ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 705 ตีหญ้าให้งูตื่น
หอสักการะหลักสำนักความมืดถูกราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องทำลาย หอสักการะย่อยส่วนใหญ่เองก็พินาศไปด้วย
พวกโจวฮ่าวเซิงที่เป็นยอดฝีมือสำนักความมืดและลูกศิษย์ในสำนักส่วนใหญ่ ในตอนนี้ต่างพักอยู่ในที่ต่างๆ เช่นหอกระบี่ทะเลเหนือและเกาะมนุษย์สำริดชั่วคราว
ปัจจุบันราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องถอนทัพ คนในสำนักความมืดพากันแยกย้าย เพื่อยึดครองดินแดนกลับมา และเริ่มทำงานก่อสร้าง
หอสักการะหลักสำนักความมืดเมื่อครั้งอดีตซ่อนอยู่ในมิติ นั่นเป็นประโยชน์เมื่ออยู่ในสถานการณ์พิเศษ
หลังจากโดนทำลาย ก็ยากจะฟื้นฟูให้กลับมาเหมือนเดิม ทว่าหอสักการะย่อยของแต่ละที่ สามารถสร้างขึ้นมาได้ใหม่
พวกเยี่ยนจ้าวเกอและโจวฮ่าวเซิง หลังจากบอกลากู้หงแห่งหอกระบี่ทะเลเหนือแล้ว ก็ผละจากเกาะเพิงหินโม่ทันที
หอสักการะย่อยสำนักความมืดก่อนหน้ายังเหลืออยู่หอหนึ่งที่รอดมาได้ พวกเยี่ยนจ้าวเกอมายังที่นี่ก่อน
เมื่อมาถึงก็หาที่พัก จอมยุทธ์สำนักความมืดต่างส่งคนออกไปสืบข่าว เพื่อยันยันถึงการเคลื่อนไหวของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องและสำนักแสงสว่าง
ตัวโจวฮ่าวเซิงได้สร้างแท่นพิธีกรรมขึ้น เริ่มเตรียมการเป็นครั้งสุดท้าย
แสงที่สลัวแต่กลับหนาหนักเหมือนกับม่านราตรี ขยายออกกลางอากาศ ครอบคลุมหอสักการะย่อยสำนักความมืดแห่งนี้ไว้ ดูเหมือนมีผลคล้ายกับค่ายกลป้องกัน
เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านในกลับรู้สึกได้ว่า ฉากกำบังที่เหมือนกับม่านราตรีนี้ ยังสามารถกั้นเสียงได้ด้วย
ภายใต้ม่านราตรี ยอดฝีมือระดับสูงของสำนักความมืดที่มีโจวฮ่าวเซิงเป็นผู้นำ ทุกคนต่างถือชิ้นส่วนที่หลุดออกมาในตอนที่สร้างสุสานจักรพรรดิประกายกาฬไว้คนละชิ้น พร้อมกับถ่ายเทญาณจริงแท้ของตนเข้าไปกระตุ้น
ชิ้นส่วนโลหะครึ่งดำครึ่งขาวที่เยี่ยนจ้าวเกอครอบครอง วางอยู่ตรงกลาง
บัดนี้ชิ้นส่วนโลหะที่ดูธรรมดาในตอนแรกค่อยๆ ลอยขึ้น แล้วหยุดนิ่งกลางอากาศ
ลวดลายแสงสว่างที่ลี้ลับงดงามอันหนึ่งซึ่งค่อยๆ กลายเป็นรูปเป็นร่างโดยมีมันเป็นศูนย์กลาง
แสงสว่างบนลวดลายค่ายกลเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด กะพริบด้วยจังหวะของตัวเอง แค่มองชิ้่นส่วนนี้ก็ทำให้รู้สึกได้แล้วว่าจิตพลังที่อยู่ด้านใน พัฒนากลายเป็นความลี้ลับของการตัดสลับระหว่างแสงและความมืดแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพนี้อย่างเงียบๆ เห็นจุดสีดำที่เล็กกระจ้อยร่อยแต่กลับหนักอึ้งจุดหนึ่ง โผล่ขึ้นด้านในมิติอีกครั้ง
หลุมดำปรากฏขึ้นอีกหนึ่งแห่ง มิติที่อยู่รอบๆ บิดเบี้ยวแตกร้าว แต่ภายใต้ผลของลวดลายค่ายกล กลับมีเส้นทางเส้นหนึ่งโผล่ขึ้นอยู่รำไร
เส้นทางนั้นลวงตาไร้รูปร่าง การใช้ตาเนื้อมองดูไม่อาจสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของมันได้
แต่ว่าในความรู้สึก นั่นเป็นเส้นทางเส้นหนึ่งที่รอให้คนก้าวขึ้นไป มุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง ทอดไปถึงตัวตนบางอย่าง
โจวฮ่าวเซิงกล่าว “ศิษย์น้องอู๋ พวกเจ้ารักษาค่ายกลไว้ นอกจากนั้นให้เฝ้าอาณาเขตด้านนอกไว้ด้วย ป้องกันไม่ให้สำนักแสงสว่างหรือคนอื่นลอบโจมตี”
ผู้อาวุโสสำนักความมืดส่วนหนึ่งที่มีอู๋จื่อซิวเป็นผู้นำตอบ “ขอรับท่านเจ้าสำนัก”
โจวฮ่าวเซิงสูดหายใจลึก พาผู้อาวุโสสำนักความมืดอีกส่วนหนึ่งไปยังด้านในมิติที่แตกร้าว
เยี่ยนจ้าวเกอตามไปด้วย หลังจากก้าวเข้าไปในมิติ กลับถูกกระแสปั่นป่วนของมิติที่หยุ่งเหยิงรอบๆ รบกวน เหมือนถูกพลังไร้รูปร่างกั้นไว้
ด้านในมิติที่สับสน มีเส้นทางไร้รูปร่างที่มองไม่เห็นอยู่สายหนึ่งจริงๆ
ทุกคนมุ่งหน้าไป มิติสีดำตรงหน้านี้แยกแยะทิศทางได้ยาก ไม่อาจจำแนกซ้ายขวา มืดสลัว ไร้แสงสว่าง
คิดจะพิจารณาทิศทางในการมุ่งหน้า ได้แต่ก้าวไปตามเส้นทางที่เหมือนไม่มีอยู่นั้นเท่านั้น
ถ้าหากคนที่ร่วมทางไม่พูดอะไร เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ ในมิติความมืด
การข้ามผ่านสภาพแวดล้อมที่สงบเงียบ ความจริงเป็นการเคี่ยวกรำจิตใจของผู้คนอย่างหนึ่ง หากผ่านไปนานเข้า จะทำให้ผู้คนที่มีจิตใจแน่วแน่คลุ้มคลั่งได้
แต่ว่าพวกโจวฮ่าวเซิงกลับมีสีหน้าสงบนิ่ง รู้สึกสบายใจยิ่ง
สำหรับจอมยุทธ์สำนักความมืดอย่างพวกเขาแล้ว คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้มากที่สุด
เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายนึกบางอย่างได้ในขณะที่เดินทาง ‘ความมืดถึงขีดสุดให้กำเนิดสรรพสิ่ง ความมืดสุดขีดก่อเกิดแสง ต้อนรับแสงสว่างถึงขีดสุด นี่เหมือนกับความมืดก่อนแสงสว่าง’
เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่ที่เดินทางกับเขา ต่างก็รออยู่ในวังฝูงมังกร ไร้อุปสรรคใด
หญิงสาวพูดว่า “จักรพรรดิประกายกาฬกับยอดฝีมือระดับสูงจำนวนมากของสำนักประกายกาฬไปแล้วไปลับ กำแพงเอียงผู้คนผลักซ้ำ ไม่เพียงแต่คู่แค้นในวันวานมาทวงแค้นเท่านั้น ยังมีคนที่หมายตาของวิเศษที่อยู่ในสำนักประกายกาฬมาช่วงชิง เร่งการล่มสลายของสำนักประกายกาฬ”
“ของวิเศษส่วนใหญ่ในสำนักประกายกาฬล้วนถูกผู้คนชิงไป จนกระทั่งตอนนี้ไม่เหลืออะไรสักอย่าง สำนักความมืดถึงกับไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงคอยคุ้มครองสำนัก สำนักแสงสว่างเองก็มีแค่กงจักรสุริยันจันทราชิ้นเดียว”
“แต่สุสานจักรพรรดิประกายกาฬในตำนานที่น่าจะซ่อนสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของสำนักประกายกาฬเอาไว้ กลับไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนมาโดยตลอด” เฟิงอวิ๋นเซิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “เกรงว่าจะมีคนไม่น้อยจับตาดูสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ ในเมื่อพวกเขาหาไม่เจอ สายตาย่อมอยู่ที่สำนักแสงสว่างและสำนักความมืด”
ถึงแม้ว่าการล่มสลายของสำนักประกายกาฬจะผ่านมานานแล้ว ถึงแม้สำนักแสงสว่างกับสำนักความมืดจะไร้การพัฒนามาหลายปี
แต่คนที่หมายตาสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ สมควรไม่ละทิ้งการจับตามองสำนักแสงสว่างและสำนักความมืด
ถึงอย่างไรสองสำนักนี้ก็เป็นการสืบทอดของสำนักประกายกาฬที่ดั้งเดิมที่สุด
หลักการที่ทุกคนทราบดีก็คือ หากคิดจะตามหาสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ เบาะแสสมควรอยู่ที่สำนักแสงสว่างกับสำนักความมืด
การเคลื่อนไหวของพวกโจวฮ่าวเซิงในตอนนี้ เหมือนกำลังยืนยันมุมมองนี้อยู่
เยี่ยนจ้าวเกอมองเงาหลังของโจวฮ่าวเซิง แอบพูดว่า “พวกโจวฮ่าวเซิงคงจะไม่ใช่ไม่ทราบถึงหลักการข้อนี้ สุสานจักรพรรดิประกายกาฬถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่พวกเขาปรารถนา แต่พวกเขาก็สมควรทราบว่า ของต้องมาอยู่ในมือตนก่อน ถึงจะนับได้ว่าความฝันกลายเป็นจริงโดยสมบูรณ์ ไม่ควรหน้ามืดตามัว แบ่งลำดับความสำคัญไม่ถูก
“ถ้าหากข้าคิดไม่ผิด พวกเขาคงจะมีแผนการพิเศษแล้ว”
ขณะที่พูดอยู่ ก็เห็นโจวฮ่าวเซิงที่อยู่ด้านหน้าสุดของกลุ่มใช้มือข้างหนึ่งแนบติดหน้าอก อีกข้างหนึ่งผลักออกไปด้านหน้า
ในมิติที่มืดมัวเบื้องหน้า พลันมีแสงจุดหนึ่งสว่างขึ้นมา
เยี่ยนจ้าวเกอม่านตาหดตัว ‘เบาะแสที่อยู่ในมือของพวกเรา ไม่น่าจะยืนยันตำแหน่งที่แม่นยำของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬได้ถึงจะถูก…’
ครั้นคิดถึงตรงหนี้ จิตใจของเขาก็สั่นไหว คาดเดาได้คร่าวๆ ว่าโจวฮ่าวเซิงคิดทำอะไร
แทบจะในเวลาเดียวกัน มิติที่มัวซัวพลันสั่นไหวเล็กน้อย
เหมือนกับม่านสีดำถูกมีดเฉือนออกในชั่วพริบตา จากนั้นเปลวเพลิงสายหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาส่องสว่างมิติที่มืดสลัว ม้วนเข้าหาจุดแสงที่ปรากฏขึ้นในมิติอย่างกะทันหันนั้น
ทว่าในยามนี้ มิติอีกด้านหนึ่งก็สั่นไหวขึ้นเช่นกัน มีฝ่ามือขนาดยักษ์ข้างหนึ่งยื่นออกมาจากความมืด
ฝ่ามือข้างนั้นใหญ่สุดเปรียบปาน แค่งอนิ้วก็เหมือนกับขยำดวงดาวได้ พร้อมกับที่หงายมือขึ้นบังแสงเพลิง ก็คว้าใส่แสงสว่างจุดนั้นไปด้วย
ต่อหน้าเปลวเพลิงและฝ่ามือนี้ ต่อให้เป็นโจวฮ่าวเซิง เจ้าสำนักความมืดที่อยู่ในระดับสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย ก็ได้แต่รอคอยอย่างว่าง่าย ไม่กล้าลงมือวู่วาม
กระนั้นโจวฮ่าวเซิงก็ไม่ได้กระวนกระวาย สายตากลับลึกล้ำอย่างหยั่งคาด ตั้งใจกวาดมองรอบๆ
เมื่อเห็นท่าทางของเขา เยี่ยนจ้าวเกอก็วางใจลงโดยสิ้นเชิง ‘คนที่วางแผนจะให้พวกเรานำทาง กลับไม่รู้ว่าพวกเราก้าวหน้าในการตามหาสุสานจักรพรรดิประกายกาฬขนาดไหน ไม่รู้ว่าความจริงแล้วพวกเรายังไม่อาจยืนยันตำแหน่งที่แม่นยำของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬได้’
แสงสว่างจุดนั้นที่จู่ๆ ก็โผล่มาในความมืดก่อนหน้านี้ เป็นสิ่งที่โจวฮ่าวเซิงแอบทำเอง!
การตีหญ้าให้งูตื่นของเขาเมื่อครู่ เป็นความจงใจ
เปลวเพลิงกับมือยักษ์ปะทะกันในมิติที่ไร้ขอบเขตอย่างรุนแรง ไม่มีใครยอมใคร กระจายทั่วสี่ทิศ
ทันใดนั้น ในความมืดที่คล้ายกับไร้จุดสิ้นสุด พลันมีความผันผวนที่รุนแรงส่งมา
กลิ่นอายที่น่ากลัวกว่าเดิมเหมือนกับถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับไหล
วินาทีถัดมา แสงสว่างที่ะลานตาถึงขีดสุดสายหนึ่งสว่างขึ้น พลันครอบคลุมมิติเอาไว้ ทำให้เปลวเพลิงกับมือยักษ์ต่างสูญเสียสีสัน