ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 917 จุดจบของประมุขอาทิตย์ไร้ประมาณ
อาการบาดเจ็บที่กระบี่สังหารเซียนของหลงเสวี่ยจี้สร้างขึ้นเป็นสิ่งที่ยากจะสะกด เป็นผลให้พลังชีวิตและปราณกำเนิดของเผยหัวเสียหายอย่างต่อเนื่อง
ในการต่อสู้กับหลงเสวี่ยจี้เมื่อครู่ เผยหัวไม่เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ต้องชดเชยด้วยของวิเศษมากมายที่เขาพกติดตัวด้วย
เพื่อป้องกันคมกระบี่ของหลงเสวี่ยจี้ ของล้ำค่ามากมายของเผยหัวต่างสูญสิ้นไปเพราะกระบี่สังหารเซียนเช่นกัน
เผยหัวเดิมคิดว่าต่อให้ตนบาดเจ็บ ก็สามารถจัดการเยี่ยนจ้าวเกอและฟู่ถิงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เยี่ยนจ้าวเกอยังมีของวิเศษอย่างตราประทับตะวันอยู่ด้วย
กลับคาดคิดไม่ถึงว่าเยี่ยนจ้าวเกอถึงกับครองครองกงจักรมหาประกายกาฬ
กงจักรมหาประกายกาฬยังคงไม่สำเร็จเป็นอาวุธเซียน แต่ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอยังยากจะกระตุ้น
ทว่าตนทำไม่ได้ อีกฝ่ายกลับทำได้
ในวินาทีนี้ กงจักรมหาประกายกาฬเหมือนกับมีความรู้สึกและความตั้งใจ มันทำงานขึ้นมาเอง ต่อสู้กับเผยหัว ประมุขอาทิตย์ไร้ประมาณในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิอาทิตย์ไร้ประมาณในอดีต
ขณะเดียวกัน เยี่ยนจ้าวเกอก็ใช้ตราประทับตะวันโจมตีเสริม
เผยหัวที่ยากจะแบ่งความสนใจ ถูกกดดันจนต้องโคจรญาณจริงแท้ทั่วร่าง ปล่อยออกมาคุ้มครองกาย ต้านทานเยี่ยนจ้าวเกอและตราประทับตะวัน
ถ้าหากเป็นยามปกติ เผยหัวมีความมั่นใจว่าแม้ต้องป้องกันจนฟ้ารกร้างผืนดินแห้งแล้ง เยี่ยนจ้าวเกอก็อย่าหมายจะทำลายการป้องกันของเขาได้
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขที่มาจากโถงเซียน ก็เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุข เป็นตัวตนที่ก้มมองมวลมนุษย์เช่นกัน คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้อย่างไร
แต่ว่าเผยหัวในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เมื่อครู่ยังพอฝืนต้านได้ ทว่าตอนนี้ความตั้งใจทั้งหมดล้วนเอามารับมือเยี่ยนจ้าวเกอ ตราประทับตะวันและกงจักรมหาประกายกาฬ อาการบาดเจ็บของเขาพลันเลวร้ายลงอีกขั้นหนึ่ง!
อาการบาดเจ็บอื่นๆ ยังพอว่า แต่อาการบาดเจ็บที่กระบี่สังหารเซียนซึ่งส่งทุกสิ่งสู่จุดจบสร้างขึ้น หากประมาทไปเพียงนิดเดียว ย่อมเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตทันที!
ตอนนี้ก็เป็นเช่นที่ว่า เผยหัวพอต้องต้านทานการโจมตีของเยี่ยนจ้าวเกอ เพราะต้องแบ่งความสนใจ อาการบาดเจ็บบนร่างที่เดิมทีสาหัสฉกรรจ์ก็เลวร้ายลงกว่าเดิม
ปราณกระบี่สีขาวเชือดเฉือนร่างกายของเขา กลายเป็นรอยกระบี่ที่น่าพรั่นพรึงหลายสาย!
เพราะบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังมีแรงสนับสนุนไม่พอ ตำหนักสีทองที่เกิดจากญาณจริงแท้คอยคุ้มกันกาย สุดท้ายก็พังทลายลง
เผยหัวคำรามด้วยความสิ้นหวัง เยี่ยนจ้าวเกอสนใจยังไม่สนใจ ใช้วิชารอยตราพลิกนภาไปบนตราประทับตะวัน จากนั้นตราประทับสีทองก็ร่วงหล่น
แต่ไหนแต่ไรท้องนภาไม่เคยมีดวงอาทิตย์สองดวง
ดวงอาทิตย์ลอยคว้างกลางหาว อาทิตย์ไร้ประมาณลาลับขอบฟ้า
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขที่มาจากการสืบทอดของโถงเซียนผู้นี้ ถูกตราประทับตะวันกระแทกใส่จนขม่อมแหลกเหลว!
เมื่อเผยหัวสิ้นชีวิต อาการบาดเจ็บในตอนแรกของเขาก็ไม่อาจควบคุมได้โดยสิ้นเชิง ปราณกระบี่สีขาวที่น่ากลัวกระจายไปรอบๆ ทำให้ร่างของเขาแตกเป็นเสี่ยง ตายโดยไร้ศพ
เยี่ยนจ้าวเกอมองภาพตรงหน้าพร้อมกับส่ายศีรษะเล็กน้อย “ไม่ทราบควรบอกว่าข้าโชคดี หรือควรบอกว่าท่านโชคร้ายกันแน่”
มิติรอบๆ เปลี่ยนแปลงไม่หยุด เกิดความสับสนอลหม่าน
ชายหนุ่มไม่มีเวลามาทอดถอนใจ จึงรีบร้อนหนีเข้าไปในมิติพร้อมกับฟู่ถิง
การสังหารเผยหัวก่อให้เกิดความรุนแรงกว่าการสังหารซ่างจวินมาก ก่อนหน้านี้หลงเสวี่ยจี้ยังสังหารจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับประมุขจากโถงเซียนอีกคนที่นี่อีกต่างหาก
แดนเซียนปลดปลงเป็นแนวหน้าในการต่อสู้ระหว่างโถงเซียนกับแดนสุขาวดีของศาสนาพุทธ มียอดฝีมือมากมาย ต่อจากนี้อาจจะมียอดฝีมือจากโถงเซียนคนอื่นรุดมาถึงอีก
ขณะเคลื่อนที่ เยี่ยนจ้าวเกอยามนี้ค่อยมีเวลาถามฟู่ถิงว่า “ยอดฝีมือสายเหนือพิสุทธิ์คนเมื่อครู่เป็นใครกันแน่”
ฟู่ถิงเอ่ยด้วยสีหน้าซับซ้อนอยู่บ้าง “สองร้อยปีก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็มียอดฝีมืออายุเยาว์ที่น่าทึ่งผู้หนึ่งปรากฏขึ้นบนโลกซ้อนโลก มีความเป็นมาเป็นปริศนา ทั้งกระบี่ยังสั่นไหวใต้หล้า”
“เขามีชื่อว่าเฉียนเสวี่ยจี้ หนึ่งคนหนึ่งกระบี่เดินทางไปทั่วโลกซ้อนโลก ไม่มีศัตรูในระดับเดียวกัน ถูกยกย่องว่าเป็น ‘เทพกระบี่น้อย’ ทั้งยังมีคนขนานนามเขาว่า ‘เฉียนสามกระบี่’ หมายถึงจอมยุทธ์ในระดับเดียวกันไม่มีใครที่ต้านทานเขาได้สามกระบี่”
เยี่ยนจ้าวเกอเกิดความสนใจ “อ้อ? เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ฟู่ถิงพยักหน้า “ตามที่ข้าทราบ มีข้อยกเว้นครั้งเดียว”
“ประมุขอุดรในตอนนั้น กดอัดพลังฝึกปรือให้อยู่ในระดับเท่าเฉียนเสวี่ยจี้ สองฝ่ายสู้กันเกินสามกระบวนท่า”
นางถอนใจชมเชยพลางกล่าว “แต่ว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้ในครั้งนั้น ว่ากันว่าประมุขอุดรเกือบตกตายด้วยกระบี่ของเฉียนเสวี่ยจี้ เขาต้องทำลายสะกดพลังฝึกปรือในห้วงเป็นตาย จึงค่อยรอดอย่างหวุดหวิด”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง “ตอนนั้นเฉียนเสวี่ยจี้อยู่ในระดับใด”
“จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ ขั้นเทวะสำแดงระยะต้น” ฟู่ถิงตอบ
ชายหนุ่มคล้ายนึกออกอันใด “เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมจริงๆ”
สองฝ่ายมีความแตกต่างมากเกินไป แม้ประมุขอุดรผู้นั้นจะกดอัดระดับพลังฝึกปรือของตัวเอง แต่ว่าประสบการณ์และทักษะที่มีเยอะกว่า ก็มากพอจะบดขยี้จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงส่วนใหญ่
มาตรแม้จะเป็นเช่นนั้น ผู้ชนะก็ยังคงเป็นผู้ใช้กระบี่อายุน้อย
ฟู่ถิงถอนใจเอ่ยว่า “แต่หลังจากต่อสู้กับประมุขอุดรแล้ว ก็ไม่มีใครเห็นเขาอีก อัจฉริยะที่สะกดคนทั้งยุคสมัยผู้นี้ กลับปรากฏตัวบนโลกซ้อนโลกอย่างฉับพลัน จากนั้นก็หายไปอย่างฉับพลัน ราวกับดาวตก”
ในตอนนั้นทุกคนนึกว่าคนผู้นี้ตายก่อนวัยอันควรเพราะแข็งแกร่งมากเกินไป จึงรู้สึกเสียดายยิ่ง
แต่ในวันนี้กลับทราบแล้ว ว่าแท้จริงแล้วเขามาจากสายเหนือพิสุทธิ์
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “เกรงว่าจะเป็นเพราะการต่อสู้กับประมุขอุดรในครั้งนั้น เขาจำเป็นต้องใช้พลังทั้งหมด ดังนั้นจึงเผยเบื้องลึกของการเป็นผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ของตนเอง หลังจากสู้เสร็จก็ออกโลกซ้อนโลก กลับมรกตท่องฟ้า”
ฟู่ถิงใคร่ครวญพร้อมกับเอ่ยว่า “ดูจากตอนนี้ เฉียนเสวี่ยจี้น่าจะเป็นชื่อปลอม บางทีหลงเสวี่ยจี้อาจจะเป็นชื่อจริงของเขา ถ้าเขาแซ่หลง…”
“ข้าเคยได้ยินว่าจักรพรรดิน้ำพุหลงก็แซ่หลงกระมัง” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ
นางพยักหน้าอย่างแช่มช้า “บางที ศิษย์พี่หลินกับเขา…”
เยี่ยนจ้าวเกอว่า “ตามผลการต่อสู้ในอดีตของผู้อาวุโสหลงท่านนี้ ยังมีพลังที่เขาแสงออกมาเมื่อครู่ ถ้าหากมีแค่ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิจากเต๋านอกรีตเพียงคนเดียว ก็น่าจะสังหารเขาไม่ได้ พวกเราไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเขา”
ฟู่ถิงถอนใจอีกครั้ง “ถึงแม้จะเป็นจอมยุทธ์จากมรกตท่องฟ้า แต่ว่าถึงอย่างไรก็เป็นผู้สืบทอดเต๋าหลักสายสามพิสุทธิ์เหมือนกัน หวังว่าเขาจะหนีรอดปลอดภัย เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเซียนจริงแท้”
การขวางกั้นระหว่างมนุษย์และเซียน ห่างไกลเหมือนฟ้าและดิน
ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง สามารถสังหารมหาปรมาจารย์ได้
มหาปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง ก็อาจจะสังหารจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ได้
แม้ว่าจะมีความหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าไร้ความเป็นไปได้
ทว่าตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ยังไม่เคยมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คนใดอาศัยพลังฝึกปรือของตัวเอง ไม่ใช้พลังจากภายนอก สังหารเซียนจริงแท้ในการสู้หนึ่งต่อหนึ่งได้!
เพราะหากคิดผลักเปิดประตูเซียน ก็จำเป็นต้องก้าวข้ามภัยพิบัติเซียน
เมื่อข้ามได้ ก็จะกลายเป็นเซียน แต่ถ้าข้ามไม่ได้ก็จะตาย มรรคาสูญสิ้น
และเมื่อข้ามผ่านภัยพิบัติเซียนจนกลายเป็นเซียนได้ นับตั้งแต่นั้นจะไม่ใช่คนธรรมดาอีก ชะตาและความทุกข์ยากในโลกธรรมดาจะไม่อาจส่งผลกระทบได้อีกต่อไป
พูดอีกอย่างก็คือ คนต่อให้แข็งแกร่งกว่านี้ อาศัยแค่ตัวเองย่อมยากจะสังหารเซียนแท้จริง
ความสามารและการโจมตีทั้งหมดของท่าน สำหรับเซียนจริงแท้แล้ว ล้วนไม่เกิดผล
นี่เป็นร่องน้ำตามธรรมชาติที่แท้จริง ผู้คนต่างได้แต่มองฟ้าและทอดถอนใจ ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันล้วนไม่มีข้อยกเว้น
“ไม่เป็นไร” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยขึ้น “ความสามารถของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์แม้จะไร้ผลต่อจักรพรรดิเซียนแท้จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนธรรมดาจะไม่อาจรับมือกับความสามารถของจักรพรรดิเซียนแท้จริง ด้วยฝีมือของหลงเสวี่ยจี้ ผู้อาวุโสหลงผู้นั้น จักรรพรรดิที่มาจากโถงเซียนน่าจะทำอะไรเขาไม่ได้”
เซียนจริงแท้อยู่ในสถานะที่ไม่มีทางแพ้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องชนะ
แน่นอนว่าในเวลาส่วนใหญ่ก็หมายถึงต้องชนะนั่นแหละ
เพียงแต่มีข้อยกเว้นอยู่น้อยนิดยิ่ง
กระนั้นหลงเสวี่ยจี้ที่เยี่ยนจ้าวเกอได้เจอในวันนี้ คือประมุขในหมู่คนที่สามารถสร้างข้อยกเว้นนี้ได้
ฟู่ถิงพยักหน้าอย่างเงียบงัน “บางที…”
…
ณ ฟ้าท้องมรกต โลกที่แตกต่างกับโลกซ้อนโลก แต่ก็กว้างใหญ่ไพศาลเหมือนกัน
ปราณวิญญาณเปี่ยมล้น เต็มไปด้วยปรากฏการณ์มากมาย
เขาแหนเขียว ที่อยู่ของผู้สืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ในมรกตท่องฟ้าหลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ซึ่งใช้ชื่อกระบี่ของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษบรมครูสายเหนือพิสุทธิ์มาตั้งเป็นนาม
ตอนนี้ด้านหน้าถ้ำแห่งหนึ่งในภูเขา ยืนไว้ด้วยบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งที่คมกล้าดุจกระบี่ เป็นหลินฮั่นหัว ราชากระบี่ภูผาเงาที่ออกจากเขาโถงทองในโลกซ้อนโลกนั่นเอง
ยามนี้เงาร่างที่สวมอาภรณ์สีขาว บนศีรษะประดับด้วยมงกุฎหยก มีลักษณะเป็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างไร้สัญญาณ
หลงเสวี่ยจี้ เทพกระบี่น้อย
หลินฮั่นหัวเมื่อพบเขาแล้ว ก็คำนับอย่างเคารพ
“ท่านพ่อ”
………………..