตนเองกลับไปโจมตีเมืองทะเลมรกตต่อ
สถานการณ์ในตอนนี้ได้เข้าสู่สภาวะชะงักงันในระยะเวลาอันสั้น
อันชิงหลินสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน นางได้รับบาดเจ็บ อาศัยจุดเด่นของวรยุทธ์ต้านทานได้ระยะหนึ่งเท่านั้น แต่มิอาจสู้ยืดเยื้อได้
เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ในทะเลหันไปมองแวบหนึ่ง เห็นอันชิงหลินขวางราชันปีศาจอัคคีเฉิงฮวงไว้ได้ จึงวางใจลง
ท่ากระบี่ลวงกระแสเมฆที่บันทึกอยู่ในคัมภีร์วรยุทธ์คลื่นโหม อันเป็นวิชาที่สืบทอดกันอย่างลับๆ ของหอคลื่นโหม กับกระบี่นภาไร้ขอบเขตของเขากว่างเฉิง กระบี่ทะเลมรกตไร้รูปร่างของเมืองทะเลมรกต รวมถึงกระบี่เทพมารดาสายฟ้า ได้รับการขนามนามว่าเป็นสี่สุดยอดวิชากระบี่ในปัจจุบันของมหาอำนาจแปดพิภพ
ขณะเดียวกันก็เป็นท่ากระบี่ที่ใช้ป้องกันได้ดีที่สุดของมหาอำนาจแปดพิภพในปัจจุบันนี้อีกด้วย
ถึงอันชิงหลินจะมีบาดแผลอยู่ตามร่างกาย แต่ถ้าหากป้องกันเต็มที่ ย่อมรับมือได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
ไอเมฆสีขาวพุ่งทะลุลงใต้ทะเล ส่งเยี่ยนจ้าวเกอไปถึงนอกเมืองทะเลมรกต
เยี่ยนจ้าวเกอมองไป เห็นลวดลายค่ายกลรอบนอกเมืองทะเลมรกตในตอนนี้แตกกระจาย จวนเจียนจะแหลกสลาย
คลื่นยักษ์น่ากลัวที่ตนรู้สึกได้ก่อนหน้านี้ ก็เป็นผลมาจากการที่ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
ครั้นเมืองทะเลมรกตเห็นว่าเยี่ยนจ้าวเกอเข้ามาใกล้ ก็รีบเปิดทางให้เขาเข้ามาในเมืองทันที
กระแสน้ำสายหนึ่งลอยขึ้นมา ก่อนจะม้วนเยี่ยนจ้าวเกอลงไป ทันทีที่เขายืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เขาก็กล่าวถามอย่างไม่มีพิธีรีตอง “เจ้าเมืองซ่งยังไม่ออกมาหรือขอรับ”
ผู้อาวุโสเมืองทะเลมรกตที่มารับเขามีใบหน้ากังวลใจเช่นกัน เขาหันหน้าไปมองตำหนัก ณ ใจกลางเมือง
ที่นั่นมีแสงสีทองพร่างพรายพุ่งออกมา พลังนั้นยิ่งใหญ่ แต่สภาวะกลับอ่อนแอไปบ้าง มีเค้าลางว่าจะอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง
“ทีแรกท่านเจ้าเมืองใกล้จะเข้าฌานสำเร็จแล้ว ทว่าก่อนหน้านี้ค่ายกลเกือบถูกทำลาย การโจมตีอันรุนแรงส่งผลต่อท่านเจ้าเมือง ทำให้สถานการณ์ในตอนนี้…” เสียงของผู้อาวุโสเมืองทะเลมรกตท่านนี้มีความหนักใจอยู่บ้าง
ซ่งเฉานั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ ผู้อาวุโส ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส อันเกิดจากการสู้กับปีศาจอัคคีที่บุกเข้ามาก่อนหน้านี้
เขากล่าวด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ศิษย์น้องเยี่ยน เจ้าอุตส่าห์ออกไปได้แล้ว ยังกลับมาทำอะไรที่นี่อีก”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ละอายใจยิ่ง ข้าล่อราชันปีศาจตนนั้นไปได้แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายมันก็ยังกลับมาที่นี่จนได้”
ซ่งเฉาเอ่ย “ศิษย์น้องเยี่ยนอย่ากล่าวเช่นนี้ ราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นกลับมาที่นี่ คิดว่าเป็นเพราะมีราชันปีศาจอัคคีที่แกร่งกว่ามาถึง ถ้าหากก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้ล่อมันไปนานถึงเพียงนั้น และปราชญ์เทียมฟ้าจากสำนักเจ้ายังไม่ทันมา เมืองทะเลมรกตของข้าเกรงว่าคงรักษาไว้ไม่ได้”
จอมยุทธ์ทะเลมรกคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างต่างพยักหน้าเห็นด้วย
ขณะที่มองดูเยี่ยนจ้าวเกอ ในดวงตาของทุกคนปรากฏความชื่นชมและความสงสัย
คิดไม่ถึงว่าการฝ่าวงล้อมในตอนแรกของเยี่ยนจ้าวเกอจะล่อราชันปีศาจอัคคีไปได้จริงๆ และยิ่งคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มผู้นี้จะรับมือกับราชันปีศาจอัคคีได้โดยปลอดภัยไร้บาดแผล
ถ้าหากบอกว่าได้รับการคุ้มครองจากอันชิงหลิน นางก็สมควรมาถึงเมืองทะเลมรกตเร็วกว่านี้ ดังนั้นนางก็เพิ่งจะมาช่วยทะเลชั้นในของทะเลตะวันออกเช่นกัน
ชายหนุ่มล่อราชันปีศาจอัคคีได้นานถึงเพียงนั้น เขาใช้วิธีใดรับมือกับมันกันแน่
เรื่องนี้ทำให้คนทุกคนคิดไม่ตก และยิ่งเห็นเยี่ยนจ้าวเกอเป็นบุคคลที่มีความลึกลับเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอมองแสงสีทองที่พุ่งออกมาจากในตำหนัก สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วกล่าวถามตรงๆ “ดูจากแสงสีทองนั่นแล้ว เจ้าเมืองซ่งน่าจะไม่ได้ต้องการเลื่อนระดับวรยุทธ์ แต่กลับเหมือนหลอมของล้ำค่าอยู่”
เขากวาดสายตาผ่านพวกซ่งเฉา “อาวุธ์ศักดิ์สิทธิ์หรือขอรับ”
เขากว่างเฉิงทราบอยู่แล้วว่าพวกเขาต้องการหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในตอนนี้เรื่องปรากฏชัดตรงหน้า พวกซ่งเฉาย่อมมิอาจไม่ยอมรับ
“ถูกต้อง สำนักเราต้องการหลอมสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ กระบี่สัตยาทะเลมรกต ขณะนี้อยู่ในช่วงสุดท้ายแล้ว กลับเจอเรื่องร้ายเสียก่อน” ซ่งเฉาถอนใจ “ท่านพ่อตอนนี้กำลังรวมเป็นหนึ่งเดียวกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ หากหลอมมันไม่สำเร็จ ท่านพ่อก็ยากจะถอนตัว และถ้าหากล้มเหลว ท่านพ่อจะได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที ไม่มีพลังพอจะสู้กับปีศาจอัคคีได้”
เยี่ยนจ้าวเกอมองแสงสีทอง แล้วกล่าวอย่างช้าๆ “เรื่องราวคับขัน ข้ามีเรื่องไม่สมเหตุสมผลนักให้ช่วย ขออภัยที่ข้าต้องกล่าวตรงๆ ช่วยส่งข้าเข้าตำหนักกลางสำนักท่านได้หรือไม่”
“บางทีข้าอาจจะช่วยได้อีกแรง”
พอพูดจบ ทุกคนในเมืองทะเลมรกตก็งงงันไปพร้อมๆ กัน
ในช่วงเวลาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย มีเรื่องหลายเรื่องที่สำนักละทิ้งได้ แต่การหลอมสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มีแต่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นจึงจะทำได้ แม้แต่มหาปรมาจารย์บรรลุธรรมก็มิอาจสอดมือ
เป็นเพราะก่อนหน้าเยี่ยนจ้าวเกอถ่วงเวลาราชันปีศาจอัคคีเฉิงฮวง ทำปาฏิหาริย์น่าเหลือเชื่อให้สำเร็จได้ ความดีความชอบยังคงหลงเหลืออยู่ มิฉะนั้นทุกคนคงจะคิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว
สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอเคร่งขรึม “มีสามประการขอรับ ประการแรกให้ส่งข้าเข้าไปยังตำหนักใจกลางสำนักท่าน”
“ประการที่สอง ให้อาจารย์ข้าส่งกลิ่นอายที่เกิดจากการวมตัวกันของพลังแห่งเสื้อคลุมนภา อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของสำนักข้าไปยังในตำหนักใจกลาง”
“ประการที่สาม…” เยี่ยนจ้าวเกอกวาดมองรอบๆ “ให้เปลี่ยนกลับค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดของสำนักท่าน เติมพลังให้ตำหนักใจกลางแทน!”
พวกซ่งเฉามองเยี่ยนจ้าวเกอที่มีสีหน้าเอาจริง ต่างก็รู้สึกหวั่นใจกันถ้วนหน้า
ผู้อาวุโสเมืองทะเลมรกตผู้หนึ่งพึมพำ “ค่ายกลตอนนี้เสียหาย หากเปลี่ยนกลับจะต้องพังทลายลงแน่”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นไม่ผิดขอรับ”
แต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้มีแต่ต้องทุบหม้อจมเรือแล้ว
ผู้คุมหอคลื่นโหมอันชิงหลินได้รับบาดเจ็บ สู้ได้อีกไม่นาน ยิ่งเวลาผ่านไป สถานการณ์ก็มีแต่จะยิ่งเลวร้ายลง
ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดที่เสียหายหนัก ตอนนี้ขอแค่ราชันปีศาจอัคคีโจมตีสุดกำลัง ก็พร้อมจะพังทลายลงในทันที
เพียงแต่ค่ายกลนี้อย่างไรก็เป็นของเมืองทะเลมรกต เยี่ยนจ้าวเกอพูดอะไรมากไม่ได้นัก รอให้เมืองทะเลมรกตตัดสินใจเอง
ยังดีที่ผู้มีอำนาจระดับสูงแห่งเมืองทะเลมรกตกลุ่มหนึ่งมิได้ลังเล พวกเขาเห็นด้วยกับเยี่ยนจ้าวเกอในทันที ก่อนจะมองชายหนุ่ม “ได้ ลองเสี่ยงดู”