ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 592 ใต้หล้าสั่นสะเทือน
เหอหนิงมองผู้อาวุโสสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้า สุดท้ายนางก็ถอนหายใจยาว ส่ายหน้าอย่างเงียบงัน สีหน้าเคร่งขรึม
จางคุนเงียบเสียงมาโดยตลอด มีสีหน้าซับซ้อน มาถึงตอนนี้เหลือแต่ความผิดหวัง
ผู้อาวุโสฉินเดินขึ้นหน้า เอ่ยว่า “สำนักแสงสว่างจากโลกซ้อนโลก ครั้งนี้มียอดฝีมือที่มีพลังระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ลงมาห้าคน ถึงแม้จะเสียชีวิตในแปดพิภพ กลับไม่ทราบว่าจะมีคนตามมาหรือไม่?”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่พูดถึงเรื่องก่อนหน้า กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าไปยังยอดเขาเรืองรอง ด้านหนึ่งเพื่อกำจัดความชั่วร้ายให้หมดสิ้น อีกด้านหนึ่งก็เพื่อเหตุผลข้อนี้”
“การติดต่อระหว่างโลกซ้อนโลกและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกตัดขาดชั่วคราว แต่ว่าสำนักแสงสว่างนี้มีพลังยิ่งใหญ่ แตกฉานสรรพวิชา ถ้าหากพวกเขาต้องการ เพียงใช้ความพยายามเล็กน้อยก็อาจจะกำหนดตำแหน่งบนแปดพิภพได้อย่างแม่นยำ แล้วลงมาอีกครั้ง”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย “คนของพวกเขาที่ลงมาในครั้งนี้อาจจะเป็นแค่มุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็ง”
การคาดการณ์นี้ยึดตามคนที่เกือบจะยืมพลังของหวงเจี๋ยในการลงมาด้วยพลังทั้งหมดที่ยอดเขาเรืองรอง และเป็นการคำนวณพลังของอาจารย์แห่งสำนักแสงสว่างที่หวงเจี๋ยพูดถึงอย่างคร่าวๆ
ถ้าหากคนผู้นี้มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในสำนักแสงสว่าง สถานการณ์อาจจะดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถ้าสำนักแสงสว่างมีคนที่แข็งแกร่งกว่านี้ เช่นนั้นอาจจะต้องคาดเดาพลังของสำนักแสงสว่างเพิ่มอีกขั้นหนึ่ง
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนล้วนมีสีหน้าอึมครึมขึ้นมา จางคุนกับเหอหนิงรู้สึกกังวลเช่นกัน
เรื่องมาถึงขั้นนี้ ความแค้นระหว่างสำนักของตนและสำนักแสงสว่างที่มาจากโลกซ้อนโลกไม่อาจสะสางได้อีกแล้ว จึงเหลือแต่หาวิธีรับมือ
เหอหนิงขมวดคิ้วมุ่น “ถึงแม้พลังของผู้มาจากโลกซ้อนโลกจะไม่อาจเหนือกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม แต่ถ้าอีกฝ่ายส่งยอดฝีมือจำนวนมากในการลงมาเพียงครั้งเดียว เช่นนั้นก็เป็นภัยพิบัติเหมือนกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจข้อนี้ดี
การสยบใต้หล้า และเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้ไม่ได้ส่งผลต่อสมองของเขา
ตราประทับตะวันแข็งแกร่งถึงขีดสุด แต่ว่าก็สิ้นเปลืองพลังมากเช่นกัน โจมตีได้เพียงครั้งเดียว หลังจากใช้ก็จะอยู่ในสภาวะหลับไหล ในเวลาอันสั้นเกรงว่าไม่อาจปลุกขึ้นมาได้
ส่วนปราณแห่งความมอดม้วยในวังฝูงมังกรเป็นการระเบิดเพียงครั้งเดียว นับเป็นการซื้อขายเพียงครั้งเดียว
ทว่าหลังจากแก้ไขปัญหาปราณแห่งความมอดม้วยได้แล้ว ตนสามารถใช้พลังของมังกรที่ได้มาเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้อย่างสบายใจ
เพียงแต่การหลอมปราณมังกรให้เป็นของตัวเองจำเป็นต้องมีขั้นตอนและจำเป็นต้องใช้เวลา
สมองของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้เย็นเยียบยิ่ง
เมื่อนับเติ้งเซินที่ถูกพลังแห่งเขตแดนจำกัดระดับเอาไว้ ครั้งนี้มียอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามลงมาสามคน
ถ้าหากครั้งหน้ามีแปดคน สิบคน หรือมากกว่านี้เล่า?
แน่นอน ไม่ใช่ว่าเรื่องราวไม่อาจเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้ อย่างเช่น เยี่ยนตี๋บิดาของตนเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองได้ในเวลาอันสั้น เช่นนั้นก็จะจัดการปัญหาได้ง่ายขึ้น
ถ้าหากเยี่ยนตี๋เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม เช่นนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็เชื่อว่า ศัตรูที่อยู่ในระดับเดียวกันจะลงมากี่คนก็ไร้ประโยชน์
ส่วนตัวเยี่ยนจ้าวเกอเอง ถ้าหากมีเวลามากพอ และพลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เขาก็ไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายเช่นกัน
ตอนนี้ต้องการเวลาและโอกาส
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “โลกซ้อนโลกไม่ได้มีแค่สำนักแสงสว่างสำนักเดียว ยังมีศัตรูคู่อาฆาตของพวกเขาอยู่ด้วย สำนักแสงสว่างไม่ใช่ว่าไม่กลัวอะไร และไม่ใช่ไม่อาจเอาชนะได้”
เขาหยิบพัดกระดาษที่ได้มาจากในสุสานมังกร กางพัดออก ชูพัดให้ทุกคนดู
“สำนักความมืด…” พวกเฟิงอวิ๋นเซิงและฟู่เอินซูมองหน้ากันเอง
ชายหนุ่มพยักหน้า “ถูกต้อง สำนักความมืด ในตอนที่ข้าได้พัดกระดาษเล่มนี้มา ด้านในยังรักษาจิตของเจ้าของคนเดิมไว้ด้วย ความเสียดายก่อนตายของคนผู้นั้นกลับเป็นการไม่ได้เห็นสำนักแสงสว่างพินาศ”
“ดูจากน้ำเสียงและเนื้อหาในคำพูดแล้ว ทั้งสองฝ่ายมีความเกี่ยวข้องเป็นศัตรูคู่อาฆาต ไม่ตายไม่เลิกรา สำนักความมืดไม่แน่ว่าจะเอาชนะสำนักแสงสว่างได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นขุมกำลังที่อยู่ในระดับเดียวกัน”
เมื่อทุกคนได้ยินต่างก็จมลงสู่ห้วงคิด ผู้อาวุโสฉินเอ่ยขึ้นว่า “ความหมายของเจ้าคือหาวิธีติดต่อสำนักความมืด พึ่งพาพวกเขาในการรับมือสำนักแสงสว่างหรือ?”
“ใช่และไม่ใช่” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “คิดจะยืมพลังไหนเลยจะง่ายถึงเพียงนั้น ต่อให้พวกเขาคิดช่วย ก็ต้องให้พวกเขายินยอม
“ถึงแม้สำนักแสงสว่างจะเป็นศัตรูคู่อาฆาตของสำนักความมืด ทว่าสำนักแสงสว่างรับมือพวกเรา ไม่แน่ว่าสำนักความมืดจะต้องยอมช่วยเหลือพวกเราแน่นอน”
“ศัตรูของศัตรูคือมิตร คำพูดนี้ต้องอยู่บนเงื่อนไข่หนึ่ง นั่นก็คือระดับของทุกคนไม่แตกต่างกันมาก และอยู่ในระดับเดียวกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ไม่เช่นนั้นหากดันทุรังไปหา มีแต่ทำให้อีกฝ่ายดูแคลนหรือไม่ก็มองข้าม ยังมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะหมายตาของวิเศษเหมือนสำนักแสงสว่างก็เป็นได้”
“แต่ในเมื่อทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์เลวร้ายเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นสองกลุ่มใหญ่ที่อยู่ในระดับเดียวกัน หากระหว่างพวกเขาเกิดสงครามขึ้น สำนักแสงสว่างก็ไม่อาจหาเรื่องพวกเราได้ ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่ได้บดขยี้ได้เหมือนดินเหนียว”
ชายหนุ่มหุบพัด “วัตถุดิบของด้ามพัดเล่มนี้คือต้นเจี้ยนในตำนาน อาศัยของวิเศษชิ้นนี้ ไม่ต้องเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ก็น่าจะไปยังโลกซ้อนโลกได้แล้ว”
ทุกคนตกตะลึง ฟู่เอินซูถามว่า “ตอนนี้เจ้าคิดจะไปโลกซ้อนโลกหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ “ย่อมไม่รีบร้อนถึงเพียงนั้น ต่อให้อยากไปจริงๆ ก็ต้องใช้เวลาเตรียมตัว ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
“อย่างแรกต้องทำให้สถานการณ์ของโลกแปดพิภพสงบลงก่อน จากนั้นต้องรอบิดาข้าออกมาจากผนึกทะเลตะวันออก แล้วค่อยๆ ปรึกษากัน”
“แต่ว่า ‘โลกซ้อนโลก’ นี้ ไปเร็วย่อมดีกว่าไปช้า ต้องทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของที่นั่นให้เร็วที่สุด” เยี่ยนจ้วเกอพูดพลางหรี่ตา “จางเชา จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อาทิตย์ม่วงลอยขึ้นไปด้านบนสำเร็จแล้ว ถือว่าเป็นหายนะอย่างหนึ่ง สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ มงกุฎจันทราถูกพวกเขานำไปโลกซ้อนโลกด้วย เรื่องราวไม่อาจจบลงเพียงเท่านี้”
เฟิงอวิ๋นเซิงกลับไม่รู้สึกความผิดหวัง เพียงแค่พยักหน้าอย่างสงบนิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอถอนหายใจ “อีกทั้งมารดาของข้าอาจจะมาจากที่นั่น และตอนนี้อาจจะกลับไปที่นั่นแล้ว สถานการณ์เป็นอย่างไรยังไม่ทราบ ข้าคิดจะตามหาตั้งแต่แรกเหมือนกัน แต่ก่อนยังไม่มีวิธี ปัจจุบันในที่สุดก็มีหวังแล้ว”
ฟู่เอินซูได้ยิน ก็เบือนหน้าไปอีกทาง
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นเพียงยักไหล่พร้อมกับยิ้มอย่างหนักใจ
พวกจางคุนที่รู้สถานการณ์ระหว่างเยี่ยนตี๋ เสวี่ยชูชิง และฟู่เอินซูคร่าวๆ เงียบลงชั่วขณะ
ชายหนุ่มทำสีหน้าจริงจัง ถามว่า “จริงด้วย สถานการณ์ของอาจารย์ลุงสองเป็นอย่างไร?”
เหอหนิงเอ่ย “ก่อนหน้านี้นำเสื้อคลุมนภามาปะทะกับศัตรู แต่น่าจะไม่เป็นปัญหาใหญ่ ข้าเพิ่งไปดูเขามา สถานการณ์ค่อนข้างปลอดภัย แต่ว่าอาการบาดเจ็บยังคงสาหัส ไม่ทราบว่าจะตื่นขึ้นตอนไหน”
“ข้าจะไปดูเขาเสียหน่อย” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว
เมื่อมีร่างกายของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองอย่างร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอยู่ด้วย ความสามารถในการรักษาของเยี่ยนจ้าวเกอที่จำเป็นต้องมีพลังฝึกปรือค่อนข้างสูงจึงจะใช้ได้ ตอนนี้นับว่าได้มีโอกาสได้ใช้แล้ว
หลังจากที่จัดการเรื่องฟางจุ่นเสร็จ ก็เห็นผลลัพธ์ในทันที สีหน้าของฟางจุ่นดีขึ้นมามาก
ในขณะเดียวกัน ทั่วทั้งเขากว่าเฉิงก็กำลังจัดการปัญหาที่เกิดจากการบุกสำนักของศัตรู
สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์ถูกทำลาย สถานการณ์ของโลกแปดพิภพเปลี่ยนแปลงในทันที
ใต้หล้าสั่นสะเทือน ผู้คนล้วนรับมือไม่ทัน