ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 792 จับคน
หลังจากพวกกู้หงกับกงซุนอู่จากไปแล้ว หลินฮั่นหัวกับมู่จวินก็มองน่านน้ำของดินแดนสุทธทัศน์ด้านล่างแวบหนึ่ง กำลังจะเตรียมตัวจากไปเช่นกัน
จวงเจาฮุยถึงแม้จะหนีไปได้ ทว่าเขตเพลิงทักษิณยังมียอดฝีมือระดับสุดยอดอยู่ใกล้ๆ หลังจากพบกับจวงเจาฮุยแล้ว อาจจะรวมกลุ่มกันใหม่ก็ได้
พวกหลินฮั่นหัวจำเป็นต้องเตรียมรับมือ ส่วนถังหย่งฮ่าวที่ครอบครองกระดูกหงส์เพลิง สมควรส่งไปยังเขาโถงทองค่อนข้างเหมาะสมกว่า
พวกเขาเชิญเยี่ยนจ้าวเกอสองพ่อลูกไปยังเขาโถงทองด้วยกัน
เมื่อพิจารณาว่าราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกับสำนักแสงสว่างไม่อาจก่อความวุ่นวายได้อีก สถานการณ์ของทะเลหวงเจียสุดท้ายก็ค่อนข้างน่าดู เยี่ยนจ้าวเกอจึงคิดจะไปยังเขาโถงทอง เพื่อพบกับประมุขอาคเนย์ เจ้าชีวิตแห่งเขตตะวันอาคเนย์
ถึงอย่างไรต่อจากนี้เขากว่างเฉิงของตนก็คิดจะลงหลักปักฐานบนโลกซ้อนโลก
ส่วนปัญหาของจวงเจาฮุยและเขตเพลิงทักษิณ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่พวกหลินฮั่นหัวควรกังวลมากกว่า
หลังจากบอกลาหลินฮั่นหัวและมู่จวินเสร็จ พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ผละจากน่านน้ำบนดินแดนสุทธทัศน์ ตัดผ่านดินแดนภูผาสงัด มุ่งหน้ากับมายังดินแดนจิตคุณธรรม
ขณะเดินทาง ทุกคนล้วนอยู่ในวังฝูงมังกร เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังเฟิงอวิ๋นเซิง
ในที่สุดนางก็ได้มงกุฎจันทรามาครองสมดั่งหวัง แม้ว่าจะไม่ใช่ความยึดมั่นอีกแล้ว แต่ในที่สุดเฟิงอวิ๋นเซิงก็จัดการเรื่องค้างคาใจสำเร็จ
แต่ว่าสีหน้าของนางในตอนนี้กลับไม่ผ่อนคลาย
การพาตัวเมิ่งหวานไปอย่างเหนือความคาดหมายของจวงเจาฮุย ทำให้เฟิงอวิ๋นเซิงรู้สึกกังวลยิ่ง
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิงก็ยิ้มเล็กน้อย กล่าวพลางส่ายหน้าว่า “ข้าไม่เป็นไร”
ตนถึงแม้ว่าจะผูกพันธ์กับเมิ่งหวาน แต่จวงเจาฮุยมาช้าไป ภาพที่เห็นสมควรเป็นภาพที่นางกับเมิ่งหวานต่อสู้เพื่อชิงมงกุฎจันทรา ในลักษณะตัดสินเป็นตาย
ต่อให้จวงเจาฮุยคิดจับคนเพื่อแก้แค้นเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ควรคิดหาวิธีจับจางนางเฟิงอวิ๋นเซิง ไม่ใช่เมิ่งหวาน
นอกจากนี้ระหว่างตนกับเมิ่งหวานเพราะสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกเขากว่างเฉิงทำลาย ความสัมพันธ์จึงผูกกันซับซ้อน ต่อให้จะสนิทเหมือนดั่งวันวาน นั่นก็เป็นแค่ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเมิ่งหวานเท่านั้น
พูดถึงท้ายที่สุด เยี่ยนจ้าวเกอกับเมิ่งหวานไม่ได้มีมิตรภาพอะไรให้พูดถึงเท่าไรนัก
จวงเจาฮุยถ้าหากว่าจับเมิ่งหวานไปเพราะเกิดข้อขัดแย้งกับเยี่ยนจ้าวเกอ อย่างมากสุดก็สามารถลองเค้นข้อมูลที่เกี่ยวกับเยี่ยนจ้าวเกอจากปากของเมิ่งหวานได้มากกว่าเดิม
ทว่าจวงเจาฮุยที่มาจากเขตเพลิงทักษิณ สมควรไม่ทราบถึงสถานการณ์ของเมิ่งหวาน ไม่รู้ว่านางกับเยี่ยนจ้าวเกอมาจากโลกแปดพิภพเหมือนกัน
ดังนั้นทุกอย่างนี้จึงยังบอกไม่ได้
คำอธิบายหนึ่งเดียวก็คือ ที่เขาพาเมิ่งหวานไปเพราะสาเหตุจากตัวเมิ่งหวานเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับเยี่ยนจ้าวเกอและนางเฟิงอวิ๋นเซิง
หลังจากความหวั่นวิตกในตอนแรกหายไป เฟิงอวิ๋นเซิงก็ใจเย็นลง ค่อยๆ เริ่มเข้าใจเหตุผลที่อยู่ด้านใน
น่าจะไม่ใช่เพราะจันทรากาย ถึงอย่างไรมงกุฎจันทราก็ไม่ได้อยู่กับเมิ่งหวานแล้ว
ดังนั้นน่าจะเป็นสาเหตุอื่น
เพียงแต่เฟิงอวิ๋นเซิงไม่ทราบว่าหลังจากเมิ่งหวานถูกจวงเจาฮุยพาตัวไปแล้ว จะได้รับการปฏิบัติที่ไม่ดีหรือไม่
แม้จะไม่ถูกหลอมร่างเอากระดูกเหมือนถังหย่งฮ่าว แต่ก็ยากจะคาดคะเน
นี่ทำให้เฟิงอวิ๋นเซิงไม่อาจไม่กังวล
เพราะไม่ว่านางจะใคร่ครวญอย่างไร ก็คิดไม่ออกว่าเหตุใดจวงเจาฮุยจึงต้องพาเมิ่งหวานไป
หลังจากเมิ่งหวานมายังโลกซ้อนโลก ก็ถูกสำนักแสงสว่างจัดให้อยู่ที่ผาตะวันจันทรามาโดยตลอด ไม่เคยออกไปด้านนอก แม้แต่ลูกศิษย์ของสำนักแสงสว่างก็เคยเห็นแค่ไม่กี่ครั้ง
ปัจจุบันก่อนที่จะเจอกัน จวงเจาฮุยเกรงว่ายังไม่รู้ถึงการคงอยู่ของตัวเมิ่งหวานด้วยซ้ำ
เยี่ยนจ้าวเกอมองมา เฟิงอวิ๋นเซิงขบคิดเล็กน้อย ทว่าไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้
สำหรับถังหย่งฮ่าวและเมิ่งหวาน เยี่ยนจ้าวเกอไม่มีความคิดฆ่าทิ้งให้หมดจริงๆ ในทางตรงกันข้าม เขารู้สึกชื่นชมสองคนนี้มาก
แต่ว่าทุกอย่างนี้มีเงื่อนไขก่อนหน้า ซึ่งก็คือพวกเขาไม่เคยเป็นศัตรูกับเขากว่างเฉิงจริงๆ
ถึงแม้ว่าการถือครองมงกุฎจันทราของเมิ่งหวานเมื่อครั้งยังอยู่ในโลกแปดพิภพ จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ ก่อเกิดเป็นการคุกคาม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นำมงกุฎจันทรามาสู้กับจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงจริงๆ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือเขาโถงทองก็ดี หรือสร้างความทุกข์ใจให้แก่พวกจวงเจาฮุยก็ดี เยี่ยนจ้าวเกอยินดีส่งเสริมถังหย่งฮ่าว ทั้งยังช่วยให้เขาเข้าเขาโถงทอง
เมิ่งหวานสูญเสียมงกุฎจันทรา เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่คิดจะเอาชีวิตของนาง
ถึงขั้นที่เยี่ยนจ้าวเกอยังพิจารณาจะส่งนางกลับโลกแปดพิภพ เพื่อให้นางได้พบกับผู้เป็นอาจารย์ตามคำพูดของเฟิงอวิ๋นเซิงด้วย
ทว่าถ้าหากถังหย่งฮ่าวกับเมิ่งหวานเป็นศัตรูกับเขากว่างเฉิงเพราะสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เยี่ยนจ้าวเกอย่อมแสดงความเข้าใจจุดยืนของพวกเขา แต่จะไม่มีทางเกรงใจเด็ดขาด
เยี่ยนจ้าวเกอมีความรู้สึกเสียดายคนมีความสามารถอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีวันใช้กับศัตรู
เฟิงอวิ๋นเซิงเป็นห่วงเมิ่งหวานมาก แต่ก็รู้ว่าหากคิดจะชิงคนกลับมาจากประมุขทักษิณ ย่อมมีความยากมากมายนัก
เหมือนกับถังหย่งฮ่าวกราบเข้าเขาโถงทอง จวงเจาฮุยต้องการคน ยากเหมือนปีนป่ายสวรรค์
หากให้เฟิงอวิ๋นเซิงเสี่ยงชีวิตเพื่อเมิ่งหวาน เฟิงอวิ๋นเซิงก็จะไม่มีทางลังเล
กระนั้นถ้าให้เยี่ยนจ้าวเกอไปเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อเมิ่งหวาน เช่นนั้นก็ดูจะโง่เขลาไปบ้าง
ต่อให้ไป เขาก็จะไปเพื่อเฟิงอวิ๋นเซิง
นอกเสียจากว่าจะมีเหตุผลพิเศษอย่างอื่น แต่อย่างน้อยในตอนนี้ เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงยังไม่มีเหตุผลนั้น
เฟิงอวิ๋นเซิงลอบถอนใจ
นางย่อมไปได้เอง แต่ถ้านางพบอันตราย จะแตกต่างอะไรกับการบีบบังคังให้เยี่ยนจ้าวเกอไปด้วยกันเล่า?
เพื่อศิษย์น้องของตัวเอง จึงลากเยี่ยนจ้าวเกอไปในอันตรายที่เดิมทีสามารถหลบเลี่ยงได้ เมิ่งหวานสำคัญกว่าเยี่ยนจ้าวเกอหรือ?
เยี่ยนจ้าวเกอทำลายเรื่องที่จวงเจาฮุยวางแผนชิงกระดูกหงส์เพลิง สังหารหลี่จิ้นซึ่งเป็นลูกศิษย์ของประมุขทักษิณ ผู้สืบทอดของประมุขทักษิณเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ อยากจะให้เขาไปเขตเพลิงทักษิณใจจะขาด
ดังนั้นในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอถาม เฟิงอวิ๋นเซิงจึงได้แต่แสร้งทำท่าทางว่าไม่มีอะไร
แต่การจากไปครั้งนี้ของเมิ่งหวาน อาจจะประสบกับเรื่องไม่ดี เฟิงอวิ๋นเซิงแค่คิดถึง ก็รู้สึกไม่อยากอาหารแล้ว
หลังจากการทดสอบแห่งจันทรา เฟิงอวิ๋นเซิงไม่เคยผ่อนปรนการฝึกฝนของตนเอง
ทว่าในตอนนี้ นางรู้สึกวิตกและไร้กำลังอีกแล้ว
ความเร่งร้อนและความกระหายที่เกิดขึ้นเพราะการไล่ตามมงกุฎจันทราไม่หยุดหย่อน บังเกิดขึ้นในใจนางอีกครั้ง ทำให้นางปรารถนาให้ตนแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอีกสักนิด
ถ้าหากว่าตนแข็งแกร่งเพียงพอ เช่นนั้นไม่จำเป็นต้องลากคนอื่นมาเกี่ยวข้อง ตนก็สามารถช่วยเสี่ยวหวานกลับมาได้ด้วยตัวเอง
เยี่ยนจ้าวเกอมองเฟิงอวิ๋นเซิง ยิ้มเล็กน้อย “กำลังเป็นห่วงเมิ่งหวานหรือ?”
ในเมื่อเยี่ยนจ้าวเกอพูดถึงแล้ว เฟิงอวิ๋นเซิงก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังอีก “ไม่รู้ว่าจวงเจาฮุยพานางไปเพราะเหตุใด”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้านึกว่าได้สร้างความประทับใจที่สามารถทำอะไรก็ได้เอาไว้ในสายตาของเจ้าแล้วเสียอีก”
เฟิงอวิ๋นเซิงถอนใจ “จวงเจาฮุยอยากให้ท่านไปหาเขา เนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์มียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ องค์ประมุขทักษิณยิ่งไม่ใช่คนธรรมดา และเรื่องนี้ความจริงไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านด้วย”
เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วแตะริมฝีปาก “เจ้าพูดเช่นนี้ทำให้ข้ารู้สึกเจ็บปวดยิ่ง เจ้าควรรู้ว่าบุรุษต่างหวังให้สตรีของตนพึ่งพาตัวเองกันทั้งนั้น เช่นนี้จึงเป็นการเติมเต็มความภาคภูมิของตัวเอง ยามปกติยิ่งแข็งแกร่งเท่าไร ในตอนที่อ่อนแอจริงๆ ยิ่งทำให้คนรู้สึกสงสารเท่านั้น”
ฝ่ายหญิงสาวทั้งขุ่นเคืองทั้งขบขัน “ท่านยังคิดหาความภาคภูมิใจจากข้าอีกหรือ?”
“เจ้าไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ นั่นแหละ” เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียง
เฟิงอวิ๋นเซิงใจอ่อน สูดลมหายใจลึก ส่ายหน้าเล็กน้อย “ท่านอย่าลงมือจะดีกว่า”
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “แล้วแต่เจ้า”
นางว่า “ความจริงแล้วในตอนที่จวงเจาฮุยพาเสี่ยวหวานไป เขาไม่ได้เผยความละโมบหรือความแค้น รวมถึงไม่ได้แสดงออกว่าต้องการระบายแค้นกับเสี่ยวหวาน เหมือนเขาในตอนนั้นแม้จะเดือดดาลเรื่องกระดูกหงส์เพลิง แต่คล้ายกับไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเสี่ยวหวาน การไปในครั้งนี้ของเสี่ยวหวานอาจไม่มีอันตราย”
“กระนั้นข้าก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาต้องจับเสี่ยวหวานไป ดังนั้นจึงไม่อาจวางใจ”
เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ ครุ่นคิดครู่หนึ่งค่อยถามว่า “ในตอนที่อยู่โลกแปดพิภพ ไม่เคยได้ยินชาติกำเนิดของเมิ่งหวานมาก่อน เจ้าเข้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านาง รู้เรื่องครอบครัวของนางหรือไม่?”
………………..