ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 793 โอสถวิญญาณที่มาจากวังเทพ
“เสี่ยวหวานเป็นเด็กกำพร้าเหมือนกันข้า” เฟิงอวิ๋นเซิงตอบ “ดังนั้นนางจึงผูกพันธ์กับอาจารย์ของนางมาก เทียบได้กับมารดาและบุตรี”
เยี่ยนจ้าวเกอถามว่า “แล้วเจ้าเคยได้ยินนางพูดถึงบิดามารดาบังเกิดเกล้าหรือไม่?”
เฟิงอวิ๋นเซิงส่ายหน้า “เสี่ยวหวานบอกเองว่า นางจำบิดามารดาของนางไม่ได้ ตั้งแต่จำความได้ นางก็เป็นเด็กกำพร้าแล้ว ไม่มีญาติคนอื่น”
นางมองเยี่ยนจ้าวเกอ “หรือท่านตั้งใจจะหมายถึง?”
ชายหนุ่มส่ายศีรษะ “ข้าเองก็ไม่ทราบ เพียงแต่ตอนนี้เหมือนจะมีคำอธิบายแค่เมิ่งหวานมาจากโลกซ้อนโลก จึงจะทำความเข้าใจได้”
จางเชา เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของโลกแปดพิภพที่ลอยขึ้นมายังโลกซ้อนโลก
พวกเมิ่งหวาน ถังหย่งฮ่าว เยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง เป็นคนกลุ่มแรกที่ระดับพลังฝึกปรือไม่อยู่ในขั้นเทวะสำแดง แต่ผ่านบาดแผลแห่งกำแพงสวรรค์มายังโลกซ้อนโลกโดยใช้วิธีการพิเศษ
จากโลกแปดพิภพไปโลกซ้อนโลกลำบาก แต่ที่โลกซ้อนโลกกลับเคยมีคนลงไปมาก่อน อีกทั้งยังไม่ใช่แค่คนสองคน
ยังไม่ต้องพูดถึงตัวตนที่แข็งแกร่งซึ่งทิ้งตราประทับตะวันและมงกุฎจันทรา ล่าสุดอย่างน้อยก็มีปราชญ์ภาพวาดผู้อาวุโมโม่ด้วย
ตามเหตุผลแล้ว ก่อนหน้านี้เมิ่งหวานน่าจะไม่เคยเจอจวงเจาฮุยมาก่อน
ก่อนที่จะพบกันที่วังศิลาก้นทะเล จวงเจาฮุยน่าจะไม่รู้ถึงการดำรงอยู่ของนาง
ตามคำพูดที่จวงเจาฮุยเผยออกมา เขากับคนที่เกี่ยวข้องกับเขาไม่น่าจะเคยไปโลกแปดพิภพ และน่าจะไม่จะรู้ว่ามีโลกใบนี้อยู่ด้วย
เช่นนั้นความเป็นไปได้เดียวก็คือ จวงเจาฮุยนึกถึงคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเมิ่งหวาน
มีคนลงไปยังโลกแปดพิภพ แล้วให้กำเนิดเมิ่งหวาน
บางทีคนผู้นี้อาจจะพาเมิ่งหว่านไปโลกแปดพิภพ แล้วทิ้งนางไว้ที่นั่นก็ได้
เพียงแต่ว่าตอนนี้คนผู้นี้อยู่ที่ใดไม่อาจรู้ได้ น่าจะไม่ได้อยู่ที่โลกแปดพิภพ แต่อาจจะกลับมายังโลกซ้อนโลกแล้ว หรือไม่ก็อาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็ได้
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง แต่ความเป็นไปได้นี้ต่ำยิ่ง
“นั่นก็คือตัวเมิ่งหวานอาจจะซ่อนความลับบางอย่างไว้ เหมือนกับถังหย่งฮ่าวที่ได้ของวิเศษมา หรือว่านางอาจจะมีคุณสมบัติร่างกายพิเศษบางอย่างก็ได้ พวกเราไม่รู้ แต่จวงเจาฮุยดูออก ดังนั้นจึงจับตัวเมิ่งหวานไป เพื่อเอาไปใช้ประโยชน์ แต่ไม่ได้วางแผนไว้ต่อ”
เฟิงอวิ๋นเซิงคิดเล็กน้อย “ความเป็นไปได้นี้ค่อนข้างต่ำจริงๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ กล่าว “ดังนั้นความเป็นไปได้ก่อนหน้าจึงมีสูงกว่า สาเหตุอยู่ที่ชาติกำเนิดของเมิ่งหวาน”
“ไม่แน่ว่าศิษย์น้องของเจ้าผู้นี้อาจจะมีชาติกำเนิดสูงศักดิ์จริงๆ ก่อนหน้านี้เป็นเจ้าหญิงตกยาก เร่ร่อนอยู่ในโลกแปดพิภพ”
“แบบนั้นไร้เหตุผลเกินไปแล้ว” เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้มอย่างหนักใจ
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “เจ้ากับนางผูกพันธ์กันฉันท์พี่น้อง หากพิจารณาในมุมมองที่หวังให้นางปลอดภัย ชาติกำเนิดของนางให้ดีต้องสูงศักดิ์สักหน่อย หากเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจวงเจาฮุยจะขายคนให้บุคคลที่ยิ่งใหญ่คน หรือเก็บไว้เก็งกำไร ไม่ก็คิดมิดีมิร้าย ขอแค่นางมีค่าในสายตาจวงเจาฮุยก็พอ”
“แต่ว่าเมื่อพิจารณาในด้านผลประโยชน์ของเขากว่างเฉิง ถ้าเกิดเมิ่งหวานบินออกจากกิ่งกลายเป็นหงส์จริงๆ นางจะอาศัยสภาวะช่วยฟื้นฟูสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ เช่นนั้นก็บอกยากแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอตั้งนิ้วสองนิ้วขึ้นมา “บุคคลยิ่งใหญ่ซึ่งมีอำนาจ จะมีท่าทีต่อการได้บุตรีที่สาปสูญไปกลับมาสองแบบ”
“ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกไม่ผูกพันธ์ จึงไม่ได้ให้ความสำคัญ ก็ต้องทะนุถนอมและชดเชย อยากได้อะไรก็ได้อย่างนั้น”
เฟิงอวิ๋นเซิงมองเยี่ยนจ้าวเกอครู่หนึ่ง หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “ข้าคิดมาตลอดว่าท่านมีวาจาเป็นเลิศ แต่ท่านพูดดียิ่งกว่าข้าเสียอีก ท่านพูดจนตอนนี้ข้าแทบไม่ห่วงเสี่ยวหวานแล้ว กลับห่วงเขากว่างเฉิงของเราแทน”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดพร้อมยิ้มกว้าง “ข้ากับเขากว่างเฉิงจำเป็นต้องกังวล แต่เจ้าไม่จำเป็น ขาอ่อนท่อนนี้เจ้ากอดไว้ตั้งแต่แรกแล้วนี่”
หญิงสาวส่ายหน้า “ตอนสู้กับข้า เสี่ยวหวานใช้พลังทั้งหมดจนไม่ค้างคาใจแล้ว ตราบใดที่ข้ายังอยู่กับเขากว่างเฉิง เสี่ยวหวานน่าจะไม่สร้างความลำบากให้สำนักเรา นางคงคิดหาวิธีสร้างรากฐานของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง เหมือนกับถังหย่งฮ่าว ศิษย์พี่ถังผู้นั้นมากกว่า”
“สิ่งที่เสี่ยวหวานคิดถึงในตอนนี้ที่สุดน่าจะเป็นอาจารย์ของนาง”
นางถอนใจ “ขาคู่เล็กๆ ของนางจะกลายเป็นขาอ้วนพีให้ข้ากอดหรือไม่ ข้าไม่สนใจ ข้าแค่อยากให้นางปลอดภัยเท่านั้น”
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “จากนี้ข้าจะไปเขาโถงทอง อันเป็นที่พำนักขององค์ประมุขอาคเนย์ ไม่แน่อาจได้เบาะแสเพิ่ม ทั้งยังอาจจะได้รู้ว่าเหตุใดจวงเจาฮุยถึงต้องจับนางไป อย่างน้อยก็น่าจะมั่นใจขึ้น ยืนยันความปลอดภัยของเมิ่งหวานได้”
เขาลูบคางของตัวเอง “ครั้งนี้สามารถออกเดินทางไปเยี่ยมสถานที่ต่างๆ ได้แล้ว ถ้าเมิ่งหวานมีบ้านเกิดอยู่ที่โลกซ้อนโลกจริงๆ บางทีอาจไม่ได้มีแค่จวงเจาฮุยที่จำนางได้”
การคุกคามจากสำนักแสงสว่างและราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องยังคงอยู่
แต่ไม่ได้กระชั้นชิดจวนตัวเหมือนเดิมแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอไม่จำเป็นต้องจัดการเรื่องในทะเลหวงเจียอีก อย่างน้อยก็ไม่ใช่ถึงขั้นออกจากทะเลหวงเจียไม่ได้
ไม่อย่างนั้น ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกับสำนักแสงสว่างก็จะเหมือนกับกระบี่คมที่ลอยอยู่เหนือโลกแปดพิภพและเขากว่างเฉิง นำมาซึ่งภัยพิบัติได้ตลอดเวลา
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไหนเลยจะมีอารมณ์ไปสนใจเรื่องอื่น
ปัจจุบันนี้ เขามีเวลาไปยังสถานที่อื่นบนโลกซ้อนโลกแล้ว
ที่อยู่ของเสวี่ยชูฉิงผู้เป็นมารดาเป็นปริศนามาโดยตลอด ตอนนี้ในที่สุดก็มีโอกาสได้ออกตามหาเสียที
การไปยังสถานที่ต่างๆ ทำให้สามารถสืบหาเรื่องราวเกี่ยวกับเมิ่งหวานได้ด้วยเช่นกัน
บางทีทางหลินฮั่นหัวกับมู่จวินอาจได้อะไรมาบ้างก็ได้กระมัง?
เมื่อครู่ทางดินแดนสุทธทัศน์มีสายตาคนอยู่มากมาย จึงไม่สะดวกถาม
เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งปลอบเฟิงอวิ๋นเซิง ทางหนึ่งบังคับวังฝูงมังกรให้เคลื่อนผ่านท้องฟ้ากว้าง มุ่งหน้าไปยังดินแดนจิตคุณธรรม เพื่อรวมกลุ่มกับเยี่ยนตี๋
ขณะเดินทาง กลับมีเรื่องหนึ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
พ่านพ่านที่กลืนหัวใจปีศาจกับเลือดหัวใจของเทาเที่ยไปแล้ว ร่างกายของมันขยายใหญ่ขึ้นจนถึงขีดสุด ปราณปีศาจควบคุมยากกว่าเดิม ดูคลุ้มคลั่งและดุร้ายมากนัก
ในฐานะที่มันเป็นปี่เซียะภูเขาเลือดบริสุทธิ์ มีรากฐานดีถึงขีดสุด แต่จนปัญญาที่พลังฝึกปรือในตอนแรกของมันแตกต่างกับเทาเที่ยตัวนั้นมากเกินไป
ดังนั้นในตอนนี้จึงย่อยหัวใจปีศาจดวงนั้นไม่ได้
จะว่าไปแล้ว ปี่เซียะภูเขาก็มีความสามารถในการกลืนกินแข็งแกร่งมาแต่กำเนิดเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นชื่อเท่าเทาเที่ย แต่ก็อ้าปากกินทุกสิ่งในใต้หล้าได้เหมือนกัน
และโชคดีที่เป็นเช่นนั้น หากเปลี่ยนเป็นอสูรวิญญาณเผ่าอื่น ตอนนี้เกรงว่าร่างคงจะระเบิดตายไปแล้ว
“แต่ถ้าผ่านด่านนี้ไปได้ เจ้าเกรงว่าจะได้เปลี่ยนกระดูกผลัดเส้นเอ็นทันที”
เยี่ยนจ้าวเกอตบแขนของพ่านพ่าน จากนั้นก็วาดตราอาคมเจ็ดสายที่ใจกลางอุ้งเท้าสี่ข้าง ทรวงอก หลัง และศีรษะของมันติดต่อกัน
ตราอาคมเหล่านี้มีความน่าอัศจรรย์ของคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิตอยู่ด้วย
สำหรับคัมภีร์นภารังสรรค์ชีวิต เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ยังไม่ได้ฝึกฝนอย่างเป็นระบบ แต่ก็มีพื้นฐานอย่างคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตอยู่แล้ว เขาจึงนับว่าพอเข้าใจเปลือกนอกอยู่หลายส่วน
เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากตราอาคมเจ็ดสาย พ่านพ่านก็รู้สึกสบายตัวขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอตรวจสอบของที่ได้มาจากการผจญภัยในวังศิลาก้นทะเลในครั้งนี้ของตน “ข้าจะดูว่าสิ่งของมากมายด้านในถุงย่อส่วนของฉีเหว่ย จะมีอะไรที่ช่วยแก้ปัญหาให้เจ้าได้บ้าง”
ถึงแม้จะเป็นแค่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า แต่ในฐานะปรมาจารย์ด้านค่ายกล ของวิเศษวางค่ายกลที่ฉีเหว่ยพกติดตัวมีค่อนข้างเต็มเปี่ยมทีเดียว
“หือ?!” เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งดูอย่างเบิกบาน การเคลื่อนไหวก็หยุดลงทันที
ม่านตาของเขาหดตัวเล็กน้อย หยิบกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งออกมาจากด้านในถุง หลังจากเปิดออก ก็มองโอสถเม็ดหนึ่งด้านในเขม็ง
‘…โอสถทองโอบอุ้ม นี่คือโอสถวิญญาณที่มีแค่ในวังเทพก่อนมหาภัยพิบัติ ฉีเหว่ยผู้นี้กลับมีเม็ดหนึ่งหรือ?’
………………..