ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 906 โลกซ้อนโลกแสดงเป็นตัวละครแบบใด
เยี่ยนจ้าวเกอจ้องมองหยางชงพลางถามว่า “ฟังจากคำพูดเมื่อครู่ของท่าน ข้าไม่รู้สึกว่าท่านเข้าใจมหามรรคาแห่งฟ้าดิน จึงเกิดความกังขาต่อแนวคิดของโถงเซียนในตอนนี้”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไฉนท่านจึงแตกต่างจากพวกเขา”
ชายหนุ่มชี้พวกเฉวียนฮ่าวหลง “ข้าเดาว่า สมควรมีใครสักคนหรือเรื่องบางเรื่องภายนอก กระตุ้นท่าน ทำให้ท่าน…”
มุมปากของเยี่ยนจ้าวเกอยกโค้งเป็นรอยยิ้มจางๆ “…ทำให้ท่านได้กระจ่าง”
หยางชงเงียบงัน ไม่ได้กล่าววาจา
กลับเป็นคนที่ไล่ล่าเขาอีกคนหนึ่งแค่นเสียงอย่างเย็นชา “ไม่ใช่เพราะโบราณสถานแห่งนั้น”
เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงสบตากัน ต่างเลิกคิ้วเล็กน้อย “โบราณสถานอะไร”
คนผู้นั้นกลับไม่ปิดบัง กล่าวอย่างเขื่องโขว่า “ย่อมเป็นโบราณสถานที่คนนอกรีตเช่นพวกเจ้าทิ้งเอาไว้หลังจากตายไปแล้ว”
“ในแดนเซียนปลดปลงแห่งนี้ ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดบนเส้นทางสายหลักของพวกเราเคยรุมสังหารคนนอกรีตอย่างพวกเจ้าไปมากมาย ในบรรดาคนเหล่านั้นยังมีจักรพรรดิคนหนึ่งด้วย!”
“แดนเซียนปลดปลงกับอาณาเขตที่อยู่รอบๆ ได้ทิ้งร่อยรอยของสนามรบไว้หลายแห่ง หลายปีมานี้ถูกเก็บกวาดไปจำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังมีอีกบางส่วนที่ไม่ถูกกลบฝัง”
“ไม่กี่ปีมานี้ โลกสูงเลิศของพวกเราได้พบที่หนึ่งโดยบังเอิญ”
คนผู้นี้ขณะที่พูดก็จ้องมองหยางชง รู้สึกปวดใจเหลือแสน “ในตอนที่เขาจัดการโบราณสถาน ได้รับการล่อลวงจากคนนอกรีตเช่นพวกเจ้า จึงตกมาอยู่ในสภาพนี้!”
เฉวียนฮ่าวหลงได้ยินก็ถอนใจคำหนึ่ง ก่อนจะมองหยางชงด้วยความกังวล
ในความทรงจำของเขา อาจารย์อาหยางผู้นี้เป็นหนึ่งในยอดฝีมือด้านวรยุทธ์ที่โดดเด่นที่สุดของสำนักฟ้าโกลาหลของตน
อาจารย์ลุงเผิงผู้นั้นเป็นคนรุ่นเดียวกับหยางชง แต่ว่าเข้าสำนักเร็วกว่า กระนั้นระดับพลังฝึกปรือกลับอ่อนด้อยกว่ามาก
หยางชงเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงที่อายุน้อยที่สุดในเวลาพันปีที่ผ่านมาของสำนักฟ้าโกลาหล และเป็นยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายที่อ่อนเยาว์ที่สุด
สองสามปีมานี้ หยางชงได้เข้าร่วมสงครามในดินแดนของศาสนาพุทธอันโสมม เข่นฆ่ายอดฝีมือฝ่ายมารพุทธไปมากมาย
ไม่ใช่แค่โลกสูงเลิศเท่านั้น แม้แต่ในแดนเซียนปลดปลง เขาก็มีชื่อเสียงขจรขจาย ยอดฝีมือระดับสุดยอดบางส่วนต่างชื่นชม
ระบบโถงเซียนอันเป็นรากสายตรง
ทุกคนต่างเอาใจช่วยให้เขาเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนที่อายุน้อยที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งสำนักมา และรับหน้าที่ต่อจากเจ้าสำนักคนเก่า กลายเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ นำพาสำนักฟ้าโกลาหลไปสู่ความสูงระดับใหม่ และยึดครองพื้นที่แห่งหนึ่งในแดนเซียนปลดปลง
แต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่นาน หลังจากเขาได้นำกลุ่มไปจัดการโบราณสถานแห่งหนึ่ง กลับมาได้ไม่นานก็เกิดปัญหาขึ้น
เฉวียนฮ่าวหลงที่ได้รับการดูแลจากหยางชงมาโดยตลอดเกิดความรู้สึกเหลือเชื่อ แต่ในตอนที่เขาเห็นแสงในร่างของหยางชงอ่อนแอลงด้วยตาตัวเอง เขาก็เหลือแค่ความหวาดกลัว
เขายากจะจินตนาการว่า อาจารย์อาหยางซึ่งที่แล้วมาน่านับถือเลื่อมใส ไฉนจึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย กลับขมวดคิ้วขึ้นมา
ในใจของคนทั้งสองเกิดความคิดหนึ่ง
“หยุดโอ้อวดได้แล้ว ท่านทราบหรือไม่ว่าจักรพรรดิคนหนึ่งหมายถึงอะไร” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างไม่สนใจ
อีกฝ่ายหัวเราะฮ่าๆ “เจ้าไม่จำเป็นต้องจงใจกระตุ้นข้า บอกเจ้าไปก็ไม่เป็นไร จะได้ทำให้ศิษย์นอกรีตอย่างพวกเจ้ารู้ว่า พวกเจ้าจะพบจุดจบอย่างเดียวกัน!”
“คนผู้นั้นมีฉายาว่าจักรพรรดิประกายกาฬ นามอิ่นเทียนเซี่ย สำนักประกายกาฬที่เขาบัญชา เป็นมรรคาเต๋าที่มีการสืบทอดอยู่ทั่วไป ก่อนที่องค์เทวกษัตริย์ไร้ประมาณจะชำระล้างโลก”
“เทวกษัตริย์ไร้ประมาณชำระล้างโลก เกิดจิตเมตตา จึงปล่อยคนนอกรีตอย่างพวกเจ้าและมารพุทธให้มีชีวิตรอด แต่พวกเจ้ากลับไม่สำนึกคุณ ยังคงกระทำผิด สุดท้ายจึงต้องรับโทษทัณฑ์!”
จอมยุทธ์สำนักฟ้าโกลาหลผู้นี้กระชากเสียง “ไม่สำนึกคุณ ไม่เคารพไร้ประมาณ มารพุทธและอิ่นเทียนเซี่ยนั่นที่ถูกยอดฝีมือโถงเซียนสังหาร วันนี้ของพวกเขาจะกลายเป็นวันพรุ่งนี้ของพวกเจ้า!”
เขากล่าวด้วยสีหน้าวาจาดุดัน เยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่ถิงไม่คิดจะฟังวาจาข้างหลังต่อ
เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองโลกสูงเลิศตรงหน้า
เขาจงใจกระตุ้นให้อีกฝ่ายพูดจริงๆ
เพราะเมื่อครู่ เขาเกิดความสงสัยบางอย่างแล้ว
จักรพรรดิประกายกาฬอิ่นเทียนเซี่ย ไม่ได้ตกตายเพราะนพยมโลกหรือศาสนาพุทธตามการคาดเดาก่อนหน้าของเขา
แต่เป็นเพราะโลกของโถงเซียนแห่งนี้!
นอกจากอิ่นเทียนเซี่ยแล้ว ยังมียอดฝีมือระดับสุดยอดที่เขาบัญชาการมากมายฝักกระดูกลงที่นี่
เป็นเหตุให้สำนักประกายกาฬที่เคยยิ่งใหญ่ในโลกซ้อนโลกเมื่อกาลก่อนต้องล่มสลาย
ทว่าความสงสัยใหม่ก็เกิดขึ้นมาอีก
เหตุใดอิ่นเทียนเซี่ยนจึงบัญชายอดฝีมือยาตราทัพมายังที่นี่
เป็นเพราะเกลียดชังเทวกษัตริย์ไร้ประมาณและโถงเซียนหรือ
ตามคำพูดของฟู่ถิง ในสายตาของผู้สืบทอดเต๋าหลักสายสามพิสุทธิ์ การกระทำของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณและโถงเซียนไม่ใช่เส้นทางหลัก
แต่ว่าเทวกษัตริย์กลับสามารถต่อสู้กับพระศรีอาริย์ โถงเซียนสามารถต่อกรกับศาสนาพุทธ พลังของพวกเขาแข็งแกร่งแทบไร้ขอบเขตแล้ว
จักรพรรดิประกายกาฬคล้ายไม่ใช่คนมุทะลุ ไฉนจึงมายั่วยุด้วยตัวเอง
เป็นเพราะในตอนนั้นไม่ทราบถึงพลังและเบื้องลึกของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณและโถงเซียน หรือว่าสำนักประกายกาฬคิดทำตัวเป็นชาวประมงได้ประโยชน์จากการต่อสู้ของแดนสุขาวดีของศาสนาพุทธและโถงเซียน น่าเสียดายที่สุดท้ายล้มเหลว
เยี่ยนจ้าวเกอมองฟู่ถิงที่อยู่ด้านข้างโดยสัญชาตญาณ
จักรพรรดิแพรงามรวมถึงยอดฝีมือระดับสุดยอดคนอื่นบนโลกซ้อนโลก เล่นเป็นตัวละครแบบไหนในเรื่องนี้
ฟู่ถิงสัมผัสได้ถึงสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็เข้าใจความคิดของเขาทันที
เพียงแต่ในใจของนางตอนนี้ก็มีความสงสัยคล้ายกัน
เยี่ยนจ้าวเกอเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่สนใจจอมยุทธ์สำนักโกลาหลที่กำลังคุยโวผู้นั้น แต่เลื่อนสายตาไปมองหยางชง “เป็นอย่างที่เขาพูดหรือไม่”
หยางชงถอนใจ “มิผิด”
“โบราณสถานที่พวกเราเก็บกวาดก่อนหน้านี้ ไม่ใช่สถานที่ที่จอมยุทธ์นอกรีตเสียชีวิต แต่เป็นโบราณสถานที่เป็นสนามรบแห่งหนึ่ง ซึ่งหลงเหลือมาหลังจากการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายในตอนนั้น”
หยางชงพูดอย่างแช่มช้า “เป็นที่ที่จักรพรรดิประกายกาฬผู้นั้น ต่อสู้กับยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่แห่งโถงเซียน”
ฟู่ถิงเอ่ย “การต่อสู้ของยอดฝีมือระดับจักรพรรดิ หรือระดับที่สูงกว่า เกรงว่าจะทำให้โลกใบนี้ถูกทำลายโดยสิ้นเชิง”
“เพียงแต่ขณะสองฝ่ายสู้กัน ได้มุ่งหน้ามายังโลกสูงเลิศชั่วคราว” หยางชงอธิบาย
แม้จะเป็นเช่นนั้น ก็นำภัยพิบัติมาสู่โลกสูงเลิศเช่นกัน
ในประวัติศาสตร์ของโลกสูงเลิศ นั่นเป็นเรื่องราวที่มีสีสันเรื่องหนึ่ง
หยางชงสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย “แม้ว่าจะบรรลุเต๋าจากเต๋านอกรีต แต่ก็จำเป็นต้องยอมรับว่า จักรพรรดิถึงอย่างไรก็เป็นจักรพรรดิ คนที่ถูกเรียกเป็นจักรพรรดิได้ ต่างแข้งแกร่งอย่างแท้จริง”
“แต่ว่าขณะต่อสู้กันแม้ไม่ได้มีเจตนาจะหลงเหลือ ถึงกับผนึกรวมกันเป็นจิตสายหนึ่ง ตกค้างผ่านกาลเวลามา”
เขากระแอมคำหนึ่ง เพราะบาดเจ็บสาหัสจึงไม่อาจแสดงภาพในความทรงจำได้
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “ล่วงเกินแล้ว”
เขาทิ่มนิ้วใส่หน้าผากของอีกฝ่าย ปราณสีดำเป็นริ้วๆ มุดเข้าไปด้านใน ดวงตาของหยางชงพลันเหม่อลอยไปชั่วขณะ
ฟู่ถิงตกใจเล็กน้อย “…คัมภีร์มารไร้รูป?”
พวกเฉวียนฮ่าวหลงหน้าเปลี่ยนสีในทันที เห็นแสงสีดำลอยออกมาจากในดวงตาข้างหนึ่งของหยางชง
เงาแสงสีดำผนึกรวมกันกลางอากาศ สะท้อนเป็นภาพ
ด้านในหุบเขาเวิ้งว้าง เต็มไปด้วยหมอกควัน ไม่สว่างไม่มืด
ด้านในฝุ่นควันปรากฏภาพสงคราม เหมือนกับดาวตกวาดผ่านท้องฟ้า คลื่นคลั่งหลายสายม้วนพัด กวาดล้างฟ้าดิน
ถ้าหากเป็นตอนที่ต่อสู้กัน หยางชมย่อมมองไม่เข้าใจว่าสองฝ่ายสู้กันอย่างไร
แต่ว่าด้านในหุบเขาเวิ้งว้าง เหลือแต่เพียงกลิ่นอาย เขากลับสามารถเห็นได้ชัด
พวกเยี่ยนจ้าวเกอก็เห็นชัดเช่นกัน
ผู้ที่เขาเห็นเป็นอันดับแรก เป็นเงาร่างที่คุ้ยเคยอยู่หลายส่วนสายหนึ่ง
สวมอาภรณ์สีดำ เสื้อคลุมสีขาว ผมยาวสีดำขลับคลุมด้านหลัง คิ้วสองข้างกลับเป็นสีขาวโพลน
ดวงตาสองข้างแยกเป็นสีดำสีขาว บริสุทธิ์ถึงขีดสุด ตาสีขาวเหมือนกับสาดแสงสว่างไร้ประมาณออกมา ม่านตาดำกลับเหมือนหุบเหวลึก
จักรพรรดิประกายกาฬ อิ่นเทียนเซี่ย!
………………..