ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 770 เกรี้ยวกราดยิ่งกว่าท่าน!
ควันสีเหลืองพันรอบร่างของหงส์เพลิงตัวนั้น กั้นพายุน้ำสายฟ้าที่อยู่ด้านนอกออกจากตัวมัน
ถึงแม้จะเป็นละอองฝุ่น แต่กลับให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่หนักแน่น เหมือนกับฟ้าดินที่รองรับสรรพสิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ตาลง “ปฐพีอานิสงส์…”
กุศลไร้สิ้นสุด สืบทอดความดี ใช้คุ้มกันกาย ทอดยาวไม่ขาดสาย สิ่งชั่วร้ายไม่อาจกล้ำกราย
ชายหนุ่มสังเกตว่าจิตพลังและกลิ่นอายที่ปรากฏออกมาในขณะที่หงส์เพลิงตัวนั้นสยายปีก มีความรู้สึกคุ้นเคยชนิดหนึ่ง
คล้ายกับร่างจริงแท้ของหงส์เพลิงที่หวังฮุ่ยและหลี่จิ้นซึ่งประมือกับตนก่อนหน้าฝึกฝน
คนตรงหน้านี้ เป็นลูกศิษย์ของประมุขทักษิณอย่างแน่นนอน
นอกจากนั้นพลังฝึกปรือของคนผู้นี้ยังเหนือกว่าหวังฮุ่ยและหลี่จิ้นมากแล้ว ดูจากกลิ่นอายที่เผยออกมา เป็นจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้าย
บนร่างของเขามีแสงที่สั่นสะท้านจิตใจผู้คนกะพริบ ซ่อนไว้ไม่ยอมปล่อย
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงสองชิ้น อย่างตราประทับตะวันและหอกราชาลี้ลับรู้สึกได้ว่า บนตัวของผู้มาเยือนก็มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเช่นกัน
เป็นเพราะพวกคังผิง กู้หง และหลัวจื้อเทา พายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุดตรงหน้านี้จึงอ่อนแอกว่าตอนปกติ
ถึงแม้จะยังคงรุนแรง แต่เทียบกับยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกซึ่งมีปฐพีอานิสงส์คอยคุ้มกันกาย การคุกคามก็ค่อนข้างมีจำกัดแล้ว
ดังนั้นที่ซ่อนพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไว้โดยไม่ยอมปล่อยออก จึงเป็นแค่การระวังตัวเท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวในใจ ‘ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน ซึ่งเป็นลูกศิษย์ขององค์ประมุขอาคเนย์ก็ไม่ใช่ว่าจะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงทุกคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกศิษย์ที่อยู่ในขั้นเทวะสำแดงแล้ว’
‘ถึงแม้ว่าการพกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงชิ้นหนึ่งเอาไว้เพื่อรับประกันความปลอดภัยในขณะที่เดินทางอยู่ในเขตตะวันอาคเนย์จะถือเป็นเรื่องปกติ แต่เกรงว่าคนตรงหน้านี้จะมีตำแหน่งและสถานะในเขตเพลิงทักษิณไม่ธรรมดา’
ท่ามกลางพายุแม่เหล็กไร้ที่สิ้นสุด ทุกคนมีความสามารถในการรับรู้ลดน้อยลง
แต่ว่ากลิ่นอายของหงส์เพลิงตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป นอกจากนั้นยังไม่มีความตั้งใจจะซ่อนไว้แม้แต่น้อย
พวกคังผิงที่กำลังสู้กันอยู่ การเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงแขกไม่ได้รับเชิญที่จู่ๆ ก็มาถึงผู้นี้
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ว่า หงส์เพลิงตัวนั้นน่าจะพบการดำรงอยู่ของเขาแล้วเช่นกัน
กระนั้นไม่ว่าจะเป็นกับพวกคังผิงหรือเยี่ยนจ้าวเกอ คนที่ฝึกฝนจิตจริงแท้ของหงส์เพลิงผู้นี้ เหมือนกับมองไม่เห็น ดำอยู่ในทะเลโดยไม่สนใจ
‘ทางเขตเพลิงทักษิณไส่งคนไปเขาโถงทองเพื่อพบประมุขอาคเนย์กับหวังฮุ่ยซึ่งถูกจับไว้ ขณะเดียวกันก็แยกกำลังออกเป็นสองทาง อีกด้านมีคนมายังทะเลหวงเจีย เพียงแต่คนพวกนี้กลับไม่ทราบว่าข้าสังหารหลี่จิ้นซึ่งเป็นศิษย์ร่วมสำนักของเขาไปแล้ว’
ชายหนุ่มใคร่ครวญในใจอย่าง ‘รีบมาที่นี่ถึงเพียงนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่?’
เพื่อฝักกระบี่ด้านในวังร้างที่มีคำว่า ‘กลืนฟ้า’ สลักเอาไว้ หรือว่าด้านในวังวังนั้นจะยังมีของอะไรอีก?
เขาทางหนึ่งคิด ทางหนึ่งดำอยู่ในก้นทะเลต่อ ตามการนำทางของเตากลืนดิน
หลังจากสัมผัสได้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอกับตัวเองไปทางเดียวกัน หงส์เพลิงตัวนั้นก็หยุดลง
เยี่ยนจ้าวเกอระวังตัวขึ้นมา ได้ยินอีกฝ่ายส่งเสียงมาจากในเปลวเพลิง “เจ้าเป็นตัวอะไรกัน? กล้าหมายตาของที่ข้าต้องการหรือ?”
หงส์เพลิงกระพือปีกอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง ลูกศรเพลิงหลายสายแทรกอยู่ในน้ำวนและพายุแม่เหล็กไร้สิ้นสุด ก่อนจะพุ่งมาทางเยี่ยนจ้าวเกอ
เปลวเพลิงที่มีจิตจริงแท้ของหงส์เพลิงนั้นแม้จะอยู่ในมหาสมุทร แต่กลับไม่ได้รับผลกระทบอะไรแม้แต่น้อย
ลูกศรเพลิงผสมกับสายฟ้าสีม่วงอมเขียว อานุภาพเหี้ยมหาญกว่าเดิม
ทันทีที่เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็ขวางหอกธงเมฆาไว้ด้านหน้า
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน ลูกศรเพลิงที่ดุร้ายนั้นก็ปะทะเข้ากับตัวหอก
เงาแสงของวิหคเจ็ดตัวทะยานขึ้นบนหอกธงเมฆา ทว่าพวกมันส่งเสียงร้องโหยหวนตลอดเวลา เพราะถูกลูกศรเพลิงพุ่งใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ความแข็งกล้าของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก และความเหี้ยมหาญของหอกธงเมฆาถึงกับกันไว้ไม่อยู่
แสงส่องสว่างขึ้นบนเกราะทองบรรพต เกิดเป็นการป้องกันหลายชั้น ช่วยเหลือร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกขวางการโจมตีที่เหลือ ทั้งยังทำให้ลูกศรเพลิงยิงใส่จนแสงสีทองกะพริบปริบๆ ไม่หยุด แทบจะสลายไปในทันที
ลูกศรเพลิงลูกแล้วลูกเล่าถูกกันไว้ยังไม่ถือว่าจบ เพราะพวกมันพากันระเบิดออกมา เกิดเป็นเพลิงโหมในทะเลลึก ครอบคลุมร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไว้เนิ่นนานไม่ยอมหายไป
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกสีหน้าเคร่งขรึม หายใจเข้าออก ปรับญาณจริงแท้ของตัวเอง เพื่อต้านทานการลุกลามของเพลิงผลาญ
การลงมือของยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกย่อมไม่ธรรมดา
โดยเฉพาะคนตรงหน้ายังมีพลังเหนือกว่าพวกหลัวจื้อเทาและเสวียนมู่อ๋อง
การลงมือเมื่อครู่ของเขาเพียงทำอย่างสบายๆ ไม่ได้เอาจริงกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่มีหอกธงเมฆาและเกราะทองบรรพต สองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางคอยช่วยเหลือ ก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล
หอกธงเมฆาเป็นอาวุธที่เสวียนมู่อ๋องชอบใช้ก่อนที่จะครอบครองหอกราชาลี้ลับ มีคุณสมบัติไม่ธรรมดา
ไม่เช่นนั้นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกคงไม่ใช้มันแทนหอกมังกรมัจฉา ซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำที่ประสานกับตนได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
ทว่าในตอนนี้บนหอกธงเมฆามีเพลิวผลาญลุกท่วม ประกายวิญญาณริบหรี่ลง ด้ามหอกสั่นไหวไม่หยุด เหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังดิ้นรนเอาตัวรอด
หลังจากหงส์เพลิงที่อยู่ด้านหลังโจมตีเสร็จ ก็ไม่มองผลลัพธ์การโจมตีของตนโดยสิ้นเชิง ดำไปยังก้นทะเลต่อ
เขาเหมือนจะแน่ใจแล้วว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกต้องตาย
เขาที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ไม่เคยเจอจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่คนไหนที่รับกระบวนท่าของเขาได้มาก่อน
ในตอนที่รับรู้ได้ว่าเพลิงผลาญรอบร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเริ่มดับลง การเคลื่อนไหวของหงส์เพลิงตัวนั้นก็หยุดลงในทันที ด้วยรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
หลังจากลังเลเล็กน้อย หงส์เพลิงตัวนี้ก็ไม่ได้ลงมือต่อ แต่ดำลังไปด้านหลังเหมือนก่อนหน้า
เวลาของเขามีจำกัดยิ่ง ไม่อาจเสียเวลาไปกับปลาซิวปลาสร้อยเช่นนี้
เขาเชื่อการเตือนเมื่อครู่สามารถทำให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกหยุดนิ่งได้แล้ว ถ้าอีกฝ่ายฉลาด ก็สมควรปล่อยวาง
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะฮ่าๆ เขารู้จักจิตสังหารที่อีกฝ่ายซ่อนไว้ในตอนที่ลงมือเมื่อครู่ดี
เปลี่ยนเป็นจอมยุทธ์ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่คนอื่น คงถูกลูกศรเพลิงยิงตายคาก้นทะเลไปแล้ว
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกดวงตากลายเป็นเย็นชา จุดลมปราณทั่วทั้งร่างสั่นไหวโดยมีจุดไป๋ฮุ่ยบนขม่อมเป็นหลัก พลังอันยิ่งใหญ่ระเบิดออกมาในชั่วพริบตา
หอกธงเมฆาที่สั่นระริกเปลี่ยนเป็นมั่นคงอีกครั้ง คมหอกวาววับ กลายเป็นสายฟ้าเยียบเย็นสายหนึ่ง แทงใส่หงส์เพลิงตรงๆ!
เงาแสงของคุนเผิงปรากฏขึ้น ส่งเสียงร้องสนั่นแก้วหู ดังไปทั่วทะเลลึก
หงส์เพลิงตัวนั้นชะงักงันอย่างชัดเจน
“ยังกล้าลงมืออีกหรือ?”
นาทีต่อมา หงส์เพลิงหมุนตัวอย่างฉับพลัน ลอยขึ้นด้านบน ปะทะกับคุนเผิงที่พุ่งดิ่งลงมาท่ามกลางเสียงวิหคร้องที่สดใส
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกร่างสั่นไหว แสงสีทองของเกราะบรรพตริบหรี่ลงในชั่วอึดใจ หอกธงเมฆาสั่นสะเทือนจนแทบหลุดออกจากมือ
เยี่ยนจ้าวเกอลอบกระตุ้นเตากลืนดิน พลังกลืนกินที่แข็งแกร่งซึ่งส่งออกมาจากด้านในเตากลืนดินดูดซับพลังอันน่ากลัวที่อีกฝ่ายโจมตีไว้เป็นจำนวนมาก
คุนเผิงแม้ว่าจะมีพลังมหาศาล แต่ระดับพลังฝึกปรือค่อนข้างแตกต่าง กลับเป็นหงส์เพลิงตัวนั้นดุร้ายกว่า กระแทกเงาแสงคุนเผิงจนเกือบแตกสลายทันที
แม้ว่าเงาแสงคุนเผิงแม้จะถูกทำลาย แต่กลับมีแสงอาทิตย์ไร้ประมาณปรากฏขึ้น สาดส่องไปทั่วมหาสมุทร
ตราประทับสีทองอันหนึ่งพุ่งใส่ศีรษะของหงส์เพลิง ดุจพระอาทิตย์ของจริงตกลงมาจากฟากฟ้า
หงส์เพลิงพลันส่งเสียงกู่ร้อง นอกจากปฐพีอานิสงส์แล้ว แสงม่วงบารมีก็สว่างขึ้นมาเช่นกัน กุศลทั้งสองเสริมพลัง ขวางการกระแทกของตราประทับตะวันอันน่ากลัว
แม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังคงถูกตราประทับตะวันชนใส่จนเห็นดาวพร่างพราว โซเซถอยหลัง!