ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 838 ท่านตายไปก็เป็นความตายที่เสียเปล่า
ความหวังในใจขาดสะบั้น การลงมือที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้กับบรรพชิตหนุ่มรู้นั้น ทำให้อีกฝ่ายมีความสามารถในการรับรู้รุนแรงเป็นพิเศษ
การกระทำของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้ความรู้สึกของอีกฝ่ายยังคงแจ่มแจ้ง สมองรักษาความใจเย็น จะได้สะดวกต่อการสอบถามของเขา
แน่นอนว่าความเจ็บปวดที่ทัณฑ์ทรมานนำมาก็ชัดเจนกว่าเดิมด้วยเช่นกัน
บรรพชิตหนุ่มรูปนั้นกัดฟัน ทางหนึ่งอดทน ทางหนึ่งใช้สติปัญญากับความเยือกเย็นที่เหลืออยู่คิดคำนวณอย่างรวดเร็ว
‘กระบี่ลงทัฑณ์เซียนของผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์…ไม่เหมือน’
‘วรยุทธ์ของศาสนาพุทธ…ก็ไม่ใช่’
‘เป็นคนที่นับถือผีสางเทพชั่วร้าย…ก็ไม่ใช่อีก’
‘วิชาสายหยกพิสุทธิ์ อันดับหนึ่งของคัมภีร์นภาต้นกำเนิดสิบม้วน คัมภีร์นภาไร้ขอบเขต…ขาดการสืบทอดนานเกินไป ไม่อาจยืนยันได้’
‘การทำนายก่อนกำเนิดที่สืบทอดจากแผนภูมิเหอถูลั่วซือ? หมัดแปลงกำเนิด อันดับหนึ่งของวิชาห้ากำเนิดแรกเริ่มสายเอกพิสุทธิ์? คัมภีร์มารไร้รูปจากนพยมโลก?’
พริบตาเดียว ในห้วงสมองของพระบรรพชิตหนุ่มรูปนี้ปรากฏความเป็นไปได้ที่ตนทราบหลายอย่าง ‘การสืบทอดของวรยุทธ์สามชนิดนี้ไม่เคยได้ยินข่าวมานานแล้ว มีวรยุทธ์ใดวรยุทธ์หนึ่งปรากฏขึ้นมาแล้วหรือ’
แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นวรยุทธ์ชนิดใด ก็เปลี่ยนแปลงความจริงข้อหนึ่งไม่ได้
ถ้าหากไม่ใช่พวกคนระดับสุดยอดในศาสนาพุทธมีการพิจารณาเป็นพิเศษ จงใจไม่ลงมือ เช่นนั้นก็เป็นเพราะเยี่ยนจ้าวเกอมีความสามารถขัดขวางการส่งข่าวของรัศมีแสง!
เมื่อพวกตนถูกฆ่าทิ้งที่นี่ ผู้สูงส่งในศาสนาพุทธที่มีพลังฝึกปรือสูงกว่าจึงไม่มีทางทราบได้
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าในขณะที่ไม่ทราบถึงตำแหน่ง ก็ไม่รู้ด้วยว่าเป็นฝีมือของเยี่ยนจ้าวเกอ
พวกตนตายไปอย่างสูญเปล่า คนหนุ่มตรงหน้ากลับลอยนวลไปได้!
ครั้นคิดถึงตรงนี้ ต่อให้เป็นบรรพชิตหนุ่มที่มีจิตใจแน่วแน่ มีความตั้งมั่นแข็งแกร่ง ก็อดเกิดความรู้สึกสิ้นหวังไม่ได้ ‘ก่อนหน้านี้เห็นเขาลงมือ กลับมองไม่เห็นถึงร่องรอยของวรยุทธ์ที่สาปสูญไปแม้แต่น้อย!’
เยี่ยนจ้าวเกอมองเขาอย่างสงบนิ่ง “ไต้ซือ ดูเหมือนข้าผู้แซ่เยี่ยนจะไม่ได้ทำบาป จึงไม่ถูกกรรมตามสนอง”
“อย่างน้อย กรรมน่าจะยังไม่ตามสนองเร็วๆ นี้”
“สิ่งที่ข้ามีคือเวลาที่เอาไว้เสวนากับท่าน กับอยากดูว่าท่านมีปัญญาอดทนถึงขนาดไหน”
บรรพชิตหนุ่มครางหนักๆ คำหนึ่ง ความสิ้นหวังเติมเต็มสองดวงตา
เขาเอ่ยประท้วง “ประสกอย่าคิดเลยว่าจะได้อะไรจากอาตมา!”
ขณะที่พูดอยู่ ในร่างก็มีรัศมีแสงกระจกสีฟ้าเขียวสว่างขึ้น
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกคิดจะควบคุม กลับพบว่ารัศมีแสงนี้ไม่ได้ต้านทานความสามารถของตน แต่ส่งผลต่อในร่างของตัวบรรพชิตหนุ่มรูปนั้นเอง
เยี่ยนจ้าวเกอตาเป็นประกาย ยื่นมือออกไปทาบกับทรวงอกของบรรพชิตรูปนี้ ฝ่ามือแฝงความโกลาหล โคจรเคล็ดวิชาในคัมภีร์นภาไร้ขอบเขต คิดสลายรัศมีแสงนี้
ทว่ารัศมีแสงกลับไม่สว่างออกมาด้านนอก เปลี่ยนเป็นริบหรี่ลงในร่างของบรรพชิตหนุ่ม
จิตที่สงบนิ่งสายหนึ่งปรากฏ วังเวงไร้เสียง
บรรพชิตหนุ่มรูปนั้นเปล่งคำสรรเสริญพระคุณ “องค์ตถาคตมีเมตตา”
จากนั้นเสียงก็ขาดหาย สองตาปิดลงเล็กน้อย ประกายแสงดับลง ดวงตาแข็งทื่อเหมือนตุ๊กตาปั้นรูปสลักไม้
ผิวของเขาปรากฏแสงสีทองจางๆ ลอยขึ้นมาชั้นหนึ่ง ทำให้คนมองดูเหมือนกับพระพุทธรูปฉาบทอง
บนร่างไร้กลิ่นอายแม้แต่นิดเดียว มรณะภาพไปเช่นนี้อย่างคาดไม่ถึง
เยี่ยนจ้าวเกอมองบรรพชิตหนุ่มตรงหน้าด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง ร่างของอีกฝ่ายค่อยๆ แหลกสลาย กลายเป็นพระสารีริกธาตุสีทองจางๆ เม็ดหนึ่ง วางอยู่กลางฝ่ามือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
‘อืม เป็นการทำลายตนเองที่สมบูรณ์แบบนัก หรือว่าจะไม่มีทางได้คำให้การจากบรรพชิตเหล่านี้’
ชายหนุ่มลูบคางของตัวเอง ‘ไม่รู้ว่าต้องเป็นจอมยุทธ์ในศาสนาพุทธที่ฝึกถึงระดับหนึ่งถึงจะทำได้ หรือว่าขอแค่เป็นจอมยุทธ์ในศาสนาพุทธคล้ายๆ กันก็จะทำได้เอง’
‘เมื่อครู่ประมาทไป หากรูเช่นนี้ตั้งแต่แรกย่อมต้องจับเชลยไว้เยอะๆ จะได้ทดสอบทีละคนได้’
เยี่ยนจ้าวเกอมองพระสารีริกธาตุเม็ดนั้น ‘รัศมีแสงถูกทำลายหมดแล้ว กลับไม่อาจนำทางยอดฝีมือในศาสนาพุทธคนอื่นได้อีก ดูท่าจะเป็นความสามารถสุดท้าย เพราะก่อนจะสูญเสียความหวังไปโดยสมบูรณ์ เขาไม่มีทางทำเช่นนี้แน่’
‘ความกล้าหาญและความเฉียบขาดในการสังหารตัวเอง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมี แต่สำหรับสาวกที่งมงายก็ยากจะบอกแล้ว’
เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจคำหนึ่ง ก่อนจะเก็บพระสารีริกธาตุ
สุดท้ายเขาก็หันไปมองยอดเขาพุทธะเทวะ ‘ได้แต่จำตำแหน่งของที่นี่ไว้ก่อน วันหน้าในตอนที่เวลาสุกงอมค่อยกลับมาดู’
สถานที่แห่งนี้จะมากจะน้อยก็ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอสนใจอยู่บ้าง
ช้างเผือกขนาดยักษ์ตัวนั้น ถูกพ่านพ่านฆ่าทิ้งแล้ว
ร่างกายพ่านพ่านในตอนนี้กลับคืนสู่ขนาดปกติ มันติดตามเยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกลับเข้าไปในวังฝูงมังกรอีกครั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอศึกษาพระสารีริกธาตุในมือ ‘ถืงจะดับสลาย แต่รัศมีแสงที่แฝงอยู่ด้านในนี้ ยังคงเหมือนกับจอมยุทธ์ในศาสนาพุทธที่ก่อนหน้านี้ถูกเราฆ่าทิ้งเหล่านั้น’
รัศมีแสงเข้าสู่ความโกลาหล ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง ไม่อาจคงสภาพต่อได้อีก
ด้านในวังฝูงมังกร เฟิงอวิ๋นเซิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ “อีกฝ่ายจะส่งคนมาหรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “จอมยุทธ์ศาสนาพุทธเหล่านี้น่าจะเป็นกลุ่มที่อยู่ใกล้แดนขวางกั้นที่สุด ส่วนบรรพชิตที่ฆ่าตัวตายรูปนั้น ก็น่าจะเป็นจอมยุทธ์ในศาสนาพุทธที่มีพลังฝึกปรือสูงที่สุดที่อยู่ในละแวกนี้”
“ถ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งศาสนาพุทธที่มีพลังฝึกปรือแข็งแกร่งกว่าคนอื่นไม่รู้ถึงสานการณ์ของที่นี่ทันเวลา ก็น่าจะต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อยถึงจะออกตามหา”
เฟิงอวิ๋นเซิงผ่อนลมหายใจ จากนั้นก็ถามด้วยความสงสัย “จากคำพูดของจอมยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์เหล่านั้น ยอดฝีมือระดับสุดยอดของศาสนาพุทธน่าจะรู้ว่าท่านสังหารคนทิ้งที่นี่ถึงจะถูก ทว่าตอนนี้ยังไม่เห็นมีใครมา หรือมีความเข้าใจผิดอะไร”
“ไม่ใช่เช่นนั้น สถานการณ์ที่พวกเขาพูดเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงๆ ต่อจากนี้หากพวกเจ้าเจอคู่ต่อสู้จากศาสนาพุทธ ก็ต้องระมัดระวังข้อนี้เป็นพิเศษด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ
“ที่ข้าสังหารอีกฝ่ายแต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใด เป็นเพราะว่าในตอนที่ข้าลงมือได้ผสมเคล็ดวิเศษจากคัมภีร์มารไร้รูปเข้าไปหลายส่วนเพื่ออำพราง ขัดขวางการส่งข่าวของอีกฝ่าย”
“นี่เป็นวิชามารที่มีระดับสูงมาก ปั่นป่วนจิตใจของคนได้ ให้ดีอย่าฝึกจะดีกว่า แต่ตอนนี้ในเมื่อรู้แล้วว่าอีกฝ่ายมีความสามารถพิเศษ พวกเราก็ต้องเตรียมตัวไว้เหมือนกัน”
เยี่ยนจ้าวเกออธิบาย “อีกเดี๋ยวข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาสักสองสามอย่างให้แก่พวกเจ้า พวกเจ้าห้ามเอาไปปนกับรากฐาน แค่ใช้มันเป็นความสามารถอย่างหนึ่งก็พอ”
คัมภีร์มารไร้รูปมาจากมารฟ้าไร้รูป เป็นหนึ่งในจอมมารระดับสุดยอดที่อยู่ในนพยมโลก เป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ในเทวตำนานที่เล่าขานกัน
วิชามารนี้เป็นส่วนที่สุดยอดที่สุดในวรยุทธ์วิถีมาร ซึ่งมีเก็บไว้ในหอหนังสือวังเทพ
เพียงแต่ความแข็งแกร่งของจิตมารที่อยู่ในนั้นเหนือกว่าจินตนาการ ส่งผลกระทบต่อจิตใจของคน
พวกเฟิงอวิ๋นเซิงพากันพยักหน้า
อาหู่ใช้นิ้วแตะริมฝีปาก “แม่นางเกาจากมรกตท่องฟ้าผู้นั้นกล่าวว่า จักรพรรดิน้ำพุหลงมีแซ่หลง…”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ซุนจ้งต๋าเคยพูดถึงว่า ผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์มีวิชาที่มีความพิเศษ มาจากอาจารย์อารุ่นปู่ซึ่งมีแซ่หลงของพวกเขา คาดว่าน่าจะเป็นทางสายของอารุ่นปู่ของแม่นางเกา”
ที่จู่ๆ เมื่อครู่เขาถามไป ก็เป็นเพราะคิดถึงเรื่องนี้
จักรพรรดิน้ำพุหลงผละจากโลกซ้อนโลก อาศัยอยู่ในมรกตท่องฟ้า เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นความปรารถนาส่วนตัว
ตามการบรรยายของเกาฉิง ระหว่างจักรพรรดิน้ำพุหลงกับกษัตริย์ลี้ลับ แม้ว่าจะเป็นการรวมกันของสตรีแข็งแกร่งกับบุรุษอ่อนแอ แต่ทั้งสองสามีภรรยาก็รักใคร่กันยิ่ง
ยอดฝีมือระดับนี้มีพื้นฐานความรู้สึกเช่นนี้ มิพักเอ่ยว่าว่าจักรพรรดิน้ำพุหลงเป็นอย่างไร กษัตริย์ลี้ลับจะทำเรื่องอัปยศอย่างการบังคับให้เขาแต่งเข้ามาได้อย่างไร
แน่นอนว่าหากมองจากด้านของโลกซ้อนโลกกับมรกตท่องฟ้า การบอกว่าจักรพรรดิน้ำพุหลงแต่งเข้ากลับไม่นับว่าผิด แต่ว่าการแต่งเข้านี้เป็นคนละความหมายกับการแต่งเข้าทั่วไป
จักรพรรดิผู้นี้เป็นผู้สืบทอดสายหยกพิสุทธิ์จากโลกซ้อนโลก การที่ลูกหลานของเขาจะได้รับอนุญาตให้กลับไปอาศัยอยู่ในโลกซ้อนโลก ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลที่ยิ่งใหญ่ของโลกซ้อนโลกมองคนเหล่านี้เป็นคนทรยศหรือไม่