ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 501 ยุทธภพโหดเหี้ยม
คนผู้นั้นมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าคนจากเกาะจิตประสาน เป็นบุรุษวัยกลางคนที่ดูน่าเกรงขามอายุราวสี่สิบปี
ฟางจ้าวหง บุตรคนสุดท้องของผู้ปกครองเกาะจิตประสานฟางข่าน ลุงของฟางหมิ่น
จอมยุทธ์เกาะจิตประสาน รวมถึงหยางฉู่ฟานที่ค่อนข้างมีอายุ ครั้นเห็นฟางจ้าวหงปรากฏตัวขึ้น ก็มีสีหน้าผ่อนคลาย
ในหมู่ยอดฝีมือรุ่นใหม่แห่งของเกาะจิตประสาน ฟางจ้าวหงเป็นอันดับหนึ่งอย่างสมศักดิ์ศรี ในอดีตเคยเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ที่โด่งดังไปทั่วโลกผืนสมุทร และในปัจจุบันก็เป็นผู้โดดเด่นในหมู่จอมยุทธ์ระดับเดียวกัน
เมื่อเปรียบเทียบกับระดับของเขาแล้ว แม้เขาจะอายุยังน้อย แต่มีศักยภาพไร้สิ้นสุด
เขามีอายุมากกว่าเจียงสยงแห่งสำนักตาข่ายปีศาจ และไห่เจิ้งเซินแห่งสำนักมังกรโลหิต ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ ก็ถูกจัดอยู่ในยอดฝีมือขั้นกำเนิดญาณสิบอันดับแรก ทั้งยังมีอันดับสูงกว่าพวกเจียงสยงและไห่เจิ้งเซิน
หลังจากเขาบรรลุเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณแล้ว อันดับของพวกเจียงสยงจึงค่อยเพิ่มขึ้นตามลำดับ
ฟางจ้าวหงพยักหน้าทักทายฟางหมิ่นเล็กน้อย จากนั้นก็มองหยางฉู่ฟาน “ศิษย์พี่หยาง เหตุการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ ข้อความที่พวกท่านส่งให้มีรายละเอียดน้อยเกินไป”
หยางฉู่ฟานรีบเล่าสถานการณ์
มีลูกศิษย์เกาะจิตประสานคนหนึ่งพูดเสริมว่า “อาจารย์ลุงฟาง คนแซ่เยี่ยนนั่นกลับเข้าไปในข่ายอาคมอีกครั้งแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาไปยังที่ใด”
ฟางจ้าวหงกล่าวอย่างเชื่องช้า “ถ้าหากมีของล้ำค่า ย่อมให้คนผู้นี้เอาไปไม่ได้”
“ทว่าตอนนี้มิใช่ปัญหาเรื่องของล้ำค่าแล้ว ต้องระวังแผนร้ายของคนผู้นี้ให้ดี ถ้าหากจับได้ ก็จงจับตัวไว้ ไม่เช่นนั้นก็สังหารทิ้ง”
ฟางหมิ่นงงงันเล็กน้อย “ท่านลุงสอง เขาช่วยพวกเราไว้ ไม่เช่นนั้นในการเผชิญหน้ากับ ‘ปีศาจวิหค’ เจียงสยง พวกเราคงจะขอความช่วยเหลือจากท่านไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เสี่ยวหมิ่น พวกเจ้ามีประสบการณ์ตื้นเขินเกินไป” ฟางจ้าวหงส่ายหน้า ก่อนจะมองพวกหยางฉู่ฟาน ฟางหมิ่น และคนอื่นๆ “เมื่อครู่พวกเจ้าบอกว่า รูของข่ายอาคมนั่นมิใช่พวกเจ้าใช้ธงวิญญาณจ้งหยวนเปิด แต่เป็นรูที่เยี่ยนจ้าวเกอนั่นเปิดจากข้างในใช่หรือไม่”
คนจากเกาะจิตประสานมองหน้ากันเอง จากนั้นก็พยักหน้าพร้อมกัน
ฟางจ้าวหงถามอีกครั้ง “เช่นนั้นพวกเจ้าทราบหรือไม่ว่าเขาใช้อะไรเปิดข่ายอาคม?”
ทุกคนส่ายหน้าพร้อมกัน ส่วนฟางจ้าวหงแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง “เป็นยันต์สวรรค์ผีดูดเลือด!”
จอมยุทธ์เกาะจิตประสานที่อายุน้อยยังไม่ทันมีปฏิกิริยา หยางฉู่ฟานก็ร้องเสียงหลง “ยันต์สวรรค์ผีดูดเลือดหรือ?”
เขาผงกศีรษะด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ตอนที่ข้าเข้ามาจากรูนั่น ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ จึงหยุดดูครู่หนึ่ง กลิ่นอายกับร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ เป็นยันต์สวรรค์ผีดูดเลือดของสำนักปราชญ์ปีศาจ!”
“ว่ากันว่ายันต์สวรรค์ผีดูดเลือดเป็นของวิเศษ ที่สำนักปราชญ์ปีศาจขุดค้นพบจากการขุดซากโบราณสถานก่อนมหาภัยพิบัติ เป็นของใช้แล้วทิ้ง…” หยางฉู่ฟานพึมพำ
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้มีประสบการณ์ที่ผ่านยุทธภพมาแล้ว แม้จะแยกแยะไม่ออกว่าเป็นยันต์สวรรค์ผีดูดเลือด แต่ก็เคยได้ยินถึงการมีอยู่และผลกระทบของมัน
ฟางจ้าวหงกล่าวว่า “ถูกต้อง หลายปีมานี้ ตามเหตุผลแล้ว สำนักปราชญ์ปีศาจสมควรมีเหลืออยู่ไม่มากถึงจะถูก แต่ของวิเศษที่ล้ำค่าเช่นนี้เมื่ออยู่ในมือคนผู้นี้ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าคนผู้นี้มีแผนร้าย จำเป็นต้องป้องกัน”
หยางฉู่ฟานกล่าวเสียงอ่อย “วรยุทธ์ที่คนผู้นั้นใช้แปลกประหลาดนัก…”
ฟางจ้าวหงกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง “สำนักปราชญ์ปีศาจลี้ลับยากหยั่งคาดมาแต่ไหนแต่ไร ไม่มีใครรู้เบื้องหลังของพวกเขา”
“เขาฆ่าคนของสำนักตาข่ายปีศาจไป อีกทั้งยังเป็น ‘ปีศาจวิหค’ เจียงสยง ยอดฝีมือแห่งยุคที่มีศักยภาพสูงที่สุดในสำนักตาข่ายปีศาจ” ฟางหมิ่นเอ่ยด้วยความลังเล
“ระหว่างหกพรรคมารมักจะมีความขัดแย้งภายใน ในสำนักเดียวกันยังฆ่ากันตลอดเวลา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสำนักอื่น” ฟางจ้าวหงมองฟางหมิ่นอย่างจริงจัง “อีกฝ่ายใช้กลยุทธ์ทุกข์กายซื้อความเชื่อใจจากพวกเจ้า คิดสร้างความลำบากให้เกาะจิตประสานของเรา”
ฟางหงจ้าวมองฟางหมิ่น หลังจากหยุดนิ่งครู่หนึ่ง ก็พูดอย่างเชื่องช้าผ่านกระแสเสียงว่า ‘ข้าสงสัยว่า ที่เขาเจาะจงมาหาเจ้า ก็เพื่อจะใช้เจ้าทำแผนร้ายของเขาให้สำเร็จ’
‘เสี่ยวหมิ่น ประสบการณ์ของเจ้ายังน้อยเกินไป อย่าถูกคนหลอกใช้ง่ายๆ’
ฟางหมิ่นได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็แดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนางถึงก้มศีรษะลง ‘ท่านลุงสอง เขาไม่มองข้าแม้แต่น้อย’
ฟางจ้าวหงแค่นหัวเราะ “แผนหลอกให้ตายใจเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเหตุใดเขาถึงต้องอยู่ในข่ายอาคมเล่า? การกลับเข้ามาในข่ายอาคมอีกครั้งหลังจากเอาของวิเศษไปแล้ว พิสูจน์ว่าเขาต้องมีแผนตามหลังแน่นอน”
เขามองหลานสาวของตัวเอง สีหน้าผ่อนคลายลง “เสี่ยวหมิ่น เจ้าโตแล้ว แต่ต้องรู้ด้วยว่ายุทธภพนั้นโหดร้าย ถึงแม้เกาะจิตประสานของเราจะไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครอง กระนั้นถึงจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่กล้ามาเหยียบเกาะจิตประสานของเราได้โดยง่าย”
“ศัตรูเพื่อทำลายรากฐานของพวกเรา ย่อมใช้วิธีการทุกอย่าง ลูกศิษย์ของสำนักเราต้องระวังไว้ตลอดเวลา!”
ฟางจ้าวหงกวาดมองน่านน้ำรอบๆ สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย “คนผู้นี้มีเจตนาชั่วร้ายจริงๆ น่าเสียดายที่คนผู้นี้สะเพร่า ไม่รู้ว่าข้าเคยเห็นร่องรอยหลังจากการใช้ยันต์สวรรค์ผีดูดเลือดในสถานที่อื่นมาก่อน จึงเผยไต๋ออกมา”
หยางฉู่ฟานถามว่า “ตอนนี้พวกเราทำอย่างไรกันดี”
ฟางจ้าวหงกล่าวว่า “สำนักปราชญ์ปีศาจวางแผนร้าย คิดสร้างความลำบากให้เกาะจิตประสานของเรา พวกเราย่อมไม่อาจนั่งรอความตาย ให้ดีที่สุดจับเป็นคนผู้นี้ให้ได้ แล้วเค้นแผนร้ายของเขาออกมา ถ้าหากไม่ได้ เช่นนั้นก็ลงมือสังหารเขาทิ้งเสีย”
“ทุกคนอยากจะกำจัดพรรคมารอยู่แล้ว ตามที่พวกเจ้ากล่าว คนผู้นี้อายุยังน้อยกลับมีพลังฝึกปรือถึงขนาดนี้ น่ากลัวจริงๆ ว่าหากให้เวลาเขาอีก วันหน้าอาจจะกลายเป็นปราชญ์ปีศาจคนหนึ่ง เก็บเขาไว้ไม่ได้เด็ดขาด!”
“ครั้งนี้เขาคิดว่าแผนการสำเร็จ หลอกเอาความเชื่อใจของพวกเจ้าได้ ตอนที่กำลังได้ใจ ความระมัดระวังจะลดลง เป็นโอกาสดีในการกำจัดเขา”
ฟางหงจ้าวยืนอยู่กลางอากาศ หลับตาสัมผัสกับการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณที่อยู่รอบๆ น่านน้ำ “หือ? มีน้ำวนจุดหนึ่งไม่ยอมหายไปหรือ?”
เขาลืมตาขึ้น “เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเขาจะอยู่ที่นั่น”
พูดจบ ร่างของเขาก็กลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง แล้วพุ่งไปยังที่ไกลออกไป
ในมิติต่างแดน เยี่ยนจ้าวเกอกำลังยืนเผชิญหน้ากับรูปสลักหินนั่งขัดสมาธิ
บนร่างของเขามีปราญพิสุทธิ์หลายสายไหลออกมา จากนั้นก็ไหลไปบนรูปสลักหินในขณะที่ยังหมุนวน
ปราญพิสุทธิ์เชื่อมรูปสลักหินกับเยี่ยนจ้าวเกอไว้ด้วยกัน ชายหนุ่มสั่นไหวและเหนี่ยวนำจุดลมปราณทั่วทั้งร่าง ทำให้จุดลมปราณบนรูปสลักหินมีแสงสว่างขึ้นมาด้วย
ประกายแสงมากมายเหมือนกับดวงดาวทั่วจักรวาล
หลังจากประกายแสงสว่างขึ้น ก็เริ่มมีความรู้สึกของพลังอันเจริญงอกงามส่งออกมาจากบนรูปสลักหิน
พลังนั้นน่ากลัวถึงขีดสุด แม้จะเป็นเยี่ยนจ้าวเกอก็ยังรู้สึกตกตะลึง ทว่าเขารู้สึกยินดีมากกว่า
‘นี่เป็นของดีทีเดียว’ มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎรอยยิ้มราบเรียบ
แต่ว่าไม่ทันไร เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ว่ามีคนอื่นเข้ามาในมิติต่างพบแห่งนี้ แววตาของเขาวูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะตัดปราณพิสุทธิ์ที่เชื่อมกับรูปสลักหิน เก็บมันกลับมาในร่าง ส่งผลให้จุดแสงที่เปล่งประกายบนรูปสลักหินริบหรี่ลงไป
เยี่ยนจ้าวเกอกลับหลังหันมองไป เขาเห็นเงาร่างมากมายเข้ามาในมิติต่างแดน โดยมีบุรุษวัยกลางคนระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระยะต้นผู้หนึ่งเป็นผู้นำ
คนที่ติดตามอยู่ด้านข้างบุรุษวัยกลางคนผู้นั้น ก็คือหยางฉู่ฟาน
หยางฉู่ฟานเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ ก็รีบพูดกับบุรุษวัยกลางคนที่ด้านข้าง “ศิษย์น้องฟาง นี่คือเยี่ยนจ้าวเกอ คุณชายเยี่ยนที่ช่วยพวกเราก่อนหน้านี้”
บุรุษวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วคารวะเยี่ยนจ้าวเกอก่อน “ฟางจ้าวหงแห่งเกาะจิตประสาน ขอขอบคุณสหายที่ช่วยศิษย์ร่วมสำนักของข้า”