ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 722 เขาคุนหลุนปรากฏกระเรียนหิมะ
เยี่ยนจ้าวเกอพูดกับเฟิงอวิ๋นเซิงโดยไม่ได้หลบเลี่ยงคนอื่น
อาหู่ที่อยู่ด้านข้างทางหนึ่งฟังทางหนึ่งหัวเราะใสซื่อ
เสี่ยวอ้ายสีหน้าเต็มไปด้วยความคับข้องแทบขาดใจ “คุณชาย ภาพลักษณ์อันสูงใหญ่งามสง่าของท่านในใจข้าพังทลายลงหมดแล้ว!”
นางถอนใจคำหนึ่ง ใบหน้าหมดอาลัยตายอยาก
“นายหญิง คุณชายจะมีนายหญิงน้อยแล้ว เช่นนี้จะทำอย่างไรดี?”
ครั้นคิดทบทวนดูอีกครั้ง เยี่ยนจ้าวเกอพูดกับเฟิงอวิ๋นเซิงโดยไม่ปิดบังนาง นั่นหมายความว่าเขาเชื่อใจนาง เสี่ยวอ้ายจึงพอรับได้บ้าง
“ควรจะลดระดับชั้นสูงของคุณชายเป็นชั้นหนึ่งหรือไม่?” นางมีใบหน้าลำบากใจ หันกายไป ปิดหูของตัวเองก่อนจะผละไปด้านข้าง
เฟิงอวิ๋นเซิงมองเงาหลังของนาง เอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “อายุจริงสมควรมากกว่าข้าเล็กน้อย เป็นพี่สาวตัวน้อยกระมัง?”
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “นางได้รับบาดเจ็บในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ จึงหลับไหลมาหลายปี”
หญิงสาวหันไปมองกงจักรมหาประกายกาฬ “พูดถึงสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ ของที่มีค่าที่สุดซึ่งได้มาในครั้งนี้น่าจะเป็นของชิ้นนี้แล้วกระมัง?”
เมื่อครู่นางเพิ่งกระตุ้นกงจักรมหาประกายกาฬพร้อมกับเยี่ยนจ้าวเกอ จึงจำพลังอันน่ากลัวที่ซ่อนลึกอยู่ในของวิเศษชิ้นนี้ได้ดี
ก่อนหน้านี้มีมงกุฎจันทรา ตอนหลังมีดาบเทพอาทิตย์ยะเยือก
เฟิงอวิ๋นเซิงมีสัมผัสในการรับรู้ของวิเศษระดับสูงเช่นนี้มากกว่าคนทั่วไปนัก
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปที่กงจักรมหาประกายกาฬแวบหนึ่งเช่นกัน พลางนวดขมับของตัวเองเบาๆ “เป็นวาสนาหรือเป็นคราเคราะห์ ตอนนี้ยังบอกไม่ได้”
เขาเงยหน้ามองเพดานของวังฝูงมังกร “ก่อนหน้านี้ข้ากำลังคิดอยู่ว่า จักรพรรดิประกายกาฬที่ใช้พระศพของตัวเองเป็นวัตถุดิบสำหรับการสร้างกงจักรมหาประกายกาฬ ไม่สมควรเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับงานศพของตัวเอง
“หลังจากพิธีกรรมสำหรับสร้างกงจักรมหาประกายกาฬจบลง สุสานจักรพรรดิประกายกาฬก็ถล่ม อีกทั้งยังได้ยืนยันการคาเดาก่อนหน้านี้ของข้า
“ความสำคัญในการดำรงอยู่ของสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ ไม่ใช่เป็นสถานที่ที่จักรพรรดิประกายกาฬสร้างให้กับตัวเอง แต่เพื่อสร้างกงจักรมหาประกายกาฬ กระนั้น…”
เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจยาว “เงามายาของจักรพรรดิประกายกาฬซึ่งเป็นการฝากฝังสุดท้ายในกงจักรมหาประกายกาฬ เหมือนกับปฏิเสธคนในสำนักแสงสว่าง”
เฟิงอวิ๋นเซิงพูดพลางครุ่นคิด “ข้อความ ‘ต่างคนต่างแยกย้าย’ ประโยคนั้น เหมือนกับคำสั่งเสียในอดีตของจักรพรรดิประกายกาฬ เห็นได้ว่าไม่เพียงแต่สำนักแสงสว่างเท่านั้น เปลี่ยนเป็นคนของสำนักความมืด ก็คงจะถูกกงจักรมหาประกายกาฬปฏิเสธเช่นกัน ”
ชายหนุ่มพยักหน้า “การสวรรคตของจักรพรรดิประกายกาฬ กับการล่มสลายของสำนักประกายกาฬ เป็นปริศนามาโดยตลอด”
“ความหมายของท่านคือ อาจจะมีคำตอบด้านในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬ หรือในกงจักรมหาประกายกาฬหรือ?” เฟิงอวิ๋นเซิงถาม
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ตอบ
การกรีฑาทัพไปต่างแดนของอิ่นเทียนเซี่ยกับสำนักประกายกาฬในอดีต เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่ทุกคนทราบ
พวกเขาบางทีอาจจะมีเป้าหมายบางอย่างที่คนอื่นไม่ทราบ แต่สุดท้ายกลับเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
สำนักประกายกาฬล้มเหลว เหลือเพียงอิ่นเทียนเซี่ยที่กลับมาคนเดียว แต่ก็อยู่ในสภาพใกล้หมดลมหายใจ
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว บุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างอิ่นเทียนเซี่ย น่าจะไม่ท้อแท้หมดกำลังใจง่ายเพียงนั้น
เช่นนั้น เหตุผลที่เขาไม่พูด เพียงบอกให้คนอื่นแยกย้ายกันไป มีก็เพียงเหตุผลเดียว
อีกฝ่ายมีสภาวะยิ่งใหญ่ อิ่นเทียนเซี่ยไม่คิดจะให้ลูกศิษย์ระดับกลางและระดับต่ำที่เหลือในสำนักถูกพัวพันไปด้วย แต่ว่าในฐานะบุคคลที่โดดเด่นที่สุดแห่งยุค ในใจอิ่นเทียนเซี่ยย่อมไม่ยอม
เขาคิดจะชี้แจงเพื่อตัวเองและศิษย์ในสำนัก และเพื่อทิ้งความจริงให้แก่คนรุนหลัง
อาหู่เกาศีรษะ “คุณชาย ท่านคิดมากเกินไปหรือไม่?”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเหอะๆ “ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น”
หลังจากเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็กล่าวอีกว่า “เงาแสงที่จักรพรรดิชาประกายกาฬทิ้งไว้ได้หายไปแล้ว กงจักรมหาประกายกาฬในตอนนี้คงไม่ปฏิเสธคนของสำนักแสงสว่างอีก”
“น่าเสียดาย สถานการณ์เมื่อครู่นี้ ถ้าหากพวกเราไม่นำกงจักรมหาประกายกาฬมา เกรงว่าจะไม่อาจรอดจากการโจมตีของสำนักแสงสว่างได้”
“หากกงจักรมหาประกายกาฬตกไปอยู่ในมือของสำนักแสงสว่าง พลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นมากเกินไปในช่วงสั้นๆ พวกเราไม่อาจอยู่ในทะเลหวงเจียได้อีกเป็นเรื่องเล็ก แต่ที่โลกแปดพิภพกลับไม่อาจต้านทานได้อีกเป็นเรื่องใหญ่”
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วแตะริมฝีปาก “ถ้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้ายังคิดอยู่เลยว่าควรจะมอบกงจักรมหาประกายกาฬให้สำนักแสงสว่างดีหรือไม่…”
อาหู่ตกใจ “คุณชาย?”
ชายหนุ่มโบกมือ บอกให้เขาสงบสติอารมณ์
กงจักรมหาประกายกาฬที่ลอยอยู่กลางอากาศเงียบๆ มองไปไม่มีส่วนใดพิเศษ และไม่มีการรั่วไหลของกลิ่นอายพลังแม้แต่น้อย เหมือนกับกงจักรเหล็กสีดำธรรมดา
แต่ว่าขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอมองของวิเศษชิ้นนี้ สายตาของเขาก็ยิ่งหยั่งลึกมากขึ้น
สามกษัตริย์ห้าจักพรรดิ ประมุขทั้งสิบ เป็นจ้าวผู้ปกครองของโลกซ้อนโลกในตอนนี้
ระหว่างแต่ละคนใช่ว่าจะไร้ข้อขัดแย้งหรือจุดที่ความเห็นไม่ลงรอย แต่ว่าภายนอกไม่ค่อยมีข้อพิพาทกันนัก ค่อนข้างสมัครสมานสามัคคี
โดยเฉพาะโลกซ้อนโลกยังไม่ใช่ไม่มีศัตรูภายนอกหรือนภพยมโลก ที่คุกคามโลกทุกใบ
แต่เพราะบุคคลยิ่งใหญ่ที่เหลือบนโลกซ้อนโลกกลับแสดงท่าทีว่าไม่กล้าพูดถึงการสวรรคตของอิ่นเทียนเซี่ย และการล่มสลายของสำนักประกายกาฬในอดีต
เรื่องนี้มีหลายอย่างที่มีค่าให้พูดถึง เยี่ยนจ้าวเกอต่างมีข้อสงสัยว่าอาจเป็นฝีมือของคนบางคน หรือกลุ่มคนบางกลุ่ม
ในสถานการณ์เช่นนี้ มีความรู้สึกว่ายิ่งใกล้ความจริงเท่าไร ก็ยิ่งตายเร็วเท่านั้น
บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่เงามายาของจักรพรรดิประกายกาฬปฏิเสธคนรุ่นหลังที่อยู่ในสำนักก็เป็นได้?
เฟิงอวิ๋นเซิงกับอาหู่มองกงจักรมหาประกายกาฬกลางอากาศ ตกอยู่ในห้วงความคิดอยู่ชั่วขณะ
เยี่ยนจ้าวเกอปรบมือ กล่าวพลางหัวเราะ “ไม่ต้องเครียดถึงเพียงนั้น หากต้องพูดจริงๆ อย่างน้อยพวกเราก็ปลอดภัยกว่าสำนักความมืดและสำนักแสงสว่าง”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็พูดเสริมว่า “แน่นอนว่าเรื่องนี้มีช่องทางมากมาย จำเป็นต้องเลือกใช้ให้ดี”
“สิ่งที่เรียกว่าวิกฤติการณ์ ต่างมีทั้งอันตรายและโอกาสอยู่ด้วยกันมาแต่ไหนแต่ไร ปัญหาอยู่ที่จะคว้าโอกาสและหลีกเลี่ยงอันตรายอย่างไร”
“เรื่องในอดีตจะต้องมีคนรู้แน่”
ชายหนุ่มเอ่ย สีหน้าแปลกประหลาดอยู่บ้าง “อืม อย่างเช่น มารดาของข้า”
ไม่เช่นนั้น เสวี่ยชูฉิงไม่น่าจะช่วยจักรพรรดิประกายกาฬ
แม้จะรับคำสั่งมา อย่างน้อยก็ควรเข้าใจสถานการณ์อยู่บ้าง
หากเปลี่ยนมุมมองดู คนที่บอกให้เสวี่ยชูฉิงเข้ามาในสุสานจักรพรรดิประกายกาฬและทำเรื่องนี้ จะต้องรู้เรื่องอย่างแน่นอน
เยี่ยนจ้าวเกอกวักมือเรียกเสี่ยวอ้ายพลางหัวเราะเหอะๆ “เสี่ยวอ้าย เจ้ารู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับมารดาของข้าบ้าง บอกข้ามาเถอะ”
“อย่างเช่น อาจารย์ปู่ของมารดาข้าที่มีความสัมพันธ์กับจักรพรรดิประกายกาฬที่เจ้าเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ บางทีเจ้าอาจจะรู้ว่าเขาเป็นเป็นเทพเซียนจากที่ไหน”
เสี่ยวอ้ายกะพริบตาปริบๆ “คุณชาย ข้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์ ไม่แอบฟังเรื่องของนายหญิง…”
“ประเสริฐยิ่ง ซื่อสัตย์ต่อไป” เยี่ยนจ้าวเกอฉีกยิ้ม
“เล่าเรื่องที่เจ้ารู้มาก็พอ คงไม่ถึงขนาดต้องปิดบังกับข้ากระมัง?”
เด็กสาวสาธยายให้ฟัง ต่างเป็นเรื่องเล็กๆ ทั่วไป
ทว่าในนี้ยังมีเรื่องหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า ท่านแม่ของข้าเป็นเป็นคนที่มาจากเขาคุนหลุนหรือ”
เสี่ยวอ้ายตอบ “มาจากที่นั่นหรือไม่ ข้าเองก็ไม่ทราบ แต่แน่ใจว่าเคยไปถึงเขาคุนหลุน เพราะมีครั้งหนึ่งนายหญิงเคยพูดขึ้นในตอนที่ชมทิวทัศน์ของหิมะในเขตเหยียนเทียนทางเหนือว่า ที่แห่งนี้อ้างว่างยิ่งกว่าทิวทัศน์หิมะบนเขาคุนหลุนเสียอีก”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง
เขาคนหลุนนี้ ไม่ใช่เขาคุนหลุนก่อนวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ แต่เป็นเขาคุนหลุนใหม่ที่สร้างขึ้นบนโลกซ้อนโลกหลังวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ตั้งอยู่ในอาณาเขตจวินเทียนศูนย์กลางซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่ใจกลางโลกซ้อนโลก