ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 617 โลกซ้อนโลกที่น่าอัศจรรย์จนไม่อาจบรรยาย
“ตอนนี้?” สวีเฟยมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความสับสนเล็กน้อย
จอมยุทธ์ที่มีพลังฝึกปรือไม่เกินระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม หากต้องการไปยังโลกซ้อนโลกย่อมไม่อาจลอยขึ้นไปได้ ได้แต่ข้ามผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์
ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอได้อธิบายถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพัดกระดาษ ที่ด้ามของมันเป็นไม้เจี้ยนไปแล้วคร่าวๆ สวีเฟยรู้แล้วว่าเยี่ยนจ้าวเกอมีของวิเศษคุ้มกันตัวเองจากพลังแห่งเขตแดน
กระนั้นหากต้องการตามหาบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ ต้องไปที่ใดเล่า?
ด้วยความสามารถในตอนนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ ยังไม่มากพอจะฉีกกระชากเขตแดนระหว่างโลกซ้อนโลกกับโลกผืนสมุทรได้
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เคยมีบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์โผล่ขึ้นในโลกผืนสมุทรมาก่อน คนของสำนักความมืดผู้นั้นมาจากที่นั่น”
“บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ย่อมไม่คงอยู่ตลอด พลังแห่งเขตแดนทำให้มันสมานตัว ทว่าการเปิดสถานที่ที่เคยถูกฉีกสมควรง่ายกว่า”
“ส่วนสถานที่…” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ศิษย์พี่สวีท่านน่าจะทายออก”
สวีเฟยได้ยินก็ครุ่นคิดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สายตาฉายแววเข้าใจ “ภูเขาชิงวายุ?”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ถึงแม้จะไม่กล้ายืนยัน แต่ถ้าหากข้าทายไม่ผิด บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์เมื่อครั้งที่เหลียงจื้อเชาจากสำนักความมืดผู้นั้นลงมา สมควรอยู่ที่บริเวณภูเขาชิงวายุ”
ภูเขาชิงวายุเป็นสถานที่ที่อันตรายถึงขีดสุดแห่งหนึ่งในโลกผืนสมุทร นับเป็นแดนต้องห้ามของมนุษย์ที่ตั้งอยู่บนแผ่นดิน
ที่นั่นถูกครอบคลุมอยู่ในพายุอันน่าสะพรึงตลอดปี มิติถึงขั้นบิดเบี้ยว แม้จะเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่กล้าก้าวเข้าไปง่ายๆ
ชายหนุ่มพูดขึ้นว่า “ถ้าหากสถานการณ์ทางโลกซ้อนโลกมั่นคงแล้ว ข้าจะหาวิธีลงมาอีก รับพี่สะใภ้อวี่เจินขึ้นไป บางทีที่นั่นอาจจะมีวิธีที่ทำให้นางฟื้นขึ้นมามากกว่าเดิมก็ได้ โชคดีที่ตอนนี้มีไผ่ม่วงเกสรเซียนยืดอายุขัย เวลาจึงมีมากพอ”
สวีเฟยกล่าว “การเดินทางครั้งนี้ของพวกเจ้า ต้องระวังให้มากไว้”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบด้วยรอยยิ้ม “นี่ย่อมแน่นอน”
หลังจากบอกลาพวกสวีเฟยและฟู่เอินซูเสร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็ออกเดินทางไปยังบริเวณเขาชิงวายุ
เมื่อเข้าใกล้เขาชิงวายุ ชายหนุ่มพบว่าที่นี่สมคำร่ำลือ เขาทอดสายตามองไปไกล เห็นมีพายุกระจายเต็มท้องฟ้า เป็นสีดำไปทั้งแถบ มองไม่เหตุทัศนียภาพรอบๆ โดยสิ้นเชิง
เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่ยืนอยู่ด้านข้างเขา มือป้องตามองภาพอันหฤโหดนั้น ต่างสูดหายใจเย็นเยียบ
“คุณชาย ท่านแน่ใจหรือว่าเป็นที่นี่?” อาหู่แยกเขี้ยวยิงฟัน
พ่านพ่านที่นั่งอยู่ด้านล่างพวกเขาคลานอยู่บนพื้น อุ้งเท้าทั้งสองปิดตาของตัวเอง ส่งเสียงร้องอ่อนแรง เหมือนเห็นด้วยกับคำพูดของอาหู่
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “หลังจากสังเกตแล้ว ข้ายิ่งแน่ใจว่าเป็นที่นี่”
เฟิงอวิ๋นเซิงเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้า “ถ้าหากเป็นที่นี่จริงๆ พวกเราจะทำอย่างไรดี?”
“ในตอนที่ยังอยู่แปดพิภพ ข้าคิดไว้แล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาพูดกับอาหู่ว่า “ของที่ให้เจ้าเตรียมก่อนหน้านี้ เอาออกมาให้หมด”
อาหู่ได้สติ รีบร้อนพลิกถุงย่อส่วนของตัวเอง หยิบของออกมากองใหญ่
ผลึกหิน กระดาษยันต์ หยกมรกต เพชร ของหลากหลายชนิด ขนาดของแต่ละชิ้นใหญ่มหึมา มีน้ำหนักราวหนึ่งร้อยชั่ง[1]
ในจำนวนนี้ยังมีต้นอ่อนประหลาดต้นหนึ่งที่เปล่งแสงสีมรกตจางๆ ด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอสั่ง “พวกเราถอยหลัง”
พูดจบก็พาเฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และพ่านพ่านถอยหลัง ส่วนร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกลงมือหยิบของวิเศษเหล่านั้น ก่อนจะลอยตัวขึ้น แล้วมุ่งหน้าไปยังทิศทางของเขาชิงวายุ
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมีพลังน่าทึ่ง ทะลวงพายุคลั่งด้านนอก เข้าใกล้เขาชิงวายุ
แต่ว่าเมื่อข้ามไปด้านใน พายุรอบเขาชิงวายุกลับรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ถึงตอนสุดท้าย แม้แต่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ยังมีความรู้สึกยากจะข้ามผ่าน
เกราะเหมันต์ทระนงปรากฏขึ้นบนร่างของมัน หอกมังกรมัจฉาโผล่มาในมือ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกระบำทวน พลังอันยิ่งใหญ่แหวกลมออกเป็นทางชั่วคราว
ภายใต้การสนับสนุนของสองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกฝืนเปิดทางขึ้นมาได้ สุดท้ายก็มาถึงยอดเขาชิงวายุ
ณ ที่นี่ พายุรุนแรงถึงขีดสุด ถึงขั้นที่ฉีกกระชากมิติ แม้จะเป็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ไม่อาจอยู่นิ่งได้นาน
มันแข่งกับเวลา กดดันพายุถอยหลัง แล้วค่อยพุ่งลงบนยอดเขา สุดท้ายมันโบกฝ่ามือครั้งหนึ่ง ของวิเศษหลากหลายชนิดหล่นลงบนยอดเขา กลายเป็นกระบวนทัพอันยิ่งใหญ่
ภายใต้การรบกวนจากพายุ ของวิเศษเหล่านี้แทบจะถูกบดขยี้ในชั่วพริบตา
ดีที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมีปฏิกิริยารวดเร็ว ปักหอกมังกรมัจฉาไว้บนยอดเขา ข่ายอาคมขนาดมหึมาพลันลอยขึ้น ขวางพายุคลั่งไว้ชั่วอึดใจ
ฉวยโอกาสนี้ สภาวะค่ายกลตั้งมั่น ต้นอ่อนสีเขียวมรกตใจกลางค่ายกลต้นนั้นหยั่งรากเติบโตขึ้น ถึงกับกลายเป็นต้นไม้สูงเสียดฟ้าในชั่วพริบตาเดียว
วินาทีถัดมาก็มีแสงมรกตสายหนึ่งพุ่งจากยอดเขาชิงวายุขึ้นไปบนท้องฟ้า
แสงสีมรกตส่องสว่างไปทั่วบริเวณ พายุที่น่าสะพรึงเหล่านั้นถูกแสงมรกตดึงดูด รวมตัวกันตรงบริเวณหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งสู่ฟากฟ้าด้วยกัน
พวกเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ไกลออกไป ต่างรู้สึกได้ว่าฟ้าดินกำลังสั่นสะเทือนไม่หยุด
ท้องฟ้าที่มืดสลัวในตอนแรก ขณะนี้กลายเป็นเรือนลางไม่ชัดเจน
“หือ?” สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอสั่นไหวเล็กน้อย ชั่วขณะที่เลือนราง เขาคล้ายกับเห็นแสงอ่อนๆ เส้นหนึ่งกะพริบอยู่กลางอากาศ
สักพักหนึ่งเขาก็แน่ใจ ว่าเมื่อครู่ไม่ใช่ความรู้สึกหลอนของตัวเอง มีแสงสว่างปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าจริงๆ มันเป็นแสงขนาดยาวเส้นหนึ่ง เหมือนกับม่านฟ้าฉีกออก กลายเป็นบาดแผลสายหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอเคยเห็นภาพนี้มาก่อนในตอนที่หยุดยั้งการมาของพวกจางเชาที่เป็นคนในสำนักแสงสว่าง เป็นบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์นั่นเอง
รังสีแสงสาดลงมาจากท้องฟ้า ข้างหูคล้ายกับมีเสียงสนทนาดังขึ้น
เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และพ่านพ่านเงยหน้าพร้อมกัน ต่างเบิกตากว้างมองภาพที่สั่นสะท้านจิตใจนี้
ชายหนุ่มส่งเสียงกู่ร้อง กาอนจะพาทั้งหมดเข้าใกล้เขาชิงวายุพร้อมกัน
พายุรอบเขาชิงวายุในตอนนี้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าชั่วคราว ผิวดินกลับสงบมั่นคงขึ้น
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกม้วนพวกเยี่ยนจ้าวเกอไว้ด้วยกัน ร่างพุ่งไปหาบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ราวกับนกเผิงกระพือปีกขึ้นสวรรค์
ในตอนที่ทุกคนเข้าใกล้บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ พลันรู้สึกได้ว่ามีพลังอันมหาศาลไร้ขีดจำกัดสายหนึ่งโจมตีลงมา
พลังมหาศาลไร้ขีดจำกัดนี้ ไม่เพียงแต่มาจากโลกภายนอกเท่านั้น ทั้งยังมาจากในร่างกายของพวกเยี่ยนจ้าวเกอด้วย!
ในนอกผสมผสาน กระจายไปทุกที่ ทั้งยังไม่มีวิธีต้านทาน
ความรู้สึกสับสนปั่นป่วนไม่เพียงแต่ทำให้เนื้อหนังของทุกคนเกิดความเจ็บปวด ราวกับถูกฉีกกระชากและบดขยี้เท่านั้น แม้แต่จิตวิญญาณยังสับสนอลหม่าน แทบจะกลายเป็นบ้าคลั่ง
การข้ามผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์โดยที่พลังฝึกปรือไม่ถึงขั้น สุดท้ายจะถูกพลังแห่งเขตแดนฉีกกระชากเป็นผุยผง ไม่เพียงแต่กายเนื้อจะกลายเป็นฝุ่นผงละอองเลือดเท่านั้น แม้แต่วิญญาณก็จะดับสลายเช่นกัน
นี่เป็นจุดจบที่ร่างและวิญญาณดับสิ้นอย่างแท้จริง
เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจลึก หยิบพัดกระดาษที่ได้มาจากจอมยุทธ์สำนักความมืดคนนั้นออกมากางดังพรึบ
ภายใต้การกระตุ้นของญาณจริงแท้ แสงสว่างที่เหมือนมีสีเขียวและสีทองพุ่งขึ้นทะลุฟ้าทะลุดิน!
เงาแสงเหมือนกับประกอบกันเป็นต้นไม้ยักษ์ที่สูงราวเสาสวรรค์ ด้านล่างครอบคลุมเขาชิงวายุ ด้านบนยอดไม้พุ่งเข้าไปในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์โดยตรง
ลำแสงกลายเป็นลำต้นยืดตรง พวกเยี่ยนจ้าวเกออยู่ด้านใน ถึงแม้จะยังคงรู้สึกได้ถึงการคุกคามอันน่ากลัวจากพลังแห่งเขตแดน แต่ก็เคลื่อนไหวได้อย่างมีอิสระมากขึ้น
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกฉวยโอกาสนี้ พาพวกเยี่ยนจ้าวเกอพุ่งขึ้นท้องฟ้า ข้ามผ่านรอยแตกบนท้องฟ้าที่เปล่งแสงระยิบระยับนั้น!
เหมือนกับมีแค่ชั่วพริบตาสั้นๆ แต่เยี่ยนจ้าวเกอกลับรู้สึกเหมือนตอนข้ามผ่านกระแสเวลาหลายพันหลายหมื่นปี
มีปราณวิญญาณอันยิ่งใหญ่กระทบใส่ร่าง สั่นไหวจิตใจของตน
ในตอนที่ประกายแสงหายไป เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่าเบื้องหน้าโล่งกว้างในทันใด ท้องฟ้าสีครามผืนหนึ่งในตอนนี้ปรากฏเหนือศีรษะ ระหว่างฟ้าดินมีปราณวิญญาณซัดสาดและหลั่งไหลไม่หยุด
ชั่วอึดใจนั้น เยี่ยนจ้าวเกอถึงกับมีความรู้สึกว่าตนกลับมายังมหาจักรวาลก่อนมหาภัยพิบัติอีกครั้ง
‘โลกซ้อนโลกน่าอัศจรรย์จนไม่อาจบรรยายจริงๆ…’
ถึงแม้จะมาเป็นครั้งแรก แต่เยี่ยนจ้าวเกอแน่ใจว่าตนไม่ได้มาผิดที่ ที่นี่คือโลกซ้อนโลกอย่างแน่นอน
แต่ว่า…
ข้างหูมีเสียงอันอหังการลอยมา เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งสายตามองไป บนฟ้าดินอันกว้างใหญ่ด้านหน้า เต็มไปด้วยเพลิงโหม กระแสน้ำสูงเทียมฟ้า ซัดใส่กันจนฟ้าดินพังทลาย!
สถานที่ที่ตนมา เพลิงสงครามกำลังลุกโชน!
……………………………………….
[1] 1 ชั่ง เท่ากับ 500 กรัม