ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 611 มาถึงมหาสมุทรอีกครั้ง
“คุณชาย ให้ข้าไปที่โลกซ้อนโลกกับท่านเถอะ!” อาหู่ยื่นหน้ามาใกล้เยี่ยนจ้าวเกอ
ชายหนุ่มอดหัวเราะไม่ได้ “ครั้งนี้ข้าไปไม่ได้ไปเป็นแขก อาจจะลำบากยิ่ง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไปด้วย?”
อาหู่หัวเราะแหะๆ “ข้าย่อมอยากไป คุณชายท่านไปยังที่ใดล้วนใช้อำนาจบาตรใหญ่ได้”
การไปยังโลกผืนสมุทรของเยี่ยนจ้าวเกอก่อนหน้านี้ เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างฉุกละหุก อาหู่รับผิดชอบส่งฟางจุ่นและเสื้อคลุมนภากลับเขากว่างเฉิง ย่อมตามไม่ทัน
ต่อมาได้ทราบถึงวีรกรรมในโลกผืนสมุทรของเยี่ยนจ้าวเกอ อาหู่ได้แต่ตีอกชกหัว
ครั้งนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็จะติดตามเยี่ยนจ้าวเกอไปด้วย ขาดแต่กอดขาเยี่ยนจ้าวเกอร้องไห้เท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้จะทำอะไรตามใจในโลกผืนสมุทรก็ได้ แต่ว่าชื่อของข้ายังพอมีประโยชน์ ต่อให้ตัวข้าไม่อยู่ เจ้าก็สามารถทำตัวเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีพยัคฆ์ได้”
อาหู่ยื่นหน้าเข้ามาพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “นั่นยังไม่ดูดีเท่าอยู่ข้างคุณชายท่าน”
“อืม วาจานี้ข้าชอบฟังนัก” เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิด “ถึงเวลาเจ้าอย่าโอดครวญแล้วกัน”
“ไม่มีๆ ข้าไม่มีทางทำ” อาหู่ส่ายหน้าเหมือนกลองเขย่า
ชายหนุ่มหันไปอีกทาง เฟิงอวิ๋นเซิงกำลังก้มศีรษะมองดาบยาวสีดำในมือ
นางดึงดาบยาวออกฝักแล้ว นิ้วลูบผ่านคมดาบเบาๆ ไม่มีความรู้สึกเย็นเยียบของคมโลหะทั่วไป และไม่เห็นประกายดาบแวววาว เหมือนกับอุณหภูมิกับประกายแสงถูกเก็บไว้ในดาบ
เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิงก็เงยหน้าขึ้น “ก่อนหน้านี้ถึงแม้จะรู้ว่าดาบเล่มนี้แปลกประหลาด แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะมีประวัติความเป็นมาเช่นนี้”
“ตอนที่เลือกดาบ รู้สึกว่าดาบเล่มนี้ดูธรรมดา แต่รู้สึกเข้ามือดี ปัจจุบันพอดูแล้วน่าจะไม่ธรรมดา”
เฟิงอวิ๋นเซิงยกดาบยาวสีดำในมือของตนขึ้น งอนิ้วดีดเบาๆ ไม่มีเสียงใดดังออกมา
หลังจากระดับของดาบสูงขึ้น ดาบเล่มนี้ก็ยิ่งมายิ่งเก็บประกาย ยิ่งมายิ่งเงียบสงบ มีเพียงแต่ตอนที่ฟันสังหารศัตรูเท่านั้น จึงแสดงความตกตะลึงให้เห็น
เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ถึงแม้เจ้าจะทิ้งรากฐานวรยุทธ์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไป แต่ว่าเจ้าก็ฝึกฝนท่าดาบดาบผลาญฟ้าคล้อยประจิม หนึ่งในวิชาเจ็ดสุริยะมาโดยตลอด ไม่รู้สึกผิดปกติหรือ?”
หญิงสาวใคร่ครวญเล็กน้อย “ไม่มีความรู้สึกว่าอ่อนแอลง กลับรู้สึกคุ้นมือมากขึ้น”
“พลังแห่งกัดกร่อนทำลายแสงอาทิตย์ ทำให้ตัวเองแข็งแกร่ง การผสมระหว่างดาบและ วรยุทธ์ของเจ้าอาจจะมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดสถานการณ์เช่นนี้จริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า
“แต่ปัจจุบันพูดเช่นนี้ยังคงเร็วไป รอจนถึงโลกซ้อนโลกอาจจะรู้ผล”
“ถูกต้อง” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าว
พูดจบนางก็เก็บดาบเข้าฝัก
เยี่ยนจ้าวเกอมองซือคงจิงกับอิงหลงถู เอ่ยว่า “พวกเจ้าสองคนก็ร่วมทางไปโลกผืนสมุทรกับพวกข้าเถอะ”
ซือคงจิงพยักหน้า อิงหลงถูกลับเม้มปาก “ศิษย์พี่เยี่ยน ศิษย์พี่เฟิง ข้าไปโลกซ้อนโลกกับพวกท่านไม่ได้หรือ?”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังเร็วเกินไป แต่ไม่ต้องรีบร้อน สำหรับข้าแล้ว ข้าอยากให้พวกเจ้าไปที่โลกซ้อนโลกให้เร็วที่สุด สภาพแวดล้อมในการฝึกฝนของที่นั่นยอดเยี่ยมยิ่งกว่าแปดพิภพและโลกผืนสมุทร ด้วยพรสวรรค์ของพวกเจ้าน่าจะมีการพัฒนามากกว่าเดิม”
“แต่ขอให้ใจเย็นๆ ก่อน”
อิงหลงถูพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ขอรับศิษย์พี่”
เยี่ยนจ้าวเกอนำทุกคนออกเดินทาง เห็นที่นอกประตูมีลูกศิษย์เขากว่างเฉิงอีกไม่กี่คนรออยู่ ทั้งหมดเป็นอัจฉริยะระดับสายตรงทั้งสิ้น
“การไปโลกผืนสมุทรไม่ได้ปลอดภัยเท่าแปดพิภพ แต่ก็ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเสียชีวิต อีกทั้งหากอยากกลับมายังไม่ง่าย” เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ถึงแม้การไหลของเวลาที่นั่นจะเร็วกว่าแปดพิภพค่อนข้างมาก ทว่าความรู้สึกเวลาอยู่ที่นั่น หนึ่งปีก็คือหนึ่งปี ไม่มีสิ่งใดแตกต่าง”
“หากเดินไปด้านหน้าได้ทีละก้าวย่อมประเสริฐ วันใดได้กลับแปดพิภพย่อมประหยัดเวลาได้ไม่น้อย ต่อหน้าคนรู้จักย่อมดูดียิ่งกว่าในตอนแรก”
“แต่ถ้าหากไม่พัฒนาแล้วเส้นตายกับอายุขัยมาถึง เช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดแตกต่าง”
เขามองทุกคน “ปัจจุบันพวกเจ้ารู้ถึงการมีอยู่ของโลกซ้อนโลกแล้ว จอมยุทธ์อย่างพวกเราต้องมีเป้าหมาย สายตาไม่ควรหยุดอยู่ที่แปดพิภพ ที่นั่นต่างหากจึงเป็นสถานที่ที่พวกเราสมควรไป”
ทุกคนตรงหน้ารวมถึงซือคงจิงและอิงหลงถูต่างตอบรับอย่างแน่วแน่
“น้อมรับคำสอนของศิษย์พี่เยี่ยน”
“น้อมรับคำสอนของอาจารย์อาเยี่ยน”
ฟู่เอินซูกับผู้อาวุโสฉินซึ่งเป็นผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งตำหนักสืบวิชายืนอยู่ด้านข้าง มองเยี่ยนจ้าวเกอสั่งสอน ไม่ได้สอดปาก เพียงพยักหน้าน้อยๆ
“อาจารย์อาฉิน เช่นนั้นพวกเราออกเดินทางแล้ว” ฟู่เอินซูพยักหน้าให้ผู้อาวุโสฉินเล็กน้อย
การไปยังโลกผืนสมุทร ตัวเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้จะรั้งอยู่นาน ถึงแม้เขากว่างเฉิงจะไม่ได้มีความคิดขยายดินแดนที่นั่น แต่มีแค่ลูกศิษย์อายุน้อยก็ยังไม่ปลอดภัย ฟู่เอินซูที่เคยไปยังโลกผืนสมุทร คุ้นเคยเส้นทางเป็นอย่างดี ครั้งนี้จึงรับหน้าที่นำกลุ่ม
ผู้อาวุโสฉินกล่าว “พวกเจ้าต้องระวังตัวด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่เอินซูพยักหน้า “ได้โปรดวางใจ”
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยืนอยู่หลังเยี่ยนจ้าวเกอเงียบๆ เวลานี้ยื่นฝ่ามืออกมา กลางฝ่ามือมีแสงส่องสว่างขึ้น คล้ายกับมีมิติไร้จำกัดบรรจุอยู่ด้านใน ราวกับเมล็ดผักกาดที่ใส่ฐานพระพุทธรูปได้ทั้งฐาน
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยกแสงขึ้น ครอบคลุมพวกเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็คำนับผู้อาวุโสฉาง หมุนกายก้าวเท้า ร่างเหยียบขึ้นบนอากาศ บินไปยังฟ้าสีคราม
มันมุ่งหน้าไปทางตะวันออก สถานที่ที่จะไปกลับเป็นทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก
สุสานมังกรพังทลายลงแล้ว เส้นทางหุบเหวเหมันต์บรรพกาล ตอนนี้ไปไม่ได้อีกแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอจึงเลือกทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก
การไปยังโลกผืนสมุทรก่อนหน้านี้ ทางเชื่อมเกิดขึ้นชั่วคราว ไม่ใช่ทางเชื่อมเขตแดนที่เสถียรแต่ประการใด
แต่มิติเวลาก็เปลี่ยนแปลงยากหยั่งคาด สถานที่ที่เคยเปิดเป็นทางเชื่อมเขตแดนมาก่อน เปรียบเทียบกันแล้ว ค่อนข้างน่าเชื่อถือมากกว่า
หากประตูเปิดขึ้นในสถานที่เดิมอีกครั้ง จะกำหนดตำแหน่งไปถึงโลกผืนสมุทรได้ง่ายกว่าเดิม ไม่ใช่สถานที่อื่น
เมื่อมาถึงทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก เยี่ยนจ้าวเกอก็หยิบกระจกยังสูงส่งออกมา ถ่ายเทญาณจริงแท้ของตนเข้าไป
ผิวกระจกปรากฏลวดลายแสงหลายสาย ประกอบกันกลายเป็นค่ายกลวิญญาณที่มีขนาดเล็กและวิจิตร
ค่ายกลวิญญาณเหนี่ยวนำ แสงกระจกกระจัดกระจาย เบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอพลันปรากฏทางเชื่อมมายาเส้นหนึ่ง
เส้นทางยืดยาวออกไปสถานที่ที่อยู่ไกลออกไปอย่างต่อเนื่อง ทอดตัวคดเคี้ยวอยู่ในมิติที่บิดเบี้ยว เหมือนกับเปิดเป็นประตูมายาบานหนึ่ง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกม้วนทุกคนเอาไว้ ก้าวเท้าออกก้าวหนึ่ง เข้าไปในทางเชื่อมเขตแดนที่สร้างขึ้นชั่วคราว
ข้ามผ่านมิติหนาหนัก เบื้องหน้าพลันปรากฏแสงสว่าง ทะเลมรตที่มีคลื่นซัดสาดปรากฏขึ้นด้านหน้า เยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง
เพียงมองไอหมอกที่แผ่พุ่งออกมาเบื้องหน้า เยี่ยนจ้าวเกอก็ทราบว่าได้กลับมายังสถานที่ที่ตนเคยมา มาถึงทะเลลางเรือนที่อยู่บนโลกผืนสมุทรแล้ว
ทว่ายังไม่รอให้เขายืนได้อย่างมั่นคง สองฟากข้างของร่างกายพลันมีคลื่นพลังที่รุนแรงส่งมา
ด้านซ้าย เงาแสงเต่าวิญญาณตัวหนึ่งลอยอยู่เหนือผิวทะเลอย่างมั่นคงดั่งขุนเขา
ด้านขวา เงาแสงงูวิญญาณตัวหนึ่งเลื้อยอยู่กลางอากาศ บดบังท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ ปราดเปรียวไม่ธรรมดา
เจตจำนงหมัดอันยิ่งใหญ่สองสายกำลังหนีบเยี่ยนจ้าวเกอ พร้อมกับพุ่งเข้ามาหาเขา!