ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 636 สิ่งที่เรียกว่าวิกฤติการณ์ เป็นทั้งอันตรายทั้งโอกาส
- Home
- ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี
- บทที่ 636 สิ่งที่เรียกว่าวิกฤติการณ์ เป็นทั้งอันตรายทั้งโอกาส
ในขณะนี้ เพลิงผลาญมากมายปกคลุมท้องฟ้า ประกอบกันเป็นอาณาเขตอันเป็นเอกเทศ ตัดขาดเกาะเซิ่งเหอกับโลกภายนอก กลายเป็นโลกใบเดียวกันโดยสิ้นเชิง
กลิ่นอายสีดำหลายสายพุ่งขึ้นท้องฟ้าโดยมีหอสักการะย่อยสำนักความมืดเป็นศูนย์กลาง กลายเป็นความมืดไร้สิ้นสุดที่เหมือนกับรัตติกาลในทันที กลืนกินแสงไฟ คืนความสงบแก่โลก
ส่วนที่สูงที่สุดของหอสักการะย่อย อู๋จื่อซิว ผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งตำหนักไร้แสงของสำนักความมืด มีสีหน้าเคร่งเครียด พลางเงยหน้ามองท้องฟ้า
หลังจากรู้ว่าเป็นเจิ้งกั๋วกง เขาก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาแก้แค้นเรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอสังหารหยางจ้าวหงแม่ทัพแห่งหลวนเซียง
ข้อแรก แม้หยางจ้าวหงจะเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ แม่ทัพประจำเกาะ แต่ยังไม่อาจทำให้ยอดฝีมือระดับสุดยอดที่ถูกจัดอยู่ในห้าอันดับแรกของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องล้างแค้นแทนได้
ข้อสอง ไห่เฉิงโหวที่เป็นเบื้องหลังของหยางจ้าวหง ไม่เพียงแต่ไม่สนิทสนมกับเจิ้งกั๋วกงเท่านั้น ยังมีความขัดแย้งทางการเมือง ไห่เฉิงโหวเป็นคนที่เสวียวมู่อ๋อง เสวียงอ๋องแห่งราชวงศ์ปัจจุบันไว้ใจ
ต่อให้ไห่เฉิงโหวจะหาผู้ช่วย ย่อมไม่ขอความช่วยเหลือจากเจิ้งกั๋วกง
เจิ้งกั๋วกงครั้งนี้มาที่เกาะเซิ่งเหอ เพราะสำนักความมืดของพวกเขาโดยเฉพาะ
เมื่อคิดถึงข้อนี้ จิตใจของอู๋จื่อซิวกับพวกเนี่ยเซิ่งที่เป็นยอดฝีมือสำนักความมืดต่างเคร่งขรึมลง
เรื่องที่สำนักตนแอบเตรียมพิธีอาทิตย์มืดจันทร์ยะเยือก สุดท้ายยังหลุดรอดออกไปได้ ดึงดูดให้ศัตรูยอดฝีมือมาถึง
พวกเยี่ยนจ้าวเกอกลับโดนพัวพันเข้าไปด้วย ถูกขังอยู่ในเกาะเซิ่งเหอ ติดร่างแหพร้อมกับเขา
เพียงแต่คิดว่าตนไม่รู้จะจัดการเยี่ยนจ้าวเกออย่างไร จึงเตรียมจะส่งเขาไป ตอนนี้กลับถูกราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องขวางทางจนไม่อาจเดินทาง อู๋จื่อซิวได้แต่หัวเราะขื่นขมไม่หยุด
จิตใจของผู้อาวุโสสำนักความมืด ในยามนี้คับข้องยิ่ง รู้สึกเพียงว่าเรื่องแต่ละเรื่องไม่เป็นดั่งใจหวัง
มาถึงตอนนี้ อู๋จื่อซิวไม่มีความคิดอื่นอีก ใช้ค่ายกลคุ้มกันของหอสักการะย่อย จากนั้นก็สู้กับเจิ้งกั๋วกงแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่มาบุก
อู๋จื่อซิวซึ่งอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า ขั้นเทวะสำแดงระยะกลาง ระดับพลังฝึกปรือแม้ว่าจะด้อยกว่าเจิ้งกั๋วกงขั้นหนึ่ง แต่อาศัยความได้เปรียบด้านชัยภูมิจากค่ายกลของหอสักการะย่อยสำนักความมืด ยังคงมีพลังพอสู้ได้
พลังของทั้งสองฝ่ายตัดสลับกันกลางฟ้าดิน ส่วนใหญ่แล้ว หอสักการะย่อยสำนักความมืดถูกซ่อนไว้ในความมืด
แต่ว่าม่านรัตติกาลถูกแสงไฟแทรกทะลุตลอดเวลา
แสงไฟสว่างวาบ ฟ้าดินกลับคืนสู่ความมืดมิด แต่ไม่ทันไรก็มีแสงไฟสว่างขึ้นในบริเวณอื่นอีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอกลับมาในหอสักการะย่อยสำนักความมืด รู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งสองสายที่กำลังปะทะกันอย่างรุนแรงกลางอากาศ พลางครุ่นคิดไม่พูดจา
อาหู่ทำหน้าหนักใจ “คุณชาย ประตูเมืองติดไฟลามถึงบ่อปลา พวกเราตอนนี้จะทำอย่างไรดี? หากหอสักการะย่อยสำนักความมืดถูกตีแตก ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องย่อมยินดีถือโอกาสเก็บพวกเราไปด้วย”
ชายหนุ่มเงยหน้ามองท้องฟ้า “ในเวลาสั้นๆ น่าจะไม่เกิดปัญหา แต่ว่าถ้านานกว่านั้น ก็ไม่แน่แล้ว”
ค่ายกลคุ้มครองของหอสักการะหลักสำนักความมืดในตอนนี้ เพราะกำลังเตรียมพิธีกรรม จึงไม่ได้อยู่ในสภาพปกติ
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากใช้พลังรุนแรงสู้กับยอดฝีมืออย่างเจิ้งกั๋วกงแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ย่อมมีช่องโหว่ให้ฉกฉวย
เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวอย่างครุ่นคิด “ก่อนหน้านี้มีข่าวบอกว่า เสวียนอ๋ององค์ปัจจุบันแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกรีฑาทัพด้วยตัวเอง คาดเดาได้ว่าเขาอาจจะมีที่พึ่งพาอื่นๆ”
“ตามเหตุผลแล้ว ยอดฝีมืออย่างเจิ้งกั๋วกง น่าจะเคลื่อนไหวพร้อมกับเสวียนมู่อ๋อง รวมพลังกันจึงจะถูก ตอนนี้กลับแบ่งกำลังมาที่นี่ เหมือนพิสูจน์การคาดเดาก่อนหน้าของพวกเราว่า ครั้งนี้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม”
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งครุ่นคิด ทางหนึ่งเอ่ยว่า “อีกทั้งเมื่อดูวิธีการรับมือของขุมกำลังอื่นในทะเลหวงเจีย สำนักความมืดในปัจจุบันท่าจะผ่านด่านนี้ยาก”
อาหู่ได้ยินรู้สึกสั่นสะท้าน “คุณชาย นั่นหมายความว่า หอสักการะหลักสำนักความมืดก็ไม่ปลอดภัยเช่นกันหรือ?”
“ที่ตั้งของหอสักการะหลักสำนักความมืดเป็นความลับมาโดยตลอด แต่ว่าครั้งนี้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องมีสภาวะดุดัน คิดว่าคงมีความมั่นใจไม่น้อย” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ
“ถ้าหากข้าไม่ได้มองผิด พิธีกรรมที่สำนักความมืดวางแผนอยู่ ไม่อาจดูถูกได้ ทั้งยังมีขนาดใหญ่มาก ข้าสงสัยว่าพิธีที่หอสักการะย่อยเป็นส่วนหนึ่งที่คอยร่วมประสานเท่านั้น แกนหลักอยู่ที่หอสักการะหลัก
“ด้วยเหตุนี้เอง หอสักการะหลักกับหอสักการะย่อยแต่ละแห่งจึงอยู่ในสภาวะร่วมมือกัน ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอาจจะฉวยโอกาสนี้สืบสาวหาตัว”
อาหู่กล่าาวอย่างไม่พอใจ “ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องเหตุใดไม่ไปหาเรื่องสำนักแสงสว่าง? สำนักแสงสว่างหาง่ายกว่ามาก ไฉนต้องมาที่สำนักความมืดด้วย…”
พูดไปพูดมา อาหู่พลันเงียบลง ในดวงตาฉายแววเข้าใจ มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิง
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มให้เขา เป็นการบอกว่าเขาคิดไม่ผิด
อาหู่พลันปวดศีรษะขึ้นมา
ทั้งสามมองหน้ากัน ต่างหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
เนื่องจากเอาแต่สนใจมงกุฏจันทราและตราประทับตะวัน ไม่นานมานี้สำนักแสงสว่างจึงได้แบ่งกำลังส่วนหนึ่งไปปะทะกับโลกแปดพิภพ กับเขากว่างเฉิงที่อยู่ด้านนอกโลกซ้อนโลก
การเคลื่อนไหวบนทะเลหวงเจียของพวกเขาจึงสงบเสงี่ยมยิ่งกว่าขุมกำลังต่างๆ อย่างสำนักความมืด
สำนักความมืดที่หลายปีมานี้กระตือรือร้นในสงครามต่อต้านต้าเสวียน จึงกลายเป็นเป้าหมายในการกำจัดของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอย่างสมเหตุสมผล
หอสักการะหลักสำนักความมืดเทียบกับที่อยู่ของสำนักแสงสว่างแล้ว ซ่อนเร้นได้ดีกว่ามาก แต่ในทางกลับกัน ครั้งนี้เมื่อมีวิธีหาหอสักการะหลักสำนักความมืด จึงกลายเป็นโอกาสที่หายาก เหมือนคำพูดที่ว่าผ่านหมู่บ้านนี้ไปก็ไม่มีร้านนี้อีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น พิธีกรรมที่สำนักความมืดกำลังจัดยังไม่อาจดูแคลนได้ ถ้าหากปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ครั้งนี้จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญ
เยี่ยนจ้าวเกอมองหอสักการะย่อยสำนักความมืดเบื้องหน้า พลางหรี่ตา ‘วิกฤติ มีอันตรายย่อมมีโอกาส…’
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็เอ่ยว่า “พวกเจ้าเข้าไปในวังฝูงมังกรก่อน”
เฟิงอวิ๋นเซิง อาหู่ และพ่านพ่นต่างเชื่อฟัง เข้าไปในวังฝูงมังกร
ในวินาทีนี้ เหนือหอสักการะย่อยสำนักความมืดเกิดการต่อสู้หลายครั้งแล้ว
ด้านนอกม่านรัตติกาล กลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง พลันปรากฏรูขนาดยักษ์รูหนึ่ง จากนั้นก็มีคมหอกสีดำขลับเล่มหนึ่งยื่นออกมาจากในรูนี้
คมหอกนั้นมหึมาหาใดเทียม ประกายหอกคล้ายกับถูกครอบคลุมในฟ้าดิน ลดต่ำลงตามคมหอก แสงเจ็ดสายสว่างวาบขึ้น ปรากฏนกเทพเจ็ดตัวบินวนเวียน
วิหคอมตะ พญาปักษาชิงเหนี่ยว นกเผิงยักษ์ นกยูง ห่านขาว พญาหงส์ นกฮูก
ขณะที่โบยบิน ลวดลายอักขระของรอยตราอาคมสลักใส่อากาศ เหมือนกับดำรงอยู่มาแต่โบราณ
อัคคีในนภา อัคคีในศิลา อัคคีในไม้ อัคคีสมาธิ อัคคีโลกา เปลวเพลิงห้าชนิดหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว กระตุ้นคมหอกอันน่าพรั่นพรึงนั้นให้แทงใส่หอสักการะย่อยแห่งสำนักความมืด!
นี่ไม่แตกต่างกับที่หยางจ้าวหงใช้อัคคีในศิลากระตุ้นหอกเผิงยักษ์กับหอกห่านขาว
เป็นการสะท้อนพลังที่สมบูรณ์แบบและแยบคายถึงขีดสุดของเคล็ดวิชาห้าอัคคีและหอกเจ็ดวิหค อันเป็นกระบวนท่าเคล็ดวิชาของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง
เพียงหอกเดียว ฟ้าดินและมิติต่างถูกทำลาย
อู๋จื่อซิวเผชิญกับหอกนี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ผลักฝ่ามือสองข้างออกไปด้านบนพร้อมกัน
ความมืดไร้สิ้นสุดเหมือนกับกลายเป็นพายุหมุนขนาดมหึมา พันคมหอกที่แทงลงมาด้านบนเอาไว้ กลืนกินพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงของคมหอกอย่างต่อเนื่องราวกับหลุมดำ
ส่วนในทิศทางอื่นก็มีจอมยุทธ์สำนักความมืดนำโดยเนี่ยเซิ่ง จับคู่เข่นฆ่ายอดฝีมือแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องที่ติดตามเจิ้งกั๋วกงมา
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์กลุ่มหนึ่ง ในจำนวนนี้มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงไม่ต่ำกว่าหนึ่งคนกำลังต่อสู้กัน อานุภาพอันน่ากลัวที่เกิดขึ้นแทบจะพลิกฟ้าพลิกดิน
แต่ก็เป็นเพราะความเสถียรของการไหลเวียนปราณวิญญาณในโลกซ้อนโลก และความแข็งแกร่งของเขตแดนรอบๆ หากเปลี่ยนเป็นโลกใบอื่นอย่างโลกแปดพิภพกับโลกผืนสมุทร ทันทีที่สองฝ่ายสู้กัน โลกทั้งใบคงถูกฉีกกระชากไปแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจลึก ก่อนจะเกราะเหมันต์ทระนงสวมทับบนร่าง พลันมีมังกรน้ำแข็งหลายตัวพันอยู่บนร่างของตนเอง
เขาก้มกาย กระโจนตัวขึ้นลงไปยังจุดสูงสุดของหอสักการะย่อยสำนักความมืด