ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 988 ต้องกลายเป็นตำนานแห่งยุค
ในฐานะผู้มีอำนาจในสายสืบทอดเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ จนไปถึงเขตเพลิงทักษิณ และถูกจัดอยู่เคียงคู่จางซู่เหริน ตอนนี้ราชันอัคคีเผิงเฮ่อจึงรู้สึกคับข้องเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากไล่ติดตามขึ้นเหนือไปถึงบึงพันทะเลสาบจึงค่อยทราบว่า เยี่ยนจ้าวเกอถึงกับไม่คิดจะใช้เส้นทางของเขตมหานภากลาง แต่มุ่งหน้าไปทางตะวันออกเป็นเส้นตรง
เผิงเฮ่อที่คล้ายต่อยหมัดใส่ความว่างเปล่า จะมากจะน้อยก็มีความรู้สึกเหมือนถูกหลอกลวงอยู่บ้าง
แต่ว่ารอจนเขาบรรลุถึงตะวันออกโดยไม่หยุดพัก สิ่งที่ได้เห็นตลอดรายทาง ก็ช่างสะท้านสะเทือนใจนัก
นับตั้งแต่ออกจากเทือกเขายาวเหยียด สถานที่แต่ละที่ข้างทางล้วนมีขุมกำลังยึดครองอยู่ไม่น้อย ในจำนวนนี้ย่อมไม่ขาดแคลนยอดฝีมือที่มีชื่อเสียงของเขตเพลิงทักษิณ
ทว่าไม่มีใครสามมารถขัดขวางฝีเท้าของเยี่ยนจ้าวเกอได้ ไม่มีข้อยกเว้น
คนหนุ่มที่มาจากฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ผู้นั้นเหมือนกับสัตว์ยักษ์ก่อนประวัติศาสตร์ เขาเดินทางไปทั่ว กระทำการตามใจ บดขยี้ตั้งแต่อาณาเขตของเขตเพลิงทักษิณ
ในตอนที่เผิงเฮ่อไล่ตามถึงบริเวณใกล้ๆ จุดตัดระหว่างที่ราบกว่างเย่ว์และเทือกเขาสันติภาพ ข่าวที่ถูกส่งมาจากเทือกเขาสันติภาพก็ยิ่งทำให้เขาปากอ้าตาค้าง
ผู้คนชุมนุมกันบนเทือกเขาสันติภาพ นอกจากคนจำนวนน้อยนิดแล้ว ยอดฝีมือระดับสุดยอดที่อยู่ในเทือกเขาสันติภาพล้วนเข้าร่วมทั้งสิ้น
แม้แต่ยอดฝีมือในพื้นที่อื่นๆ ที่อยู่รอบเทือกเขาสันติภาพก็รุดมาด้วยเช่นกัน
ตอนแรกทุกคนต่างชุมนุมกันเพื่อล้อมปราบเยี่ยนจ้าวเกอ
ผู้ใดหาทราบไม่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับบุกขึ้นเขามหาวิญญาณด้วยตัวเอง
สุดท้ายงานชุมนุมกลายเป็นเรื่องน่าหัวร่อโดยสิ้นเชิง เขามหาวิญญาณที่เป็นผู้ปกครองในท้องถิ่นแทบถูกล้างสำนัก
เนตรหงส์หยวนเสี่ยนเฉิง ลูกศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในสายสืบทอดของเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ถูกเล่นงานจนดับสิ้นไปสองครั้งติดต่อกัน
ถึงขั้นที่แม้แต่จางซู่เหรินผู้อาวุโสที่เฝ้าระวังอยู่ทางตะวันออกของเขตเพลิงทักษิณก็ยังพ่ายแพ้ ได้แต่หนีกลับทางตะวันออกอย่างทุลักทุเล
พอได้รับข่าวนี้ จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิทั้งหมดตั้งแต่เผิงเฮ่อลงไปล้วนตะลึงลานกับที่
จางซู่เหรินเป็นใคร…ยอดฝีมือที่เป็นผู้อาวุโสของเนินต้นจักรพรรดิ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยท้าย
พลังฝึกปรือส่วนตัวของเผิงเฮ่อเทียบเท่ากับจางซู่เหริน
ทว่าจางซู่เหรินถึงกับพ่ายแพ้ให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอจนต้องหนี และถูกไล่เข่นฆ่าตลอดทาง
รวมถึงยังมีพวกหยวนเสี่ยนเฉิง จ้าวเจิน และนักพรตตงเฉวียนอยู่กับจางซู่เหรินด้วย
‘อาวุธเซียนหรือ?’ ปฏิกิริยาแรกในห้วงสมองของเผิงเฮ่อในตอนนี้ก็คือความคิดนี้
แต่ว่ารอพวกเขาเดินทางผ่านเทือกเขาสันติภาพ เจอผู้รอดชีวิตที่ได้เข้าร่วมงานชุมนุมในตอนนั้นด้วยตัวเอง หลังจากถามสถานการณ์คร่าวๆ ทุกคนก็เงียบงันพร้อมกัน
จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิทุกคนรวมถึงเผิงเฮ่อต่างก็รู้สึกซับซ้อน
เพราะว่าเรื่องของพวกจวงเจาฮุยที่เป็นจอมยุทธ์ซึ่งเดินทางไปยังอารามเอกนิกาย พวกเผิงเฮ่อความจริงไม่กล้าดูแคลนเยี่ยนจ้าวเกออีกแล้ว
แต่ตอนนี้กลับพบว่า ข้อเท็จจริงของเรื่องราวเหมือนจะแตกต่างจากการคาดการณ์ของพวกเขา
ชิงซู่จื่อและนักพรตเชียนหลาน ศิษพี่ศิษย์น้องที่มาจากสำนักเดียวกันต่างสบตากัน ต่างก็มองเห็นความประหลาดใจในดวงตาของอีกฝ่าย
พวกเขาแม้จะไม่ได้ชื่นชมเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ก็คาดคำนวนพลังของคนผู้นี้ไว้คร่าวๆ
ถึงอย่างไรในตอนนั้นผู้วิเศษเซิง เสวียนเฉิงอ๋อง หรือแม้แต่นักพรตสือล้วนถูกสังหารทิ้งในการต่อสู้ที่เขากว่างเฉิงบนทะเลหวงเจีย
นอกจากนี้ยังมีฆราวาสเด็ดดาวกวนลี่เต๋ออีกคน
ทว่าความเหี้ยมหาญของเยี่ยนจ้าวเกอยังคงอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา
โดนเฉพาะยังไร้วี่แววของอาวุธเซียนตั้งแต่ต้นจนจบ!
“ต่อให้ไม่นับปัจจัยอย่างตราประทับตะวันที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง การที่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายมีพลังฝึกปรือเช่นนี้ได้…” ชิงซู่จื่อที่สวมเสื้อคลุมสีเขียว มีสีหน้าเคร่งขรึมซึ่งมีให้เห็นน้อยครั้ง
เขาในฐานะศิษย์เอกของจักรพรรดิเอกภพกำเนิด เป็นอัจฉริยะบุรุษ มีวาสนาเปี่ยมล้น พลังอยู่เหนือเผิงเฮ่อกับจางซู่เหริน
แต่ถึงอย่างไรเขากับจางซู่เหรินก็อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ขั้นสะพานเซียนระยะท้ายเหมือนกัน
หากให้เขาใช้พลังฝึกปรือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกสู้กับจางซู่เหริน ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง
ถึงอย่างไรเมื่อพูดถึงที่สุดแล้ว สามารถมาอยู่ในระดับจอมยุทธ์สักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนที่ต่ำกว่าขั้นประมุขได้ จางซู่เหรินก็เป็นอัจฉริยะในอัจฉริยะท่ามกลางจอมยุทธ์ในยุคเดียวกัน ตอนยังอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นรวมรูป หรือแม้กระทั่งระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดง เมื่อต่อสู้กับคู่ต่อสู้ในระดับ แม้จะใช้หนึ่งสู้มากก็ไม่เพลี่ยงพล้ำ
ชิงซู่จื่ออายุน้อยกว่าจางซู่เหริน แข็งแกร่งกว่าจางซู่เหริน แต่เขารู้ตัวว่าต่อให้มอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงให้เขาหลายชิ้น ก็ยังคงไม่อาจเล่นงานจางซู่เหรินที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าให้พ่ายแพ้ ด้วยระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหกได้
สิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากกว่ายังเป็นพลังแฝงที่เยี่ยนจ้าวเกอได้แสดงออกมา กลับไม่กลัวการต่อสู้กับเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้
สีหน้าของนักพรตเชียนหลานเคร่งขรึมยิ่งกว่า ทั้งยังไม่กล่าววาจา
ทุกคนไม่กล้าเสียเวลา เร่งเดินทางอย่างรวดเร็ว มุ่งทางตะวันออกไปยังเขารอบวงต่อ
แม้ว่าทางเขารอบวงจางซู่เหรินจะมีความได้เปรียบด้านชัยภูมิ ทว่าพวกเผิงเฮ่อจะมากจะน้อยก็ไม่ค่อยมีความมั่นใจนัก
จุดตัดระหว่างทั้งสองเขตบริเวณเขารอบวง นอกจากปัญหาของเยี่ยนจ้าวเกอ ยังมีการคุกคามจากยอดฝีมือฝั่งตะวันออกเฉียงใต้
ตอนที่พวกเขาไล่ตามถึงพรมแดน แล้วเห็นป่าต้นจักรพรรดิที่บดบังท้องฟ้า ทุกคนค่อยถอนใจโล่งอก
พอพบจางซู่เหรินกับหยวนเสี่ยนเฉิง ทุกคนจึงค่อยนับว่าทำความเข้าใจกับรายละเอียดก่อนหลังทั้งหมดของการต่อสู้บนเขามหาวิญญาณได้
และพอพวกเขามาถึง ความกังวลในใจจางซู่เหรินกับหยวนเสี่ยนเฉิงในที่สุดก็ได้คลายลง
ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอก็ก่อให้เกิดมรสุมใหญ่
“ทำตัวน่าขายหน้าให้สหายร่วมเส้นทางทั้งสองจากยอดเขาอนัตตาเห็นเสียแล้ว” จางซู่เหรินถอนใจ “ไม่ใช่ว่าข้าคิดปิดบังความผิดพลาและการไร้ซึ่งความสามารถ แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอนั่นไม่ธรรมดาจริงๆ”
ยอดเขาอนัตตาแห่งเขาคุนหลุนเป็นที่อยู่ของจักรพรรดิเอกภพกำเนิด
ชิงซู่จื่อกับนักพรตเชียนหลานได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “ท่านจางอย่าได้กล่าวเช่นนี้ พวกเราทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอนั่นไม่ธรรมดา”
จางซู่เหรินว่า “แม้ว่าข้าเองก็อยากจะบดขยี้เขาเป็นผุยผง แต่ว่าเด็กน้อยที่มาจากโลกเบื้องล่างใบหนึ่งผู้นี้ แม้จะอยู่ในโลกซ้อนโลก ก็นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะบุรุษอายุน้อย มีความสามารถล้ำเลิศ”
“ถ้าหากเขาไม่ตาย วันหน้าจะต้องกลายเป็นตำนานแห่งยุคแน่!”
หลังจากเว้นอยู่ครู่หนึ่ง จางซู่เหรินถึงค่อยกล่าวต่อ “ความจริงตอนนี้เขาก็เรียกเป็นตำนานได้แล้ว”
“เช่นนั้นครั้งนี้ก็ให้พวกเราฝังตำนานกับมือเถอะ” เผิงเฮ่อเอ่ยอย่างเย็นชา “เปลี่ยนเป็นคนอื่น ข้ายังต้องชมเชยว่าเป็นคนรุ่นหลังที่น่าคาดหวัง แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้ยิ่งโดดเด่นเท่าไร ยิ่งสมควรตายเท่านั้น จะให้เขารอดจากเขตเพลิงทักษิณไปไม่ได้เด็ด!”
ต่อหน้าชิงซู่จื่อกับนักพรตเชียนหลาน จางซู่เหรินไม่ได้กล่าวตรงๆ แต่ใช้วิธีการส่งกระแสเสียงบอก
ตอนนี้เผิงเฮ่อรู้แล้วว่า การคาดคะเนที่ก่อนหน้านี้ตนเป็นห่วงที่สุดกลายเป็นจริงแล้ว
พวกจวงเจาฮุยตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอ
เนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์และเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่มีทางประนีประนอมกันได้อีก
ยังไม่เอ่ยถึงว่าประมุขทักษิณจวงเซินจะคิดอย่างไร ในฐานะพ่อเขตของจวงเจาฮุย เผิงเฮ่อที่บุตรีของตัวเองต้องกลายเป็นหม้ายย่อมไม่มีทางยอมเลิกราเด็ดขาด
“พวกเราในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ย่อมไม่แค่ชมดูอยู่ด้านข้าง” ชิงซู่จื่อกล่าวอย่างราบเรียบ “ถ้าหากว่าทุกท่านในเนินต้นจักรพรรดิไม่คิดว่าพวกเราสองศิษย์พี่ศิษย์น้องรบกวน”
เผิงเฮ่อกับจางซู่เหรินสบตากัน ส่ายหน้าพร้อมกัน “ย่อมได้แน่นอน สหายร่วมเส้นทางทั้งสองยอมลงมือ พวกเราซาบซึ้งยิ่ง”
แม้นว่าจะเคียดแค้นเยี่ยนจ้าวเกอขนาดไหน เผิงเฮ่อกับจางซู่เหรินต่างก็ยอมรับความไม่ธรรมดาของชายหนุ่ม
เพียงอาศัยพวกเขาทั้งสองคน อย่างมากที่สุดก็แค่รักษาเขารอบวง ขัดขวางเส้นทางกลับตะวันออกเฉียงใต้ของเยี่ยนจ้าวเกอได้
คิดจะจับกุมเข่นฆ่าเยี่ยนจ้าวเกอ ยัดนี้ยังมีกำลังยังไม่พอ นอกเสียจากว่าเยี่ยนจ้าวเกอคิดจะบุกเข้าใส่ค่ายกลหงส์เพลิงต้นจักรพรรดิ สู้ตายไม่ยอมถอยหนี
แต่มาตรแม้นจะเป็นเช่นนั้น คิดจะสังหารเยียนจ้าวเกอ ก็เกรงว่าต้องมีคนไม่น้อยที่อาจจะตายไปด้วย
ชิงซู่จื่อยอมลงมือ สถานการณ์ก็แตกต่างไปจากเดิมโดยสมบูรณ์
ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าสามคน คนหนึ่งในนี้เป็นตัวตนที่ถูกจัดอยู่ในชั้นแถวหน้าของทั่วทั้งโลกซ้อนโลกรองจากเหล่าประมุข
“ตอนนี้ต้องขบคิดกันว่าเยี่ยนจ้าวเกอนั่นไปที่ไหนกันแน่ ข้าเห็นด้วยกับความคิดของศิษย์พี่จาง เด็กน้อยผู้นี้หยิ่งผยอง ไม่มีทางถอยหนีเพราะเจออุปสรรคง่ายๆ” เผิงเฮ่อว่า
จางซู่เหรินขมวดคิ้วขึ้น “มีสถานการณ์หนึ่ง เกี่ยวกับแม่น้ำเฉาเหอที่ไหลผ่านที่นี่…”
เพิ่งพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของจางซู่เหรินก็พลันเปลี่ยนแปลง หันไปมองที่ไกลออกไป
ณ ที่แห่งนั้นพลันมีประกายอุทกสีเหลืองเข้มแผ่พุ่งทั่วท้องฟ้า!