ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 32 ความโกลาหลใกล้อุบัติ (1)
รัชศกเสี่ยนเต๋อ ปีที่ยี่สิบสอง กุ่ยโหย่ว[1] เดือนสอง ยงอ๋องหลี่จื้อชนะเป่ยฮั่นอีกครา จักรพรรดิเป่ยฮั่นออกราชโองการ รับสั่งให้แม่ทัยเวยหย่วน หลงถิงเฟย ละทิ้งความกตัญญูส่วนตนเพื่อแว่นแคว้น หลงถิงเฟยเป็นยอดคนมีฝีมือสูงล้ำ สามารถพลิกกระแสสงคราม สกัดหลี่จื้อไว้ที่ด่านเยี่ยนเหมินได้สำเร็จ หลี่จื้อถอยร่น ทว่ากองทัพมิได้สูญเสียหนัก ต่อมาเดือนสามปีเดียวกัน ต้ายงและเป่ยฮั่นเจรจาสงบศึก
ต้นเดือนสี่ ฉีอ๋องหลี่เสี่ยนเดินทางลงใต้ เคลื่อนทัพสู่เซียงหยาง ทว่ายามนั้นเต๋อชินอ๋องจ้าวเจวี๋ยรักษาการอยู่ที่เซียงหยางจึงพ่ายแพ้หนัก ต่อมาคนในราชสำนักกล่าวว่าเต๋อชินอ๋องกุมอำนาจทหารอยู่ในมือ ฝึกทหารอย่างหนักหวังพิชิตทางเหนือ ทำให้ต้ายงส่งทัพโจมตีหนานฉู่ เจ้าแคว้นเชื่อข่าวจึงรับสั่งเรียกเต๋อชินอ๋องกลับราชสำนัก ต้นเดือนห้า ฉีอ๋องส่งทหารโจมตีเซียงหยางอีกครั้ง เจ้าแคว้นเสียใจยิ่ง รับสั่งให้เต๋อชินอ๋องเร่งออกเดินทางยามราตรี มุ่งหน้าสู่เซียงหยาง
…พงศาวดารฉู่ราชวงศ์หนาน บันทึกหยกคุณธรรม[2]
ข้ายืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงหน้าต่าง พิศมองจันทราอันชืดชา เสี่ยวซุ่นจื่อยืนอยู่หลังข้า ส่วนเฉินเจิ่นยืนอยู่ตรงประตู
เสี่ยวซุ่นจื่อพูดว่า “ใต้เท้า ท่านจะตอบสารของยงอ๋องเช่นไร ผู้ส่งสารยังรออยู่ขอรับ”
ข้าเอ่ยอย่างเฉยเมย “เจ้าเขียนจดหมายตอบกลับให้ข้าที บอกไปว่าฉีอ๋องมิอาจชนะได้แน่ ที่จิงเซียงมีเต๋อชินอ๋องรักษาการณ์อยู่ ต่อให้ยงอ๋องมาด้วยพระองค์เองก็มิอาจโจมตีได้ง่ายๆ ข้าเป็นขุนนางของหนานฉู่ จะไปหลบภัยที่ต้ายงได้อย่างไร อีกอย่าง ในเมื่อต้ายงส่งทหารมาแล้ว เช่นนั้นเฉินเจิ่น เจ้าก็ส่งคนไปจับตาดูเหลียงหวั่นให้ดี ข้าคิดว่าพวกเขาต้องเคลื่อนไหวเป็นแน่”
ตอนนี้เองมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ข้าพยักหน้าเป็นสัญญาณ เฉินเจิ่นจึงเดินไปเปิดประตู เด็กหนุ่มอายุราวสิบสี่สิบห้าปีคนหนึ่งเดินเข้ามา คุกเข่าลงข้างหนึ่ง กล่าวว่า “คุณชาย มีข่าวด่วนขอรับ ฉีอ๋องหลี่เสี่ยนแห่งต้ายงเข้าโจมตีเซียงหยางแล้วขอรับ”
ข้าหัวเราะเบาๆ หลี่เสี่ยนผู้นี้รู้จักยุทธวิธีจริงๆ หากจิงเซียงตกอยู่ในมือต้ายง เช่นนั้นการติดต่อระหว่างสู่จงและเจียงหนานก็จะขาดสะบั้น ต้ายงย่อมกลืนกินหนานฉู่ได้โดยง่าย ทว่าข้าเชื่อในความสามารถของเต๋อชินอ๋อง และการป้องกันของจิงเซียงก็แข็งแกร่งมาก
หลายวันต่อมาก็เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในราชสำนัก ต้ายงโจมตีหนานฉู่ ทำให้ขุนนางเหล่านั้นทั้งหวาดหวั่นและโกรธเกรี้ยว บางคนขุ่นเคืองถึงขั้นบอกให้ขออภัยต้ายง หลายคนกลับถกเถียงกันว่าหนานฉู่ไปล่วงเกินต้ายงที่ใด กระทั่งมีคนบอกว่าควรรีบส่งบรรณาการให้ต้ายงเพื่อแสดงการขออภัยและขอให้ต้ายงเรียกทหารกลับ
อัครมหาเสนาบดีซั่งเหวยจวินมีจุดยืนอันแน่วแน่ เขาเสนอให้ส่งทูตไปสอบถามต้ายงว่าเหตุใดจึงรุกรานโดยไร้เหตุ แม้ข้อเสนอนี้จะได้รับความเห็นชอบเป็นส่วนใหญ่ แต่ในใจขุนนางทั้งหลายกลับมิอาจสงบ ดังนั้นจึงมีคนลอบไปหอหมิงเยว่หลายครั้งหลายคราคิดหาหลักประกันให้ตนเอง เรื่องเหล่านี้ข้ามิได้ขัดขวาง หากแม้แต่ขุนนางในราชสำนักยังไม่เชื่อมั่นในหนานฉู่แล้วข้าจะทำสิ่งใดได้อีกเล่า
ข้าบอกให้เสี่ยวซุ่นจื่อนำแผนการวางกำลังป้องกันเซียงหยางออกมาศึกษาอย่างละเอียด ความจริงเซียงหยางเป็นพื้นที่ที่รวมเอาเมืองเซียงและเมืองฝานเข้าไว้ด้วยกัน เมืองทั้งสองหันหน้าเข้าหากันโดยมีแม่น้ำฮั่นกั้นกลาง กลางแม่น้ำมีสะพานเชื่อมสองเมืองเอาไว้ ทั้งสองต่างเป็นเมืองใหญ่ที่มีคูน้ำลึกและป้อมปราการสูง หากศัตรูแบ่งทัพโจมตีจะทำให้กำลังอ่อนด้อยเกินไปจนมิอาจตีแตก หากโจมตีเมืองเดียว ทหารของสองเมืองจะสนับสนุนกันโดยใช้สะพานเป็นตัวเชื่อม กอปรกับการคุ้มกันของทัพเรือ เซียงหยางจึงป้องกันง่ายโจมตียาก
ตอนที่เต๋อชินอ๋องไปถึงเซียงหยางแรกๆ เขาส่งแผนผังการจัดวางกำลังป้องกันมาให้ข้าแล้ว ให้ข้าออกความเห็นเสียหน่อย ข้าไม่ได้ให้คำตอบชัดเจน เพียงมอบแบบร่างสะพานให้เต๋อชินอ๋องฉบับหนึ่ง เดิมทีเป็นสะพานเชื่อมเป็นไม้ หากเสียหายย่อมยากจะซ่อมแซม ข้าจึงเสนอให้ตั้งเสาไม้ไว้กลางแม่น้ำสองแถว แต่ละเสาต้องใช้ค้อนไม้ขนาดใหญ่ตอกลงไปจนถึงก้นแม่น้ำ ด้านบนสวมห่วงเหล็กและปูด้วยไม้กระดาน เช่นนี้จะกลายเป็นสะพานที่ซ่อมแซมได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ข้ายังส่งอวนดักปลาติดกระดิ่งให้เต๋อชินอ๋องด้วย ให้เขาใช้อวนดักปลาทอดลงแม่น้ำยามเกิดศึกเพื่อมิให้พวกทหารพรายน้ำฝั่งศัตรูลอบโจมตีจนสะพานเสียหาย
ข้าทำเพียงมอบแบบร่างหนึ่งแผ่นและอวนดักปลาหนึ่งอันให้เต๋อชินอ๋องเท่านั้น ส่วนจะป้องกันเช่นไรย่อมเป็นความคิดของเต๋อชินอ๋องเองไม่เกี่ยวอันใดกับข้า ดูไปดูมาข้ายังคิดว่าหากเต๋อชินอ๋องเฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่เซียงหยางคงไม่เสียเมืองง่ายๆ แต่ฉีอ๋องจะไม่รู้เชียวหรือว่าเซียงหยางป้องกันง่ายโจมตียาก
วันที่สิบสี่ เดือนสี่ ฉีอ๋องหลี่เสี่ยนออกคำสั่งโจมตีเมือง โจมตีดุดันราวเพลิงโหมกระหน่ำ กองทัพต้ายงโจมตีเมืองอย่างสุดชีวิตโดยไม่หวาดกลัวความตาย เต๋อชินอ๋องออกคำสั่งให้ทัพเรืออาศัยความได้เปรียบจากแม่น้ำฮั่น ใช้เกาทัณฑ์โจมตีกองทหารของฉีอ๋อง บีบบังคับให้พวกเขาถอยทัพ
ต่อมาฉีอ๋องรวบรวมทหารอีกครั้ง สั่งให้ใช้เครื่องยิงหินโจมตีบีบบังคับให้กองเรือถอยทัพ ส่วนทัพใหญ่ถือโอกาสนี้โจมตีเมือง บุกตีประตูเหนือของเซียงหยางทั้งวันคืน เต๋อชินอ๋องเห็นสถานการณ์อันตรายจึงออกนำทัพม้าสามพันนาย ทะยานออกจากประตูใต้เข้าโจมตีขนาบข้างทัพต้ายง ทัพต้ายงคิดไม่ถึงว่ากองทัพหนานฉู่จะกล้าออกจากเมืองจึงสับสนอลหม่าน ฉีอ๋องหลี่เสี่ยนรีบออกคำสั่ง ส่งทหารม้าชั้นยอดจำนวนห้าพันไปรับมือ ทว่ากลับถูกจ้าวเจวี๋ยล่อไปทางประตูตะวันออกและโจมตีด้วยการกลิ้งท่อนไม้และก้อนหินลงมา
หลี่เสี่ยนโกรธจัด ส่งกองทัพสองหมื่นไปควบคุม เฝ้าบริเวณปีกทัพทั้งสองฝั่งไว้ ส่วนตนนำทัพแปดหมื่นหมุนเวียนเข้าโจมตีประตูเหนือ ประตูเหนือตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย จ้าวเจวี๋ยคอยสั่งการอยู่บนกำแพงเมืองโดยมิได้หลับตานอน ในที่สุดเมื่อทัพต้ายงเหนื่อยล้า กองทัพรักษาการณ์แห่งเมืองฝานก็ลอบโจมตีด้านหลัง ขนาบโจมตีจากทั้งสองฝั่ง หลี่เสี่ยนเห็นกองทัพเสียหายอย่างอนาถจึงจำต้องสั่งถอยทัพ จ้าวเจวี๋ยไล่สังหารไปสามสิบลี้ ทหารต้ายงทั้งบาดเจ็บล้มตายและเหนื่อยล้า สุดท้ายจ้าวเจวี๋ยจึงค่อยถอยทัพกลับ
สองฝ่ายทำศึกกันสามวัน ทัพต้ายงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาดเจ็บล้มตายไปแล้วหกหมื่นกว่า ทหารรักษาเมืองของหนานฉู่มีเจ็ดหมื่น บาดเจ็บล้มตายไปสองหมื่น นับเป็นชัยชนะที่น่าอนาถยิ่ง เมื่อต้ายงถอยทัพ จ้าวเจวี๋ยจึงรีบส่งคนไปรายงานสถานการณ์ต่อราชสำนัก ทั้งยังขอกำลังเสริมอีกด้วย
ตอนนี้ในราชสำนักจ้าวเจียกำลังอ่านจดหมายรายงานของจ้าวเจวี๋ยด้วยความยินดีและหวาดหวั่น เอ่ยปากพูดว่า “ขุนนางทุกท่าน แม้เสด็จอาจะได้รับชัยชนะ ทว่ากองทัพต้ายงมีกำลังเหนือกว่าพวกเราสิบเท่า พวกเราควรทำเช่นไรดี”
ซั่งเหวยจวินตอบไปว่า “ทูลท่านเจ้าแคว้น แม้ครั้งนี้ต้ายงจะฉีกสัญญาพันธมิตร ทว่ากองกำลังของแคว้นเรายังห่างไกลจากต้ายงนัก มิสู้ถือโอกาสนี้ส่งคนไปเจรจาสงบศึกกับต้ายงเถิด”
ทุกคนได้ยินก็พากันตอบรับว่าสมควรเป็นตามนั้น ตอนนี้เองมีคนทูลรายงานว่าทูตที่ส่งไปต้ายงกลับมาแล้ว จ้าวเจียรีบเรียกเขาเข้าเฝ้า ทูตคนนี้ก็คือฝูอวี้หลุน ทั่นฮวาในรัชศกเสี่ยนเต๋อปีที่สิบหกนั่นเอง ตอนนี้เขาทำงานอยู่ในกรมพิธีการ
เขาคุกเข่ารายงานว่า “กระหม่อมถือราชโองการเป็นทูตไปยังต้ายง ยังไม่ทันเข้าเขตต้ายงก็ถูกฉีอ๋องหลี่เสี่ยนสกัดไว้เสียก่อน กล่าวว่าการยกทัพมาโจมตีหนานฉู่คราวนี้ก็เพราะต้องการกำจัดขุนนางชั่วช้าเพื่อองค์จักรพรรดิ นี่คือจดหมายที่ฉีอ๋องมอบให้ท่านเจ้าแคว้นพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวเจียรีบบอกให้ขันทีรับมา อ่านดูอย่างละเอียด ด้านในเขียนเนื้อหาไว้ดังนี้
‘ฉีอ๋องแห่งต้ายงน้อมพบเจ้าแคว้นแห่งหนานฉู่ การยกทัพมาคราวนี้มิใช่เพราะสิ่งอื่นใด ทว่าเต๋อชินอ๋องจ้าวเจวี๋ยมีใจโหดเหี้ยมทะเยอทะยาน ขณะนั่งรักษาการณ์อยู่ที่เซียงหยางก็หมั่นฝึกทหารบำรุงม้า จับจ้องชายแดนต้ายงของข้าไม่วางตา ที่แย่ไปกว่านั้นคือคิดแย่งชิงอาวุธชั้นยอด หากไม่กำจัดคนผู้นี้ต้ายงและหนานฉู่คงไม่อาจสงบได้ตลอดไป ข้าและท่านเจ้าแคว้นเกี่ยวดองเป็นเครือญาติแล้ว จะคิดปองร้ายได้อย่างไร หากไม่เชื่อ โปรดออกราชโองการเรียกเต๋อชินอ๋องกลับราชสำนัก เขาจะต้องหาข้ออ้างสารพัดไม่ยอมรับอย่างแน่แท้ สัญญาแต่เก่าก่อนตัวข้ายังจดจำไว้ในใจ ทว่าคนผู้นี้กุมอำนาจขุนนางมากล้น หากท่านเจ้าแคว้นฟื้นฟูตำแหน่งจักรพรรดิ คนผู้นั้นย่อมใช้ทหารก่อความวุ่นวาย ต้ายงของข้ามิอาจสอดมือเข้าช่วย หากท่านเจ้าแคว้นเรียกทัพกลับ พวกเราสองแคว้นจะปรองดองเช่นวันวาน หากท่านเจ้าแคว้นเชื่อคำให้ร้ายของเขา ข้าจะบุกยึดเอาเจียงหนานของท่านมาให้ได้’
จ้าวเจียอ่านจบพลันรู้สึกหนาวยะเยือกไปทั้งร่าง หากเชื่อก็สงสัยว่านี่อาจเป็นกลยุทธ์ยุแยงให้เจ้าแคว้นและขุนนางเหินห่าง หากไม่เชื่อ ตั้งแต่จ้าวเจวี๋ยกลับมาจากการโจมตีสู่ก็เอาแต่ร้องขอค่าบำรุงกองทัพและเสบียง ทั้งยังอาสาไปรักษาการณ์ที่เซียงหยางด้วยตนเอง ไม่ยอมกลับราชสำนัก หรือจะมีใจคิดคดจริงๆ เมื่อคิดว่าชื่อเสียงบารมีของจ้าวเจวี๋ยเหนือกว่าตนก็อดเกิดจิตริษยาไม่ได้ กล่าวไปเรียบๆ ว่า “เสด็จอาได้รับชัยชนะ สมควรกลับมารับรางวัลที่ราชสำนักได้แล้ว จงออกราชโองการไป เรียกตัวเต๋อชินอ๋องกลับราชสำนัก”
จ้าวเจวี๋ยที่อยู่ไกลถึงจิงเซียงได้รับราชโองการนี้แล้วก็ไม่ยอมกลับ กราบทูลไปว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินของกองทัพ มิอาจกลับราชสำนักชั่วคราว เดิมทีจ้าวเจียมีใจคิดระแวงจ้าวเจวี๋ยอยู่แล้วส่วนหนึ่ง เมื่อเห็นจ้าวเจวี๋ยไม่ยอมกลับก็ยิ่งระแวงหนัก รีบส่งสารเรียกตัวออกไปอีกหลายฉบับ
ตอนแรกจ้าวเจวี๋ยยังอ้างว่าทำศึกอยู่ด้านนอกมิอาจรับราชโองการ ทว่าถ้อยคำในสารของจ้าวเจียยิ่งมายิ่งแหลมคม สุดท้ายแม้แต่ขุนนางในราชสำนักก็ยังเกิดจิตคิดระแวง ด้วยความสิ้นไร้หนทาง จ้าวเจวี๋ยจึงมอบหน้าที่รักษาจิงเซียงให้แก่หรงเยวียน ส่วนตนนำองครักษ์จำนวนหนึ่งกลับเจี้ยนเย่ ขณะที่อยู่ห่างเจี้ยนเย่ไม่กี่สิบลี้ บุรุษผู้มีรูปลักษณ์ธรรมดาผู้หนึ่งก็เข้ามาขวางทางไว้ มอบจดหมายฉบับหนึ่งให้จ้าวเจวี๋ย จ้าวเจวี๋ยเปิดออกอ่าน พบว่าเป็นอักษรงดงามอ่อนช้อยแถวหนึ่ง
‘ท่านไม่กลับมาในคราแรก นับเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง วันนี้กลับมายิ่งเป็นความผิดพลาดมหันต์ ยามนี้ทำได้ทางเดียวคือเปลี่ยนเส้นทางกลับไปจิงเซียง บัญชาทัพด้วยตนเอง’
จ้าวเจวี๋ยอ่านจบก็ทอดถอนใจ นำจดหมายไปเผาทำลาย กล่าวไปว่า “ขอบคุณนายของเจ้าแทนข้าด้วย บอกเขาว่าจ้าวเจวี๋ยมิใช่คนคิดคดทรยศ”
คนผู้นั้นถอยไปเงียบๆ
เมื่อมาถึงเจี้ยนเย่ จ้าวเจวี๋ยก็ไปขอเข้าเฝ้าถึงประตูวังแต่กลับถูกนำตัวไปคุมขังด้วยราชโองการของจ้าวเจีย แม้จ้าวเจวี๋ยต้องการอธิบายสาเหตุที่ตนไม่ยอมกลับแต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใด ในใจของจ้าวเจีย หากมิกลัวฉีอ๋องหลี่เสี่ยนไม่ยอมถอยทัพกลับไปตามสัญญา คงสั่งลงโทษจ้าวเจวี๋ยไปนานแล้ว ขณะที่จ้าวเจวี๋ยอยู่ในคุก จู่ๆ คนในราชสำนักก็พากันถวายฎีกาต้องการให้ประหารจ้าวเจวี๋ยไปเสีย นับว่าจ้าวเจียยังมิได้เลอะเลือนเกินไปจึงปล่อยจ้าวเจวี๋ยออกจากคุก ทำเพียงกักบริเวณชั่วคราว
การถวายฎีการ้องขอให้ประหารจ้าวเจวี๋ยเป็นความคิดของข้า ตั้งแต่ข้าได้รับรายงานจากเฉินเจิ่นว่าจ้าวเจวี๋ยไม่ยอมกลับในการเรียกตัวครั้งแรก ข้าก็คิดวิธีนี้ขึ้นมาแล้ว จ้าวเจวี๋ยเป็นขุนนางซื่อสัตย์ ทั้งยังเป็นคนโง่งม หากเขารีบกลับมาในคราแรก จ้าวเจียย่อมรู้ตัวว่าเป็นการเข้าใจผิด ไม่นานจ้าวเจวี๋ยก็จะได้กลับไปที่เซียงหยาง แต่ในเมื่อตอนแรกไม่ยอมกลับ ทั้งยังกลับมาเอาป่านนี้ ย่อมเป็นการแสดงให้เห็นว่าตัวเองร้อนตัว ต่อให้จ้าวเจียเป็นคนเฉลียวฉลาดเพียงใดก็ยังอดเกิดความระแวงไม่ได้ และข้าคิดว่าจ้าวเจียไม่ได้ฉลาดไปกว่าคนปัญญาอ่อนเท่าใดนัก
หลังจากจ้าวเจวี๋ยถูกกักบริเวณ ข้าก็รู้สึกลำบากใจจริงๆ จากความคิดของข้า หากจ้าวเจวี๋ยออกมาไม่ได้เช่นนี้จึงจะนับว่าดี เช่นนั้นโอกาสที่ข้าต้องการคงมาถึงในไม่ช้า แต่เมื่อคิดว่าจ้าวเจวี๋ยค้ำจุนหนานฉู่อย่างยากลำบากแต่กลับมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่มิอาจอธิบายเช่นนี้ข้าก็ทนไม่ไหวจริงๆ ต่อให้หนานฉู่จะล่มสลายก็สมควรให้คนที่รักและหวงแหนมันพยายามเต็มกำลังเสียก่อน
ด้วยเหตุนี้ข้าจึงเขียนจดหมายให้หรงเยวียน บอกให้เขายุแยงให้ขุนนางถวายฎีกาเรียกร้องให้ประหารจ้าวเจวี๋ย ผู้ส่งสารที่ข้าส่งไปทำงานรวดเร็วยิ่ง ขณะที่จ้าวเจวี๋ยมาถึงเจี้ยนเย่ไม่นาน คนของหรงเยวียนก็มาถึงแล้ว คนของเขาไปกล่าวยุเหล่าคนที่หวาดกลัวต้ายงให้ถวายฎีกา ดีที่จ้าวเจียไม่ได้เลอะเลือนเกินไป เดิมทีเขายังพอมีความเชื่อใจให้จ้าวเจวี๋ยเล็กน้อย เมื่อเห็นคนมากมายต้องการสังหารจ้าวเจวี๋ยกลับทำให้เขาระแวงสงสัยขึ้นมาอีก จึงรักษาชีวิตของจ้าวเจวี๋ยไว้ได้
เขาจะได้กลับเซียงหยางเมื่อใดก็ต้องดูทางต้ายงแล้ว
[1] กุ่ยโหย่ว คือ ปีที่สิบในหกสิบปีของแผนภูมิฟ้า
[2] หยกคุณธรรม หมายถึง เต๋อชินอ๋อง จ้าวเจวี๋ย