ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 714 สาวน้อยบ้าผู้ชาย
แสงสว่างบนแท่นบูชาเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด เกิดเป็นละอองแสงหนาหนัก ปิดบังความสามารถในการรับรู้ของคน เยี่ยนจ้าวเกอเองก็มองหาสาเหตุไม่ออก
เขารู้สึกวั่นใจเล็กน้อย เพราะสัมผัสได้ว่าด้านในกองของวิเศษที่รวมอยู่ใต้แท่นบูชายังมีคนอื่นอยู่ด้วย
นี่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาอยู่บ้าง
ถึงอย่างไรเมื่อดูจากสถานการณ์ของสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกสุสานจักรพรรดิประกายกาฬแล้ว จะมีคนที่เข้ามาก่อนหน้ามาไม่ขาดสายก็ตาม
หรือว่าในช่วงเวลานี้ คนผู้นั้นจะอยู่ที่นี่มาโดยตลอด ไม่ได้ออกไปไหนมาตั้งแต่ต้น?
เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งตามองไป เห็นกองของวิเศษที่เหมือนกับภูเขาพลันสั่นไหว
ด้านล่างมีแสงสว่างที่เจิดจ้ากว่าพรั่งพรูขึ้นมา ผลักของวิเศษและวัตถุดิบที่กองกันอยู่ออก เหยือกสีน้ำเงินหนึ่งลอยขึ้นมาจากส่วนล่างสุดของภูเขาสมบัติ พุ่งสู่ท้องฟ้า
ลวดลายอาคมหลายสายวนเวียนบนผิวเหยือก จากนั้นก็ค่อยๆ สลายไป
ชายหนุ่มมองดูลวดลายค่ายกลเหล่านั้น พึมพำในใจ ‘ก่อนหน้านี้น่าจะเอาไว้ใช้ผนึก ตอนนี้ผนึกถูกทำลายแล้ว แล้วด้านในเหยือกมีอะไร?’
หรือว่าที่นี่จะยังมีผู้พิทักษ์ของวิเศษหลับไหล ตนคิดจะเอาสมบัติไปต้องต่อสู้ก่อน
ในห้วงสมองของเยี่ยนจ้าวเกอเกิดความคิดที่ค่อนข้างไร้สาระจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็เห็นผนึกบนเหยือกหายไปโดยสิ้นเชิง
เหยือกหล่นลงบนพื้น ปากเหยือกพ่นแสงรุ้งเจ็ดสีสายหนึ่งออกมา ในแสงรุ้งปรากฏเงาคน
เยี่ยนจ้าวเกอกะพริบตา มองพิจารณาคนผู้นั้นอยู่ครึ่งวัน ‘ไม่ใช่นี่…’
ในใจบอกไม่ถูกว่าผิดหวังหรือโล่งใจ แต่เยี่ยนจ้าวเกอยืนยันได้ว่า ตนคงไม่ถึงขั้นจำเสวี่ยชูฉิงไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นภาพที่เหลืออยู่ในส่วนลึกของความทรงจำ หรือว่าภาพเงาแสงที่ได้มาจากเยี่ยนตี๋ผู้เป็นบิดาเมื่อสองปีก่อน ต่างทำให้เยี่ยนจ้าวเกอจำหน้าตาของเสวี่ยชูฉิงได้อย่างชัดเจน
คนตรงหน้านี้แม้จะเป็นสตรีเช่นกัน กลับเป็นคนอีกคนหนึ่ง
นอกจากนี้อีกฝ่ายยังแต่งตัวแบบดรุณีด้วย
ดรุณีผู้นี้สวมกระโปรงสีขาว ท่าทางสะลึมสะลือ เหมือนกับนอนไม่พอ
เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ตรงหน้าตน ดรุณีสวมกระโปรงขาวก็รู้สึกตัว ตาโตกะพริบ พิจารณาชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจดรุณีผู้นี้ครู่หนึ่ง พลันยื่นนิ้วออกมาจิ้มใส่หน้าผากของอีกฝ่าย
ดรุณีมีท่าทางงงงัน มองเยี่ยนจ้าวเกออย่างประหลาดใจ รู้สึกเหม่อลอยอยู่บ้าง
แต่ว่าในฐานะจอมยุทธ์ การเคลื่อนไหวของร่างกายเร็วกว่าสมอง หลบไปด้านหลังโดยสัญชาตญาณ
การหลบนี้ ท่าร่างของวรยุทธ์ที่ฝึกฝนย่อมถูกใช้ออกมา
นิ้วของเยี่ยนจ้าวเกอจงใจผ่อนความเร็ว ลดพลังลง ปล่อยให้นางมีโอกาสใช้กระบวนท่า
เพียงแค่กระบวนท่าเดียว เยี่ยนจ้าวเกอก็มองออกว่า ท่าร่างของดรุณีผู้นี้ ใกล้เคียงกับกระเรียนหยกซูอวิ๋น หญิงรับใช้ในอดีตของเสวี่ยชูฉิงที่อยู่บนโลกลอยน้ำ และคล้ายกับรากฐานวรยุทธ์ของผู้เป็นมารดา
เมื่อเห็นดังนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็พยักหน้าเล็กน้อย ชักนิ้วกลับ ไม่ลงมือต่ออีก
ดรุณีกะโปรงขาวมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างสับสน
“เจ้าไม่ต้องกลัว…” เยี่ยนจ้าวเกอบนใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม น้ำเสียงอ่อนโยน เตรียมจะปลอบโยนอีกฝ่าย
ดรุณีผู้นั้นมองเยี่ยนจ้าวเกอ ยามนี้พลันโพล่งขึ้น “คุณชายหล่อเหลานัก…”
“หา?” ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรับมือไม่ทันเล็กน้อย
ดรุณีผู้นั้นเหมือนกับในที่สุดก็ตื่นจากการหลับไหล ฟื้นฟูกำลังวังชากลับมา
ทว่านางในตอนนี้กลับมีสีหน้าเคลิบเคลิ้่ม สองมือประสานไว้ที่หน้าอก ตาเป็นประกายเปิดกว้าง จ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอตาไม่กะพริบ “หน้าตาหล่อเหลา ร่างสูงชะลูด องอาจสง่างาม ดวงตามีประกาย มีพร้อมทั้งความคมกล้าที่ทรงพลัง และความมั่นใจจากความเฉลียวฉลาด ไม่มีอะไรให้จับผิดได้เลย!”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อยู่ชั่วขณะ “จำเป็นต้องยอมรับว่า เจ้าชมจนข้าดีใจมาก แต่เจ้าสนใจแค่เรื่องเหล่านี้หรือ?”
ดรุณีกระโปรงขาวพยักหน้า “ข้าทราบว่านายหญิงหน้าตาเป็นอย่างไร และเคยเห็นภาพเงาแสงของท่านลุงเขยมาก่อน แต่สำหรับคุณชาย ข้าเพียงแค่เคยเห็นภาพเงาแสงตอนท่านยังแบะเบาะ ข้าเฝ้ารอมาโดยตลอดว่า หลังจากคุณชายที่มีหน้าตาของนายหญิงและท่านลุงเขยโตขึ้น จะมีลักษณะอย่างไร!”
นางใช้สองมือปิดหน้า บิดตัวไปมา “นายหญิง คุณชายช่างหล่อเหลาจริงๆ! เสี่ยวอ้ายดีใจยิ่ง!”
เยี่ยนจ้าวเกอ้าปากตาค้าง รู้สึกว่าตนตามความคิดของสตรีตรงหน้าไม่ทัน
“เหตุใด…เมื่อครู่เจ้าเรียกตัวเองว่าเสี่ยวอ้ายใช่หรือไม่?” เยี่ยนจ้าวเกอพยายามห้ามดรุณีที่กำลังร้องเสียงแหลมอย่างไร้เรี่ยวแรง “การลงมือเมื่อครู่ของข้าไม่มีเจตนาร้าย เพียงคิดตรวจสอบรากฐานวรยุทธ์ของเจ้า ตอนนี้ดูจากท่าทางของเจ้า ดูเหมือนทุกอย่างจะชัดเจนแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอแนะนำตัว “ข้าแซ่เยี่ยน เยี่ยนจ้าวเกอ บิดาชื่อเยี่ยนตี๋ มารดาชื่อเสวี่ยชูฉิง”
“กระบวนท่าวรยุทธ์ของเจ้าคล้ายคลึงกับของท่านแม่ รายละเอียดแทบจะเหมือนกันหมด คนนอกยากปลอมแปลง เจ้าน่าจะเรียนวิทยายุทธ์กับนางใช่หรือไม่?”
เสี่ยวอ้าย ดรุณีในกระโปรงสีขาวพยักหน้าโดยตรง “ถูกต้องเจ้าค่ะคุณชาย! นายหญิงถ่ายทอดวิชายุทธ์จำนวนหนึ่งให้ข้าตอนที่ข้ารับใช้นายหญิง”
“เจ้าอาศัยอะไรมายืนยันสถานะของข้ากัน? อาศัยแค่รูปร่างหน้าตาหรือ? คนที่หน้าคล้ายกันแต่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดมีอยู่ไม่น้อย” เยี่ยนจ้าวเกอถาม
“เพื่อรักษาข้า นายหญิงได้ทิ้งข้าไว้ในมิติต่างแดนแห่งนี้ ข้าใช้วิชาลมหายใจเต่าหลับไหลรักษาอาการบาดเจ็บ ในตอนที่มีคนเข้ามาในมิติต่างแดนด้วยวิธีพิเศษ หากอาการบาดเจ็บของข้าดีขึ้นเพียงแต่หลับไหล ข่ายอาคมที่อยู่นอกเหยือกวิเศษจะปลุกข้าเอง” เสี่ยวอ้ายตอบ
“หากว่าคนอื่นใช้พลังฝืนทะเลวงเข้ามาในมิติต่างแดน ข้าจะไม่ถูกปลุก ดังนั้นพอข้าตื่นจึงทราบทันทีว่า ถ้าไม่ใช่นายหญิงกลับมาเอง ก็ต้องเป็นคุณชายหรือไม่ก็ท่านลุงเขยมาเอง”
นางยิ้มพลางหรี่ตามองเยี่ยนจ้าวเกอ “หน้าตาของท่านลุงเขยข้าเคยเห็นในรูปเงาแสงมาแล้ว คุณชายยังอายุน้อยถึงเพียงนี้”
เสี่ยวอ้ายสำรวจเยี่ยนจ้าวเกออย่างละเอียดอีกครั้ง ปิดหน้าก้มศีรษะลงอีกรอบ บิดร่างกายไปมา ยินดีเหลือประมาณ “ชั้นหนึ่งเลย…ไม่ใช่! ชั้นสูง! คุณชายต้องอยู่ชั้นสูง!”
เยี่ยนจ้าวเกอเริ่มจะหงุดหงิดเด็กสาวบ้าผู้ชายผู้นี้บางแล้ว เขายิ้มอย่างขื่นขมพร้อมกับตัดบทนาง ถามขึ้นหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย “เช่นนั้น ท่านแม่…ของข้า นางจากไปแล้วหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่านางไปยังที่ใด ตอนนี้อาจจะอยู่ที่ใด?”
เด็กสาวส่ายหน้า “ข้าเองก็ไม่ทราบ”
นางตอบด้วยน้ำเสียงมีเหตุมีผล “บนโลกใบนี้นายหญิงตามหาใครก็ได้ แต่คนอื่นคิดตามหานางยากเย็นยิ่ง”
“คำพูดนี้…ข้ายิ่งมายิ่งเห็นด้วยแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มขึ้น
เสี่ยวอ้ายเศร้าลงเล็กน้อย บีบจมูกเบาๆ “ในตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะข้าได้รับบาดเจ็บ เป็นตัวถ่วงนายหญิง นายหญิงคงไม่ถูกคนสะกดรอย ต้องอาศัยสุสานจักรพรรดิประกายกาฬแห่งนี้จัดการคนที่ไล่ตาม”
เยี่ยนจ้าวเกอสายตากลายเป็นเคร่งขรึม “ผู้ใดไล่ตามพวกเจ้า?”
นางสับสนเล็กน้อย “ข้าเองก็ไม่ทราบ นายหญิงบอกว่าข้ายิ่งรู้น้อยยิ่งปลอดภัย”
ชายหนุ่มพยักหน้า มองแท่นบูชาตรงหน้า จากนั้นก็กวาดมองความว่างเปล่ารอบๆ “ท่านแม่ข้าพาเจ้าเข้ามาในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬหรือ? มีใครช่วยพวกเจ้าหรือไม่?”
เสี่ยวอ้ายตอบ “มีแค่นายหญิงกับข้าสองคน คนที่เหลืออยู่ ตามคำพูดของนายหญิง ต่างถูกกผนึกของสุสานเปลี่ยนกลายเป็นหุ่นเชิดหมดแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอถามอย่างกระตือรือร้น “ข้าจำได้ว่ามารดาข้าไม่เคยข้องเกี่ยวกับสำนักประกายกาฬไม่ใช่หรือ?”
“ข้าเองก็ไม่ทราบเท่าไรนัก นายหญิงเพียงแค่เคยพูดถึงประโยคหนึ่ง” เสี่ยวอ้ายว่า “เหมือนจะบอกว่าอาจารย์ปู่ของนายหญิง ในอดีตเคยสนิทชิดเชื้่อกับจักรพรรดิประกายกาฬ”
นางพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ ดึงแขนเสื้อของเยี่ยนจ้าวเกอ ชี้ไปบนแท่นบูชาพลางเอ่ยว่า “คุณชายๆ นายหญิงเคยบอกว่า ที่นี่มีของที่สุดยอดอยู่ด้วย!”