ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 828 ประโยชน์สองเท่า
เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับถูกเก็บอยู่ในวังฝูงมังกร เหมือนกับหลับลึกอยู่อย่างสงบ ไม่เผยกลิ่นอายแม้แต่น้อย
แสงเจ็ดสีประหลาดบนวังฝูงมังกรก็หายไปแล้วเช่นกัน เหลือแต่กลิ่นอายอันน่าเกรงขามของมังกรแท้เท่านั้น
นี่ทำให้คนอื่นๆ สัมผัสไม่ได้โดยสิ้นเชิงว่า เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับที่ทุกคนแย่งชิงกันมาโดยตลอด และเป็นของวิเศษระดับสำคัญสำหรับโลกซ้อนโลกและมรกตท่องฟ้า ได้ตกไปอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว
พวกเกาฉิงครั้นเห็นเยี่ยนจ้าวเกอก็ประหลาดใจเล็กน้อย “เมื่อครู่ท่านไม่ได้…”
เยี่ยนจ้าวเกอถึงแม้ว่าจะประหลาดใจที่ได้เจอพวกเกาฉิงเช่นกัน แต่ใบหน้าปรากฏอารมณ์ใดๆ “ทุกท่านเชิญ”
ในกลุ่มผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีคนคนหนึ่งที่สีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ส่งกระแสเสียงให้แก่สหาย
ทุกคนพลันมีสีหน้าเข้าใจขึ้นมา
เกาฉิงพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกออย่างสนใจ ถามตรงๆ ว่า “ท่านคือเยี่ยนจ้าวเกอ ผู้สืบทอดของราชันพระอาทิตย์หรือ”
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็ทราบว่า คนผู้นั้นน่าจะเคยเห็นภาพเหมือนเงาแสงของตัวเองมาเหมือนซุนจ้งต๋า
เขายิ้มเล็กน้อย “ข้าคือเยี่ยนจ้าวเกอจริงๆ แต่ไม่ใช่ผู้สืบทอดของราชันพระอาทิตย์”
พวกเกาฉิงที่อยู่อีกฝั่งพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนกับกำลังใคร่ครวญอยู่ว่าจะสนทนากับเขาด้วยจุดยืนใดดี
เยี่ยนจ้าวเกอมีชื่อเสียงโด่งดังในเขตตะวันอาคเนย์บนโลกซ้อนโลก แต่ทางสำนักมีคำเล่าลือเกี่ยวกับตัวเขามากมาย พวกเกาฉิงจากมรกตท่องฟ้าจึงไม่อาจแยกแยะจริงปลอม
พวกเขาแม้จะอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์และสายเอกพิสุทธิ์ในโลกซ้อนโลก แต่ก็ไม่ได้มองกันเป็นปรปักษ์โดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะคนหนุ่มผู้โด่งดัง มีพลังกล้าแข็ง แต่ความเป็นมากลับไม่ชัดเจนอย่างเยี่ยนจ้าวเกอ
เมื่อครู่ถึงแม้ว่าทุกคนจะยื้อแย่งเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับ แต่ว่าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน พวกเกาฉิงจึงไม่คิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะมีความสามารถชิงเตาวิเศษไปได้
ทั้งนี้พวกเขายังไม่เคยเกิดความขัดแย้งกันมาก่อนด้วย
ไม่เหมือนที่ฟู่ถิงเดาว่าเยี่ยนจ้าวเกอทำตัวเป็นนกขมิ้นรออยู่ด้านหลัง
พวกเกาฉิงเห็นการปรากฏตัวขึ้นอยางฉับพลันของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว พวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ที่นั่นอยู่แล้วหรือมาถึงทีหลัง
ทว่าเมื่อเห็นพวกนางไม่มีท่าทางประสงค์ร้าย เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ่งพบว่าราชันพระอาทิตย์อาจจะเคยไปยังมรกตท่องฟ้ามาก่อนจริงๆ
ในยุคสมัยที่เก้านพเคราะห์แห่งคุนหลุนปกครองโลก ส่องแสงไปทั่วใต้หล้า บางทีความสัมพันธ์ระหว่างโลกซ้อนโลกกับมรกตท่องฟ้าอาจจะไม่ได้ตึงเครียดเช่นนี้
ขณะที่คิดอยู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็เอ่ยว่า “ทางเชื่อมที่ตอนแรกประกอบกันเป็นทิศทางที่ชัดเจนในมิติเมื่อครู่ ได้ดูดพวกข้าไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง แต่จู่ๆ ก็ถูกตัดขาด พวกข้าจึงลอยอยู่ในกระแสปั่นป่วนของมิติเวลา”
“ต่อมาตอนที่ข้ากับสหายในสำนักลอยคออยู่ ก็พบโลกใบนี้เข้า จึงเข้ามาหาที่พักเท้า คิดหาแผนการ ไม่ทราบว่าทุกท่านเจอสถานการณ์แบบเดียวกันหรือไม่”
หลังจากผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ได้ยิน พวกเขาก็สบตากันเอง แล้วถึงพยักหน้าเล็กน้อย
เกาฉิงตอบ “พวกเราก็เจอสถานการณ์เดียวกับท่านเช่นกัน เดิมทีกำลังจะถูกดูดหายไปแล้ว ทว่าทางเชื่อมมิติเส้นนั้นจู่ๆ พังทลายลงเอง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร”
ครั้นพูดถึงตรงนี้ ใบหน้าขอนางก็ฉายแววเป็นกังวล “ไม่ทราบว่าพวกอาจารย์ปู่น้อยถังกับอาจารย์อาจารย์อาหลี่ว์จะเป็นอย่างไรบ้าง…”
ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ทุกคนสีหน้าหม่นมหมอง รู้สึกเศร้าโศก
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนที่จับเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับได้ก่อน ล้วนถูกเงาตำหนักโอสถดูดกลืนทันที จากนั้นก็โดนม้วนเข้าไปในหลุมดำ
ต่อจากนั้นพวกเยี่ยนจ้าวเกอกับพวกเกาฉิงต่างถูกดูดเข้าไป
ทางเชื่อมมิติถูกตัดขาด ทำให้พวกเขาโชคดีรอดมาได้ ทว่าคนที่ถูกม้วนเข้ามาก่อนก็ยากจะบอกสถานการณ์แล้ว
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายยังไม่อาจต้านทานหลุมพรางของอีกฝ่าย จิตใจของทุกคนก็เกิดความเย็นเยียบ
การติดต่อมรกตท่องฟ้าให้เร็วที่สุด เพื่อเชิญผู้อาวุโสที่มีพลังฝึกปรือสูงกว่ามาคิดหาวิธีจัดการ เป็นภารกิจเร่งด่วนของพวกเกาฉิง
น่าเสียดายที่อยู่ในสภาพที่มิติปั่นป่วน ไม่อาจทำเรื่องนี้ได้ง่ายๆ พวกเขาจึงหวั่นวิตกเป็นอย่างยิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวในใจว่า ‘เป็นอย่างที่คาดไว้ มิติแห่งนั้นปั่นป่วนสับสน แม้ทุกคนด้านในจะถูกดูดไปฝั่งตรงกันข้าม ทว่ากลับติดอยู่ในระดับชั้นที่แตกต่างกัน ไม่เกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน หลังจากหลุดออกมาจากที่นั่นได้ ก็ลอยมาถึงโลกตรงหน้านี้’
พวกเกาฉิงยามนี้มองเยี่ยนจ้าวเกอ รู้สึกกระอักกระอ่วน
เรื่องที่ซุนจ้งต๋าสวมรอยเป็นเยี่ยนจ้าวเกอ แอบเข้าสู่โลกซ้อนโลก พวกเขารับทราบมาคร่าวๆ แล้ว
แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าซุนจ้งต๋าเป็นอย่างไรบ้าง
ตอนนั้นซุนจ้งต๋าตั้งใจเสาะหาเบาะแสกับประตูด้านในเขตตะวันอาคเนย์บนโลกซ้อนโลก เพื่อเข้ามาในมิติต่างแดนที่เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับอยู่
สุดท้ายกลับไม่เห็นตัวซุนจ้งต๋า กลายเป็นเยี่ยนจ้าวเกอตัวจริงปรากฏตัวขึ้นที่นั่นแทน พวกเกาฉิงจึงโอดครวญในใจ
ซุนจ้งต๋าคงไม่ได้โชคร้ายขนาดที่เพิ่งเข้าไปในโลกซ้อนโลกไม่นาน ก็ไปเจอเยี่ยนจ้าวเกอตัวจริงเข้าหรอกกระมัง
เกาฉิงกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรสักอย่าง ทว่าสหายร่วมสำนักคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างนางชิงลอบส่งกระแสเสียงกับนางก่อน
สถานการณ์เช่นนี้อย่าเอ่ยปากถามตรงๆ จะดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะประดักประเดิดเกินไป
เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาในตอนนี้คือการหาวิธีติดต่อกับมรกตท่องฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องขึ้นอีก
ขอแค่ผู้อาวุโสของมรกตท่องฟ้ามาถึง เรื่องหลายเรื่องจะถูกแก้ไขทันที
เกาฉิงห่อปาก ท้ายสุดก็เห็นด้วย
เยี่ยนจ้าวเกอแม้จะไม่ทราบถึงเนื้อหาในการสนทนาของพวกเขา แต่เห็นดรุณีที่ตรงไปตรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอย่างเกาฉิงอดทนไม่เอ่ยปากถามเรื่องซุนจ้งต๋าได้ ชายหนุ่มก็ทราบแล้วว่าอีกฝ่ายคิดทำอะไรอยู่
พวกเกาฉิงไม่ถาม เยี่ยนจ้าวเกอก็ยินดีแสร้งทำเป็นเลอะเลือนชั่วขณะ
“ดูจากการเคลื่อนที่ของปราณวิญาณของโลกใบนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยมาที่นี่ ไม่ทราบว่าทุกท่านรู้จักที่นี่หรือไม่”
ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์สบตากัน พากันส่ายหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราลองค้นหาในโลกใบนี้ดู หากไม่มีเรื่องอื่น ข้ากับสหายในสำนักขอล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง ทุกท่านตามสบาย”
ครั้นพูดจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็หันกายผละไป
เกาฉิงคิดพูดอะไรอีกแต่ก็หยุดไว้ สบตากับสหายในสำนัก จากนั้นก็ถอนใจออกมาคำหนึ่ง ก่อนจะเดินไปทางอื่น
พวกนางเองก็จำเป็นต้องทำความเข้าใจกับการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณที่อยู่ที่นี่ หาวิธียืนยันตำแหน่งในมิติของโลกใบนี้ เพื่อติดต่อกับมรกตท่องฟ้า หรือหาทางกลับมรกตท่องฟ้าเช่นกัน
ร่างของพ่านพ่านขยายใหญ่ขึ้น แบกวังฝูงมังกรพุ่งทะยานอยู่กลางอากาศ
เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้นั่งอยู่ในวังฝูงมังกร ทางหนึ่งสัมผัสกับการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณที่อยู่ในโลกใบนี้ ทางหนึ่งศึกษาเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับต่อ
การพังทลายอย่างพร้อมเพรียงของมิติต่างแดนเจ็ดชั้นก่อนหน้านี้ แม้ว่าฟ้าดินจะพินาศไปแล้ว ทว่าโอสถที่อยู่ด้านในก็พากันถูกเก็บเข้ามาอยู่ในเตาโอสถตามกระแสควัน
ทีแรกพวกเยี่ยนจ้าวเกอรีบเดินทาง จึงไม่ได้มีเวลามาค้นหา ทิ้งโอสถเซียนและยาวิเศษไว้ที่นั่นมากมาย ไม่ได้เก็บมาด้วย
ตอนนี้นับว่าประหยัดเวลาไปได้มากโข เพราะส่วนที่เหลืออยู่ และส่วนที่ไม่มีคนเก็บ ต่างถูกทอดแหนำกลับมาได้ทั้งหมด
สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกประหลาดใจเป็นพิเศษก็คือ ที่ก้นเตาโอสถยังมีโอสถวิญญาณมากมายเหลืออยู่ ไม่ใช่แค่โอสถเพียงชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่มีหลากหลายประเภท ทั้งยังมีจำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งเม็ด
โอสถเหล่านี้ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่หลงเหลือจากการหลอมโอสถ แต่ถูกวางไว้ด้านในเท่านั้น
ปริมาณของพวกมันมีมากกว่าโอสถที่เหลืออยู่ในมิติต่างแดนเจ็ดชั้นรวมกันเสียอีก
เยี่ยนจ้าวเกอค่อนข้างสนใจ ‘เป็นใครที่ใช้เตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับมาก่อนกันแน่ เป็นคนเดียวกับที่สร้างพิธีกรรมหรือไม่”
ขณะที่คิดอยู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็หยิบโอสถสีดำขลับเม็ดหนึ่งออกมา
เขางอนิ้วดีดใส่ครั้งหนึ่ง โอสถพลันวาดเป็นเส้นโค้ง พุ่งเข้าหาร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่กำลังนั่งสมาธิอยู่