ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 732 พบกันทางคับแคบ
เมฆควันหลายสายที่ผุดขึ้นมาบนหยกแขวนลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะค่อยๆ สลายหายไป
เมฆหมอกสีเขียวมรกตเหล่านี้ผสมกับความว่างเปล่า เหมือนกับซึมเข้าไปด้านใน เยี่ยนจ้าวเกอเห็นอย่างเลือนรางว่ากลางความว่างเปล่าเหมือนกับปรากฏเส้นทางสีเขียวมรกตเส้นหนึ่ง
เพียงแต่เส้นทางนี้ลดเลี้ยวเคี้ยวคด ยากจะจำแนกทิศทางที่มันมุ่งไป
ไป๋จื่อหมิงไม่ได้มาถึงโลกซ้อนโลกผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ แต่ลอยขึ้นมาตามธรรมชาติหลังจากพลังฝึกปรือเหนือกว่าขอบเขตที่โลกยมทะยานจะบรรจุได้
เขาเพิ่งลอยขึ้นมาได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ร่วมทางกับพวกเจิ้งหมิงและเฉินจื้อเหลียงมาโดยตลอด ไม่มีเวลามาอดทนขบคิดศึกษา ดังนั้นจะให้ตัวเขาทดลองกลับโลกยมทะยานในระยะเวลาสั้นๆ ก็เป็นเรื่องยากเรื่องหนึ่งเช่นกัน
มันจึงเป็นสาเหตุที่ไป๋จื่อหมิงบอกว่า ขึ้นอยู่กับตัวเยี่ยนจ้าวเกอเอง
หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอศึกษาเส้นทางมายาที่เกิดจากเมฆหมอกสีเขียวมรกตอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มวางแผนในใจ
‘หาบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์สักแห่งก่อน หลังจากหลุดจากโลกซ้อนโลกแล้ว ค่อยใช้วิธีเคลื่อนไหวในมิติเวลาวิธีอื่นในการยืนยันและมุ่งหน้าไปยังโลกยมทะยานอีกครั้ง’
เยี่ยนจ้าวเกอตัดสินใจได้แล้วก็ไม่รอช้า ครั้นบอกลาไป๋จื่อหมิงเสร็จแล้ว ชายหนุ่มก็มุ่งหน้าลงใต้
เป้าหมายของเขาคือดินแดนหลวนเซียง หนึ่งในเจ็ดสิบสองดินแดนบนทะเลหวงเจีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขามาถึงโลกซ้อนโลกในตอนแรก
สถานที่อื่น เยี่ยนจ้าวเกอไม่แน่ใจนัก แต่ว่าที่ดินแดนหลวนเซียงจะต้องมีบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์อยู่แน่นอน เพราะตนในตอนนั้นมาจากที่นั่นเอง
ดินแดนหลวนเซียงเป็นอาณาเขตอันแข็งแกร่งของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง มีสำนักความมืดแทรกซึมอยู่ที่นี่เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ เนื่องจากความลับเรื่องค่ายกลบูชาฟ้าถูกเปิดเผย จึงกลัวจะสะกิดโทสะของประมุขอาคเนย์ ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องจึงไม่กล้าก่อเรื่อง
ในสถานการณ์ที่พวกเขาล่าถอยป้องกัน บริเวณที่อยู่ชายแดนอย่างเช่นดินแดนหลวนเซียง ความจริงเท่ากับถูกละทิ้งไปชั่วคราว
สำนักความมืดเดิมทีฉวยโอกาสขยายดินแดนยึดที่แห่งนี้ไปแล้ว แต่ว่าไม่นานมานี้ถูกฆรวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋อ ยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าเหยียบสำนักจนเกือบล่มสลาย
ปัจจุบันสำนักความมืดที่ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงได้แต่รักษาการป้องกัน ช่วงนี้ดินแดนหลวนเซียงจึงไม่มีผู้ใดมายุ่งอีก
ขุมกำลังระดับกลางระดับต่ำที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ ก็ได้แค่สังเกตทิศทางลมชั่วคราว
เยี่ยนจ้าวเกอเมื่อมาถึงที่นี่ก็ไม่ได้แวะไปหาใคร รีบเร่งไปที่บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ที่ตนมาถึงโลกซ้อนโลกใหม่ๆ
บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ใช่ว่าจะคงอยู่ตลอดเวลา เยี่ยนจ้าวเกอหลังจากยืนยันตำแหน่งได้คร่าวๆ ก็บังคับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกให้สั่นสะเทือนมิติทันที
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่หลอมจุดลมปราณเป็นเทวะได้ สั่นสะเทือนมิติที่ไม่เสถียรอยู่แล้ว ไม่ทันไรก็เริ่มมีร่องแยกร่องหนึ่งฉีกออกที่นี่
ด้านในร่องแยกไม่ใช่ความมืดที่เหมือนกับหลุมดำทั่วไป แต่สว่างไสวโชติช่วง เหมือนกับมีเสียงมหามรรคาดังขึ้นจากด้านใน
เยี่ยนจ้าวเกอมองบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ จ้องมองอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะโยนหยกแขวนที่อยู่ในมือ กับพัดกระดาษไม้เจี้ยนที่ครอบครองอยู่ให้กับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกรับหยกแขวนไว้ แล้วสืบเท้าเข้าไปในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ทันที
บัดนี้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น สามารถเคลื่อนไหวอยู่ในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งของอย่างอื่น
ด้วยเหตุนี้ หากมันลงไปค้นหาโลกยมทะยาน ก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานของพัดกระดาษไม้เจี้ยน
ถึงเวลาหากตามหาอาจารย์ปู่ของตนได้สำเร็จ ก็จะทำให้หยวนเจิ้งเฟิงตัดสินใจได้เองว่า จะพึ่งพาพลังงานของพัดกระดาษไม้เจี้ยนมายังโลกซ้อนโลกก่อน หรือว่าจะใช้เครื่องหมายของโลกแปดพิภพที่เยี่ยนจ้าวเกอมอบให้ กลับโลกแปดพิภพก่อน
หลังจากเตรียมตัวเสร็จสิ้น ก็สามารถให้หยวนเจิ้งเฟิงตัดสินใจก้าวต่อไปได้เอง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกครั้นเดินใกล้บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ จิตใจของมันพลันสั่นไหว รู้สึกเหมือนจิตใจของตนราวกับถูกรบกวน
แต่ว่าในตอนที่มันตั้งใจสัมผัสอย่างละเอียด ทุกอย่างก็สงบนิ่งเหมือนดั่งเดิม
เยี่ยนจ้าวเกอสายตาเคร่งขรึม กวาดมองรอบๆ ไม่เห็นสถานการณ์ผิดปกติ
‘ความรู้สึกของข้าไวเกินไปหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลง ปล่อยประสาทสัมผัสของตัวเอง สัมผัสกับสถานการณ์รอบๆ อย่างละเอียด
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกหลังจากลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็ก้าวไปหาบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์
…
ในที่ว่างที่อยู่ห่างออกไป ธารแสงบิดเบี้ยวทัศนียภาพ บดบังเงาคนสองสามคนไว้ในภาพลวงตาที่แสงสว่างสร้างขึ้น
หนึ่งในนั้นขมวดคิ้วมุ่น “แม้แต่การลงมือของท่านแม่ยังเกือบถูกเขาพบตัวหรือ?”
ผู้พูดคือบุตรชายของคังผิงและคังฮูหยิน ผู้สืบทอดของผู้วิเศษเซิง คังจิ่นหยวน
ที่ด้านข้างเขายืนไว้ด้วยฮูหยินวัยกลางคนที่สง่างามคนหนึ่ง ย่อมเป็นคังฮูหยิน ด้านข้างยังยืนไว้ด้วยคังเม่าเซิง
คังฮูหยินกล่าวเสียงทุ้ม “ความไม่ธรรมดาของเด็กน้อยคนนี้ได้เห็นได้รับรู้มาตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะทราบวันนี้”
คังเม่าเซิงกล่าวอย่างเชื่องช้า “เขามาจากโลกเบื้องล่างจริงๆ สมคำร่ำลือ แต่ยังไม่รู้ว่าเขาเกี่ยวข้องกับราชันพระอาทิตย์อย่างไร”
ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องปัจจุบันสงบเสงี่ยมลง ไม่กล้าอาละวาดมากเกินไป เพราะกลัวจะสะกิดโทสะของประมุขอาคเนย์เพิ่มขึ้น
แต่ว่าทั่วทั้งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องย่อมเกลียดชังเยี่ยนจ้าวเกอ ที่สร้างสถานการณ์ในตอนนี้ขึ้นเข้ากระดูกดำ
ในขณะที่เคียดแค้นเยี่ยนจ้าวเกอ พวกเขาก็สงสัยว่าคนหนุ่มที่โผล่มาอย่างกะทันหันผู้นี้มีเบื้องหลังเป็นอย่างไรกันแน่ เหตุใดจึงมีความสามารถน่าเหลือเชื่อถึงเพียงนี้
เนื่องจากการกระจายข่าวในตอนแรกของสำนักแสงสว่าง ทุกคนจึงทราบเรื่องราวบางส่วนของเยี่ยนจ้าวเกอ
ขณะที่ทุกคนกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย ก็เริ่มทดลองพิสูจน์
คังฮูหยินสามแม่ลูกปิดบังคนจำนวนมาก ไม่เผยร่องรอย แอบมาถึงดินแดนหลวนเซียง สืบสาวต้นตอตามข่าวลือจำนวนมาก ค่อยๆ เสาะหาสถานที่ที่เยี่ยนจ้าวเกอปรากฏตัวในตอนแรกพบแล้ว
แต่การกลับมายังดินแดนหลวนเซียงของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ นับว่าอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา
คังฮูหยินพูดอย่างครุ่นคิด “ที่นี่มีบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์แห่งหนึ่ง ท่าทางของเขาในตอนนี้คือกำลังจะไปจากโลกซ้อนโลกหรือ? แต่ไม่รู้ว่าเขาจะไปที่ใด กลับโลกที่ตัวเองเคยอยู่ หรือจะเป็นที่อื่น?”
คังจิ่นหยวนก้มหน้าลง ไม่กล้ามองทิศทางที่เยี่ยนจ้าวเกออยู่
ถึงแม้จะทราบอยู่แล้วว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ธรรมดา แต่เขาคิดไม่ถึงว่าขนาดมารดาของตนลงมืออำพรางร่องรอย ก็ยังต้องระมัดระวังตัวด้วย
เมื่อครู่การมองของเขาเหมือนจะสะกิดประสาทสัมผัสของเยี่ยนจ้าวเกอ ทำให้ถูกมารดาของตนสั่งสอนไปรอบหนึ่ง
นี่ทำให้คังจิ่นหยวนรู้สึกคับข้องใจเป็นพิเศษ “ท่านแม่ ร่างแยกของเขาถึงแม้ว่าจะเลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้นอย่างเหนือความคาดหมาย แต่จะอย่างไรก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน ท่านลงมือจับเขาก็ได้ไม่ใช่หรือ?”
คังฮูหยินมองเขาอย่างไม่พอใจ “เมื่อไรเจ้าจะเลิกใจร้อนเสียที? มิพักเอ่ยว่าต้องระวังดูความคิดขององค์ประมุขอาคเนย์ เยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้บนตัวมีตราประทับตะวันที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอยู่ด้วย ไหนเลยจะจับกุมง่ายขนาดนั้น?”
คังจิ่นหยวนก้มหน้าอย่างเคืองแค้น คังฮูหยินเห็นดังนั้นก็ลอบถอนใจคำหนึ่ง หันไปมองที่บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ เห็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเข้าไปในบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์แล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอกลับอยู่ที่ด้านข้างบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ มองบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์เงียบๆ
ในตอนนั้นเอง บาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์พลันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ประกายแสงด้านในกระจัดกระจายส่องแสงระยิบระยับกว่าเดิม
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น สองคิ้วเลิกขึ้น เหมือนกับรู้สึกประหลาดใจ
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้อยู่เหนือความคาดหมายของคังฮูหยินเช่นกัน สีหน้าของนางสั่นไหว มองบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์ตาไม่กะพริบ
………………..