ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 438 คำถามที่อยากถามมาโดยตลอด
ซูอวิ๋นถามว่า “นอกจากจะเชิญพวกเราไปเป็นแขกแล้ว ยังมีข่าวอื่นอีกหรือไม่”
เฉินหรงมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความกังวลเล็กน้อย ตอบว่า “เจ้าค่ะ ท่านแม่ ทางสำนักเขามังกรเขียวได้รับข่าวว่า สำนักเมฆาโลกหิตออกเดินทางมาทางตะวันตกด้วยตัวเอง เข้าใกล้ดินแดนแห่งอาณาจักรตะวันตกที่อยู่ภายใต้การปกครองของสำนักเขามังกรเขียวแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเสียงเบา “ตามข้ามาหรือ”
เฉินหรงพยักหน้า “ในข่าวลือเป็นเช่นนั้น”
ชายหนุ่มยิ้มขึ้น ทว่าไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ต่อให้มากความ เขาพิจารณาเฉินหรงตั้งแต่หัวจรดเท้า ‘อืม ปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นในระยะท้าย เตรียมเลื่อนเป็นระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกได้แล้ว’
เขาหันไปมองซูอวิ๋น ก่อนจะถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านน้าซู พวกท่านแม่ลูกเป็นร่างแห่งแหล่งชีวิตในตำนานใช่หรือไม่”
เฉินหรงมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความประหลาดใจ ซูอวิ๋นรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย
หลังจากการสนทนาก่อนหน้า ซูอวิ๋นรู้ว่าเสวี่ยชูฉิงมิได้พูดถึงเรื่องของนางและโลกลอยน้ำ เมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋สองพ่อลูกมาก่อน ชายหนุ่มในอดีตไม่น่าจะทราบถึงการมีอยู่ของนาง ย่อมไม่อาจรู้สถานการณ์ของนางได้
“ขอตอบนายน้อย ข้าเป็นร่างแห่งแหล่งชีวิตจริงๆ หรงเอ๋อร์สืบทอดสายเลือดของข้า เป็นร่างแห่งแหล่งชีวิตเช่นกัน” ซูอวิ๋นถอนใจ “เมื่อก่อนนายหญิงเคยบอกว่า ร่างแห่งแหล่งชีวิตใช่ว่าจะถ่ายทอดให้บุตรหลานที่มีสายเลือดเดียวกันได้
“ต่อมาจึงได้พิสูจน์ว่าเป็นความจริง ข้ากับสามีให้กำเนิดบุตรและบุตรีรวมสามคน แต่ในเหล่าพี่น้องของหรงเอ๋อร์ มีเพียงแต่หรงเอ๋อร์เท่านั้นที่สืบทอดร่างแห่งแหล่งชีวิตของข้า”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย “บุตรคนแรกมีโอกาสสืบทอดมากที่สุด ในขณะเดียวกันถ้าหากบุตรคนแรกของท่านได้รับร่างแห่งแหล่งชีวิตแล้ว เช่นนั้นบุตรคนต่อไปของท่านโดยพื้นฐานไม่มีหวังว่าจะสืบทอด”
เขามองเฉินหรง ถามอย่างเชื่องช้า “การครอบครองร่างแห่งแหล่งชีวิตจะได้รับความสะดวกในการฝึกฝนวรยุทธ์บนโลกลอยน้ำ ตามที่ข้าดูทุกคนในสำนักท่าน มีเพียงแต่หรงเอ๋อร์เท่านั้นที่รับช่วงต่อมรดกของท่านได้ การเลื่อนเป็นปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกในโลกของข้าก็เป็นเรื่องที่น้อยคนจะทำได้เช่นกัน”
ซูอวิ๋นกล่าว “นายน้อยชมเกินไป สำหรับจอมยุทธ์ที่ฝึกปราณและร่างกาย โลกลอยน้ำนี้มีปราณวิญญาณแห้งเหือดและแหล่งทรัพยากรขาดแคลนยิ่ง”
“แต่เนื่องจากจอมยุทธ์ฝึกปราณและฝึกวรยุทธ์น้อยเกินไป ดังนั้นทรัพยกรที่แบ่งให้กับทุกคนเท่าๆ กันจึงมีมากพอ หรงเอ๋อร์นอกจากร่างแห่งแหล่งชีวิตแล้ว ในด้านการฝึกฝนวรยุทธ์ก็มีพรสวรรค์หลายส่วน สามารถเข้าใจวรยุทธ์ที่นายหญิงเหลือไว้อยู่บ้าง จึงได้มีความสำเร็จเช่นทุกวันนี้”
เยี่ยนจ้าวเกอถาม “แต่ว่าในหมู่ลูกศิษย์ของท่าน มีเพียงหรงเอ๋อร์เท่านั้นที่พิเศษ คงไม่ทำให้ทุกคนเกิดสงสัยกระมัง”
ซูอวิ๋นยิ้มเล็กน้อย “ในอดีตนายหญิงบอกว่าไม่ห้ามให้ข้ารับลูกศิษย์ ดังนั้นข้าจึงก่อตั้งสำนักขึ้น เดิมทีเป็นเพราะว่าต้องการถ่ายทอดวรยุทธ์ของนายหญิง”
“ก่อนที่ลูกศิษย์จะเข้าสำนัก ต่างทราบแล้วว่าการฝึกฝนไม่ง่าย ไม่แน่ว่าจะมีผลสำเร็จ คนที่ยังเหลืออยู่แน่วแน่ มีจิตใจกับคุณสมบัติแข็งแกร่งยิ่ง”
“แน่นอน มีคนคิดว่าข้าเข้าข้างลูกสาว ซึ่งข้ามีวิธีจัดการอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ยิ้มขึ้น ซูอวิ๋นที่มีเมตตาและอัธยาศัยดีเมื่ออยู่ต่อหน้าตน พออยู่เบื้องหน้าลูกศิษย์ในสำนักใช่ว่าจะมีท่าทีเช่นนี้
“ท่านน้าซู ที่สำนักเขามังกรเขียวและสำนักกระเรียนหิมะเกี่ยวดองกัน เป็นเพราะเกี่ยวข้องกับร่างแห่งแหล่งชีวิตหรือไม่” หลังจากหัวเราะ เยี่ยนจ้าวเกอก็ถามอย่างราบเรียบ
อีกฝ่ายตอบทันควัน “มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บ้าง ขอไม่ปิดบัง หลายปีมานี้ พวกเรากับสำนักเขามังกรเขียวช่วยกันมาตลอด และมีการติดต่อกันไม่น้อย”
“ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาที่นายหญิงถ่ายทอดให้ แต่ว่าสิ่งที่ข้าได้มาจากการฝึกฝนล้วนถ่ายทอดแก่คนในสำนักเขามังกรเขียวทั้งสิ้น
“พวกเขาเป็นจอมยุทธ์เลือดปีศาจ ไม่ได้ศึกษาวิชาฝึกฝนลมปราณล้ำลึกนัก แต่ว่าศิลาจากเขาอื่นเจียระไนหยกได้ สำนักเขามังกรเขียวได้รับได้รับประโยชน์มากมายจากสำนักกระเรียนหิมะของข้า”
ซูอวิ๋นยิ้มพลางสายหน้า “เจ้าสำนักเขามังกรเขียว หรือทางด้านชินเจีย[1]มักเก็บงำความสามารถ ความจริงในหลายปีมานี้ก้าวหน้าไม่น้อย ถึงจะเทียบกับสามปีศาจไม่ได้ แต่ค่อยๆ เหนือกว่าเหล่ายอดฝีมือจากสี่สำนักแล้ว”
“บุตรที่หรงเอ๋อร์จะให้กำเนิดต่อจากนี้ บางทีสำนักเขามังกรเขียวอาจจะอยากมีผู้สืบทอดที่มีจุดเด่นของทั้งสองสำนัก แต่ว่าหรงเอ๋อร์กับสามีของนางรักใคร่กัน ข้าดูออกว่าลูกเขยของข้ามิได้เสแสร้ง ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่เห็นด้วยเรื่องการแต่งงานนี้”
“แน่นอนว่าเคล็ดวิชาของนายหญิง หรงเอ๋อร์ย่อมไม่เปิดเผยแก่สำนักเขามังกรเขียว”
เฉินหรงพยักหน้าน้อยๆ อยู่ด้านข้าง
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ “หากเป็นเช่นนี้ก็ประเสริฐยิ่ง”
ซูอวิ๋นกล่าวต่อ “นายน้อย การเชื้อเชิญจากสำนักเขามังกรเขียว ถ้าหากท่านไม่อยากไป ข้าจะปฏิเสธแทน”
ชายหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธ จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นว่า “จริงสิท่านน้าซู ข้ามีคำถามหนึ่งที่อยากถามมาตลอด เมื่อครู่นี้ลืมไป”
อีกฝ่ายตอบ “นายน้อยถามได้เต็มที่”
เขาตาเป็นประกาย “ท่านน้าซู พลังฝึกปรือมหาปรมาจารย์ขั้นที่สี่ ขั้นกำเนิดญาณระยะต้นของท่าน ในสำนักเขามังกรเขียวหรือในโลกลอยน้ำแห่งนี้ มีระดับประมาณใด คนที่แกร่งกว่าท่าน หรือคนที่เป็นเหมือนท่านมีจำนวนกี่มากน้อย”
“นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง…” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางใช้นิ้วขีดเขียนกลางอากาศ เกิดเป็นรูปเหมือนรูปหนึ่ง
ในรูปเหมือนคือบุรุษวัยกลางคนใบหน้าเหี้ยมหาญ
บุรุษผู้นี้ก็คือคนที่ได้เจอในป่าดึกดำบรรพ์ เมื่อพวกเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งมาถึงโลกลอยน้ำ
“คนผู้นี้ฝึกฝนสายเลือดเสือดาวสายฟ้าหกขา ไม่ทราบว่าท่านน้าซูรู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร”
…
ในขณะที่พวกเยี่ยนจ้าวเกอเป็นแขกที่สำนักกระเรียนหิมะ โลกลอยน้ำในตอนนี้ก็เกิดคลื่นมรสุมขึ้น
ดินแดนแห่งอาณาจักรตะวันตกเป็นถิ่นของสำนักเขามังกรเขียวมาโดยตลอด
แต่ว่าเมื่ออยู่ในอาณาจักรตะวันตกแล้วมองไปยังแดนใต้ที่อยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ กลับมีเมฆสีแดงฉานหลายกลุ่มปรากฏขึ้นที่เส้นขอบฟ้า
มีจอมยุทธ์สำนักเขามังกรเขียวมองเมฆสีเลือดที่ม้วนโอบมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ ถามเสียงทุ้มว่า “เป็นเรื่องราวใด ถึงทำให้เจ้าสำนักหลู่มายังดินแดนแห่งอาณาจักรตะวันตกด้วยตัวเองโดยไม่บอกไม่กล่าว”
เมฆสีเลือดแหวกออก ประกายสีเขียวสว่างวาบขึ้น บุรุษวัยกลางคนหนวดยาวผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น
ในเมฆสีเลือดที่ด้านหลังเขา มีเงาคนมากมายปรากฏให้เห็นเลือนราง
บุรุษวัยกลางคนหนวดยาวกล่าวอย่างเย็นชา “มีลูกศิษย์สำนักกระเรียนหิมะที่สำนักเขามังกรเขียวของท่านคุ้มครองอยู่มีอาละวาดที่แดนใต้ จงใจตอแยก่อนแท้ๆ ตอนนี้กลับแสร้งทำเป็นเลอะเลือนหรือ”
“คิดเล่นงานใครย่อมมีข้ออ้างเสมอ” จอมยุทธ์เขามังกรเขียวพูด ความสนใจมิได้อยู่บนร่างของบุรุษวัยกลางคนหนวดยาว แต่มองไปที่ด้านหลังของอีกฝ่าย ท่ามกลางเงาคนมากมาย ร่างของชายชราผมขาวผู้หนึ่งเลือนรางนัก
ในดวงตาของจอมยุทธ์เขามังกรเขียวปรากฏความกริ่งเกรงล้ำลึก ชายชราผมขาวผู้นั้นก็คือเจ้าสำนักเมฆาโลหิตหลู่หมิง ยอดฝีมือที่มีอยู่น้อยนิดบนโลกลอยน้ำ
บุรุษวัยกลางคนหนวดยาวผู้นั้นยังคิดจะพูดต่อ ในเมฆสีแดงพลันมีเสียงยิ่งใหญ่เสียงหนึ่งดังมา “เหตุใดต้องมากความ?”
ขณะที่พูด แสงสีเขียวสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากในเมฆสีเลือด
จอมยุทธ์เขามังกรเขียวตื่นตระหนก ไม่ทันป้องกัน ถูกแสงสีเขียวตัดเอวขาดสะบั้น!
……………………………………….
[1] คำเรียกครอบครัวที่ลูกหลานแต่งงานกัน