ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 610 ดาบอันน่าอัศจรรย์
เยี่ยนตี๋ที่ได้ยินคำพูดของเยี่ยนจ้าวเกอก็ประหลาดใจเล็กน้อย “มีแผนการ? หมายความว่าอย่างไร?”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างเชื่องช้า “พัดกระดาษของเหลียงจื้อเชาแห่งสำนักความมืดที่ได้จากที่นั่น ข้าได้ศึกษาดูอย่างละเอียดแล้ว ถึงแม้การใช้จะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่ไม่ได้มีผลสำหรับคนเดียว สามารถปกป้องคนหลายคนให้ผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ได้ แน่นอนว่าไม่เกินห้าคน”
“ท่านอาจารย์ไม่อยู่ ข้าต้องอยู่ในแปดพิภพ ยังมีใครตามเจ้าไปได้อีก? ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสม่อบอกแล้วว่าเขาไม่คิดจะกลับโลกซ้อนโลกอีก” เยี่ยนตี๋ถาม
ชายหนุ่มกล่าวอย่างใคร่ครวญ “อวิ๋นเซิงไปกับข้าได้”
เยี่ยนตี๋มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความประหลาดใจ “ครั้งนี้เจ้าไปไม่ได้ไปเที่ยวเล่น หรือได้รับเชิญไปเป็นแขก”
“สถานการณ์ของโลกซ้อนโลกไม่ชัดเจน อีกทั้งยังมีศัตรูอย่างสำนักแสงสว่างคอยจับจ้อง การไปของเจ้าในครั้งนี้ไม่ได้ปลอดภัยนัก การพาศิษย์หลานเฟิงไปด้วยไม่เป็นเรื่องดีต่อตัวนาง”
เขามองบุตรชายอย่างเคร่งขรึม “หลายปีมานี้ ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ใช่คนที่สร้างปัญหาให้ส่วนรวมเพราะเรื่องส่วนตัว เจ้ามีความคิดอะไรหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าย่อมไม่อยากให้อวิ๋นเซิงอยู่ในอันตราย การเดินทางครั้งนี้เพราะเรื่องส่วนรวม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว”
เยี่ยนตี๋ถาม “เพื่อมงกุฎจันทราหรือ? เจ้าไปในครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะมีโอกาสชิงมงกุฎจันทรา”
“นั่นเป็นแค่เรื่องหนึ่ง อีกทั้งยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เป็นตามที่ท่านพูด การไปยังโลกซ้อนโลกในครั้งนี้จะได้แตะต้องมงกุฎจันทราหรือไม่ยังไม่แน่” เยี่ยนจ้าวเกอพูด
“เมิ่งหวานกับมงกุฎจันทราถูกพาไปยังสำนักแสงสว่าง ก่อนที่สำนักแสงสว่างจะชุบเลี้ยงสตรีแห่งจันทราของพวกเขาเอง จะต้องเชื่อมั่นในตัวเมิ่งหว่าน แต่ย่อมไม่ใช้โดยง่าย เมิ่งหวานน่าจะอยู่ที่สำนักแสงสว่างแอบฝึกฝนพร้อมกับมงกุฎจันทรา”
ผู้เป็นบิดาครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ที่เจ้าเร่งร้อนขนาดนี้…เพราะเพื่อของวิเศษดาวทมิฬชิ้นนั้นหรือ? แต่ว่านี่เกี่ยวข้องอะไรกับศิษย์หลานเฟิง?”
เยี่ยนจ้าวเกอกางห้านิ้วดุจดาบ ก่อนจะฟันลง “เรื่องที่ข้าเคยพูดกับท่านก่อนหน้านี้ ไม่ทราบว่าท่านยังจำได้หรือไม่”
เยี่ยนตี๋มองการเคลื่อนไหวของเยี่ยนจ้าวเกอ ใบหน้าปรากฏความเข้าใจ “เจ้าพูดถึงดาบที่ศิษย์หลานเฟิงพกติดตัวหรือ?”
บุตรชายพยักหน้า “เป็นดาบเล่มนั้น ดาบนี้พิเศษยิ่ง ดูเหมือนธรรมดา แต่กลับแฝงความน่าอัศจรรย์ไว้ หลังจากพลังฝึกปรือของเฟิงอวิ๋นเซิงที่เป็นเจ้าของเพิ่มขึ้น พลังวิญญาณของดาบเล่มนี้ก็จะเพิ่มตาม”
“ตอนที่ข้าเห็นครั้งแรก มันเป็นแค่อาวุธวิญญาณชั้นต่ำชิ้นหนึ่ง แต่มาถึงตอนนี้ มันกลายเป็นอาวุธวิเศษชั้นสูงไปแล้ว”
“ขนาดข้าอ่านคัมภีร์โบราณ ก็ยังไม่เคยพบของเช่นนี้มาก่อน”
ไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าที่เยี่ยนจ้าวเกอหลอมสร้างขึ้นเพื่อตัวเองก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งตามพลังฝึกปรือของเขาเช่นกัน
ทว่าการเพิ่มระดับของกระบองไม้ไผ่อันนี้เป็นเยี่ยนจ้าวเกอหลอมของวิเศษและอาวุธวิเศษมากมาย เพื่อ ‘ป้อน’ ให้มันนับตั้งแต่ยังเป็นอาวุธวิญญาณ
กลับไม่เหมือนดาบยาวสีดำของเฟิงอวิ๋นเซิงที่เพิ่มระดับด้วยตัวเองได้โดยสิ้นเชิง ข้อจำกัดเพียงหนึ่งเดียวก็คือ พลังฝึกปรือของเจ้าของอย่างนาง
เมื่อมาถึงตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอแน่ใจแล้วว่า ถ้าหากเฟิงอวิ๋นเซิงเลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์ ดาบสีดำเล่มนี้น่าจะเลื่อนเป็นอาวุธวิญญาณ
สิ่งที่ยังไม่แน่ใจเพียงหนึ่งเดียวก็คือ ข้อจำกัดในการเพิ่มระดับของดาบเล่มนี้อยู่ที่ไหน
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยว่า “ข้าเคยตรวจสอบดาบเล่มนี้มาก่อน กลับไม่มีการค้นพบความพิเศษแต่ประการใด กระนั้นก็แน่ใจได้ว่าดาบเล่มนี้ไม่ได้ค่อยๆ ตื่นขึ้นทีละนิด หลังติดอยู่ในสภาวะหลับไหลเหมือนตราประทับตะวันหรือมงกุฎจันทรา”
“แต่ว่าจะต้องมีความพิเศษและมีเบื้องหลังไม่ธรรมดาอยู่แน่ๆ กระนั้นในช่วงเริ่มต้นมันน่าจะเป็นแค่ของวิเศษชั้นต่ำไม่ผิดแน่ ต่อมาจึงค่อยๆ ก้าวมาถึงวันนี้”
พูดถึงตรงนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็ตบหน้าผากของตนเบาๆ “แต่ครั้งนี้หลังจากได้เห็นพลังแห่งการกัดกร่อนของดาวทมิฬด้วยตาตัวเอง ข้าก็พลันเข้าใจขึ้นมา สัมผัสได้ถึงเบื้องหลังความน่าอัศจรรย์ของดาบเล่มนี้”
เยียนตี๋ได้ยินก็รู้สึกงงงันเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขึมก็ค่อยๆ กล่าวว่า “ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ดาวทมิฬราหูเท่านั้น…”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ไม่ผิด อาจจะเป็นดาวตรงข้ามของดวงจันทร์ ดาวซ่อนเร้นพระเกตุ”
“แต่พอคิดถึงว่าดาบเล่มนี้อยู่ที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เริ่ม ข้าคิดว่าไม่ได้บังเอิญ”
ชายหนุ่มพูดอย่างจริงจัง “ข้าเคยถามอวิ๋นเซิงอย่างจริงจัง นางไม่รู้ว่าดาบเล่มนี้มาจากไหน ก่อนหน้านี้ดาบเล่มนี้เป็นแค่ของฝุ่นจับที่อยู่ในคลังอาวุธของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ทั้งยังมีประวัติมานานแล้ว”
เยี่ยนตี๋พูดขึ้นหลังจากได้ยินว่า “เจ้าคิดว่าดาบเล่มนี้มีประโยชน์ ข้าย่อมไม่คัดค้าน ในเมื่อเป็นเช่นนี้…”
บุตรชายหัวเราะอย่างหนักใจ “ข้าเข้าใจความหมายของท่าน ถ้าหากทำได้ ข้าก็อยากนำแค่ดาบ ‘ขึ้น’ ไป”
“แต่ข้าขอบอกท่านเรื่องหนึ่ง ท่านไม่อาจคิดอย่างนั้น”
“ก่อนที่อวิ๋นเซิงจะรับดาบเล่มนี้มา มีจอมยุทธ์ในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนอื่นเคยใช้มันมาก่อน แต่ว่าในตอนที่คนเหล่านั้นเลื่อนเป็นปรมาจารย์จิตราชั้นนอก ดาบเล่มนี้ยังคงเป็นอาวุธวิเศษชั้นต่ำไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่ต้องมาอยู่ในมืออวิ๋นเซิงเท่านั้น ดาบเล่มนี้จึงเพิ่มระดับขึ้นตามพลังฝึกปรือของนาง”
เยี่ยนตี๋ได้ยินก็มีสีหน้าหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อย่างหาได้ยาก “นี่มัน…”
สองพ่อลูกมองหน้ากันพลางยิ้มขื่นขม ครู่ต่อมา เยี่ยนตี๋ส่ายหน้า “เช่นนั้นก็ไม่มีวิธีแล้ว ขอให้การคาดเดาของเจ้าถูกต้องแล้วกัน”
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าจะพาไปคนเดียวหรือหลายคนก็มีค่าเท่ากัน เจ้ามีความคิดอื่นอีกหรือไม่? ปราณวิญญาณและสภาพแวดล้อมบนโลกซ้อนโลกเหมาะกับการฝึกฝนยิ่งกว่าแปดพิภพ”
มีบางอย่างที่เยี่ยนตี๋ไม่ได้พูดออกมา สำหรับเขาแล้ว เขากว่างเฉิงถึงแม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงวิกฤติ แต่ว่าวิกฤตินี้ก็มาจากโลกซ้อนโลก
เขากว่างเฉิงไม่มีศัตรูในโลกแปดพิภพอีกแล้ว ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอจากไป เยี่ยนตี๋คอยเฝ้าอัคคีพิภพ จอมยุทธ์คนอื่นก็ย่อมไม่กล้าขัดแย้งกับเขากว่างเฉิง
แม้จะเป็นจอมยุทธ์ที่ไม่เคยมีกฎเกณฑ์ ก่อเรื่องบนท้องทะเลไร้สิ้นสุด หรือมหาทะเลทรายแดนตะวันตก ตอนนี้ก็ยังต้องหลบเลี่ยงลูกศิษย์เขากว่างเฉิง
ในเวลาอันสั้นยังมองอะไรไม่ออก แต่นานวันเข้า ลูกศิษย์ของเขากว่างเฉิงจะยิ่งมายิ่งปลอดภัย
เยี่ยนตี๋คิดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวว่า “การก้าวเท้าครั้งหนึ่งไม่ควรก้าวยาวเกินไป มีสถานที่บางสถานที่น่าจะลองถือเป็นทางผ่าน”
“โลกผืนสมุทร” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า
เยี่ยนตี๋เอ่ย “ถูกต้อง เป็นโลกผืนสมุทร ตามคำพูดของเจ้ากับศิษย์พี่ฟู่ สภาพแวดล้อมของที่นั่นกับรากฐานที่เจ้าวางไว้ก่อนหน้าไม่ได้ปลอดภัยมากนัก แต่ก็ไม่ได้อันตรายเกินไป ถึงจะมีอันตราย แต่ก็อยู่ในขอบเขตที่รับได้ ให้ลูกศิษย์ที่โดดเด่นของสำนักเรารับการเคี่ยวกรำได้”
“สวีเฟยกับสือจวินยังอยู่ที่นี่ ถือโอกาสช่วยพวกเขาด้วย”
เยี่ยนตี๋มองเยี่ยนจ้าวเกอ “สำหรับการเคลื่อนทัพเข้าไปในโลกผืนสมุทรอย่างเป็นทางการ เรื่องนี้ยังเร็วไป อย่าเพิ่งไปคิดถึง”
เยี่ยนจ้าวเกอพูด “ข้าเองก็คิดจะไปโลกผืนสมุทรเหมือนกัน เพราะถูกสำนักแสงสว่างรบกวน เป็นไปได้มากว่าอีกด้านหนึ่งของบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ของแปดพิภพจะไปอยู่ที่นั่น”
“ประเสริฐนัก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ขอมอบให้เจ้าจัดการ” เยี่ยนตี๋เอ่ย
ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านพ่อวางใจ ทางข้าไม่มีปัญหาแน่”
เยี่ยนตี๋รั้งอยู่ที่ซากยอดยอดเขาเรืองรอง ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอก็กลับไปยังเขากว่างเฉิง
เพียงสั่งคำเดียว ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว