ตำนานสุยอวิ๋นยอดกุนซือ - ตอนที่ 39 กลยุทธ์โจมตีหนานฉู่ (2)
หลี่จื้อตอบ “เสด็จพ่อทรงตรัสได้ถูกต้องแล้ว ตอนนี้ฝ่ายทหารของหนานฉู่เละเทะอลหม่านยิ่ง ตามแผนเดิมของลูก สมควรส่งทัพใหญ่เข้าโอบล้อมเพื่อตัดเส้นทางติดต่อระหว่างจิงเซียงและหนานฉู่ ใช้เวลาสองสามปีลดทอนกำลังใจของกองทัพหนานฉู่ แต่ตอนนี้หากให้เวลาพวกเขาเกินไป กองทัพของพวกเขาคงตั้งตัวได้มั่นคงอีกครั้งแน่นอน หากไม่มีเวลาถึงสิบกว่าปีคงไม่อาจโจมตีหนานฉู่ได้อีก หากเสด็จพ่อทรงอนุญาต ลูกอยากเสี่ยงเข้าโจมตีหนานฉู่อีกครั้ง ให้พวกเขาเสียกำลังใจที่จะต่อต้านต้ายงของพวกเราไปเสีย จากนั้นค่อยสยบอำนาจที่คิดต่อต้านไปทีละกลุ่ม แม้ทำเช่นนี้จะยืดเยื้อ แต่ลูกรับประกันว่าจะรวมหนานฉู่เข้ามาอยู่ใต้อำนาจของต้ายงได้ภายในสามปีแน่นอน จากนั้นก็ใช้เวลาอีกยี่สิบปีฟื้นฟูขวัญกำลังใจราษฎร เสด็จพ่อคิดเห็นเช่นไร”
หลี่หยวนฟังความหมายในคำพูดของหลี่จื้อออก ตามความคิดของเขา แผนการที่สมบูรณ์ที่สุดย่อมเป็นการสยบหนานฉู่ในการโจมตีเดียว ทว่าตอนนี้ดูแล้วหนานฉู่ยังมีความสามารถ หากต้องการพิชิตหนานฉู่ภายในสามปี แม้ต้องแลกมาด้วยความวุ่นวายอีกหลายสิบปี แต่คงไม่ส่งผลกระทบอันใดกับสถานการณ์ในจงหยวน ยิ่งไปกว่านั้น ถึงตอนนั้นตนก็ไม่จำเป็นต้องกังวลแล้ว ความปรารถนาที่จะสร้างผลงานยิ่งใหญ่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของหลี่จื้อ
จี้กุ้ยเฟยมีแววอำมหิตปรากฏในดวงตา นางรู้ว่าทำเช่นนี้เจียงหนานจะวุ่นวายไปอีกหลายปี ราษฎรจะทุกข์ทนแสนสาหัส ทว่านางกลับมิได้ขัดขวางเพราะรู้ดีว่าหลี่หยวนตัดสินใจแล้ว นางรู้สึกว่าการตัดสินใจของเจ้าสำนักถูกต้องแล้วจริงๆ แม้ยงอ๋องเก่งกล้ามองการณ์ไกล ทว่าเมื่อเทียบกันแล้วหลี่อันที่ธรรมดาสามัญเหมาะเป็นจักรพรรดิต้ายงมากกว่า
เมื่อหลี่หยวนเห็นด้วย หลี่จื้อจึงเสนอแผนการอย่างละเอียดอีกครั้ง จากข่าวกรองที่ได้รับ ตอนนี้กองทัพหนานฉู่ถูกแบ่งกองกำลังเป็นส่วนๆ เพราะต้องทำสงครามกับต้ายง หนานฉู่เพิ่มกำลังป้องกันที่สู่จง เพื่อมิให้ต้ายงบุกทำลายสู่จงแล้วลัดเลาะมาทางแม่น้ำ เซียงหยางถูกโจมตีสองครั้งสองคราว สูญเสียกำลังทหารอย่างน่าอนาถสาหัสสากรรจ์ กรมกลาโหมของหนานฉู่ดิ้นรนหลายครั้งเพื่อเสริมกำลังทหาร ทั้งยังเพิ่มแนวป้องกันบริเวณแม่น้ำฉางเจียงอย่างช้าๆ ด้วย เรียกได้ว่าหนานฉู่ในตอนนี้นอกแข็งแกร่งในแห้งเหี่ยวโดยแท้
หลี่จื้อเสนอว่าแรกเริ่มให้ปิดล้อมโจมตีบริเวณสู่จงและเซียงหยางพร้อมกัน ให้หนานฉู่หันไปสนใจสถานการณ์การศึกในพื้นที่ทั้งสองก่อน จากนั้นเขาจะนำทัพม้าชั้นยอดบุกทำลายบริเวณแม่น้ำฉางเจียงเพื่อเข้าสู่เจี้ยนเย่ หากว่ากันตามปกติคงต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะตีเมืองเจี้ยนเย่ได้ ในเวลาหลายเดือนนี้ เมื่อเจี้ยนเย่ซึ่งเป็นที่ประทับของเจ้าแคว้นถูกคุกคาม เหล่าขุนพลย่อมมีเวลามากพอที่จะนำทัพหนานฉู่เข้าช่วย ตัดทางถอยของหลี่จื้อ
ทว่าตอนนี้เจี้ยนเย่ว่างเปล่า สะดวกให้ต้ายงเคลื่อนไหวภายในเจี้ยนเย่ หลี่จื้อมั่นใจว่าจะทำลายเจี้ยนเย่ได้ในเวลาไม่กี่วัน จากนั้นก็จับกุมราชนิกุลแหละขุนนางแห่งหนานฉู่กลับไปต้ายงเสีย เมื่อถึงตอนนั้น หนานฉู่จะกลายเป็นมังกรไร้หัว เมืองหลวงก็ถูกทำลายจนย่อยยับ เจ้าแคว้นก็ถูกจับกุม มากเพียงพอที่จะทำลายขวัญกำลังใจของหนานฉู่แล้ว ต่อให้พวกเขาแต่งตั้งเจ้าแคว้นพระองค์ใหม่ขึ้นมาก็ยากจะต่อต้านต้ายงอีกครั้ง จากนั้นต้ายงก็ใช้ชื่อจ้าวเจียมาสยบเจียงหนานเสีย กลยุทธ์นี้ แม้การปฏิบัติจริงจะต้องเสียเวลารวบรวมและปกครองเจียงหนานอยู่บ้าง ทั้งยังอาจมีปัญหาในอนาคตมากมาย แต่หลี่หยวนอยากให้หนานฉู่ยอมสวามิภักดิ์เร็วๆ มากกว่า ดังนั้นจึงเห็นด้วย
แม้หลี่อันไม่มีอัจฉริยภาพด้านการทหารก็ยังทราบว่าจะมีปัญหาตามมามากมาย แต่หากปล่อยให้หลี่จื้อโจมตีหนานฉู่จนคว้าชัยได้อย่างสง่างามจริงๆ เช่นนั้นตำแหน่งผู้สืบทอดบัลลังก์ของตนคงไม่มั่นคงแล้ว ด้านหลี่เสี่ยน เขาโจมตีหนานฉู่แต่กลับพ่ายแพ้ ใจจึงคิดว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้อาจกู้หน้าของตนกลับมาได้บ้าง ดังนั้นทั้งสองจึงมิได้คัดค้าน
แม้เว่ยกั๋วกงเฉิงซูและแม่ทัพฟู่หย่วนฉินอี๋จะไม่เห็นด้วย แต่พวกเขาก็เข้าใจความนัยอันลึกซึ้งของแผนการ ดังนั้นต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ เมื่อเป็นเช่นนี้แผนการโจมตีหนานฉู่ที่ถูกคนรุ่นหลังวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สอดคล้องกับพิชัยสงครามก็ถูกตัดสินราบรื่นไปเช่นนี้เอง นอกจากหลี่จื้อและสืออวี้แล้ว ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเป้าหมายหลักของหลี่จื้อก็คือการได้ตัวเจียงเจ๋อเพียงคนเดียว
เมื่อทุกคนหารือจนได้ความ หลี่หยวนจึงถอนปัสสาสะ “จื้อเอ๋อร์ เจ้าโจมตีเจี้ยนเย่คราวนี้ ต้องทำให้แน่ใจว่าฉางเล่อจะปลอดภัย ต้องพานางกลับมาโดยไร้อันตรายให้ได้ นางเสียสละเพื่อต้ายงมากมายเหลือเกิน เจิ้นผิดต่อนางแล้ว”
หลี่จื้อทอดถอนใจเบาๆ องค์หญิงฉางเล่อเป็นธิดาสุดที่รักของเสด็จพ่อ จ่างซุนกุ้ยเฟยที่เป็นพระมารดาของนางขึ้นชื่อเรื่องคุณธรรมน้ำใจ ส่วนฉางเล่อก็มีนิสัยอ่อนโยน ดังนั้นนางจึงได้รับความโปรดปรานจากเสด็จพ่อมากที่สุด
เมื่อปีนั้น หลี่เสียนองค์ชายสี่ซึ่งเป็นโอรสแท้ๆ ของจ่างซุนกุ้ยเฟยปกป้องหลี่หยวนจากการถูกลอบสังหารจนตัวตาย องค์ชายเจ็ดหลี่จิ้นก็ตายตั้งแต่เยาว์วัย ดังนั้นเสด็จพ่อจึงปลอบใจจ่างซุนกุ้ยเฟยด้วยการรับปากว่าจะให้องค์หญิงฉางเล่อเลือกพระสวามีด้วยตนเอง ทว่ายามที่องค์หญิงฉางเล่อมีคนในใจแล้ว เสด็จพ่อกลับพระราชทานสมรสให้นางเพียงเพราะต้องการสานสัมพันธ์กับหนานฉู่ เสด็จพ่อถึงกับรับสั่งให้ฉางเล่อแต่งกับจ้าวเจียรัชทายาทแห่งหนานฉู่
ยามนั้นจ่างซุนกุ้ยเฟยร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าเสด็จพ่อ กล่าวว่าจะช้าจะเร็วต้ายงและหนานฉู่ก็ต้องขัดแย้งกัน หากฉางเล่อแต่งไป อนาคตจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร
ทว่าเสด็จพ่อยังคงตัดสินใจเช่นนั้น จวบจนวันนี้ หลี่จื้อมิอาจลืมแววตาสิ้นหวังยามอำลาขององค์หญิงฉางเล่อได้เลย แม้เขาจะจัดแจงอย่างชาญฉลาดโดยให้สตรีต้ายงแย่งชิงความโปรดปรานจากจ้าวเจียเพื่อมิให้องค์หญิงฉางเล่อมีใจรักผูกพันกับจ้าวเจียมากเกินไปก็ยังคงเจ็บปวดใจสุดเปรียบยามทราบว่าองค์หญิงฉางเล่อประทับอยู่ที่ราชนิเวศน์ ใช้ชีวิตราบเรียบมาโดยตลอด และเมื่อทราบว่ายามองค์หญิงฉางเล่อตั้งครรภ์ นางตัดสินใจทำแท้งบุตรของตนอย่างเด็ดขาด หลี่จื้อก็รู้สึกเหมือนตนเห็นความสิ้นหวังโศกเศร้าของฉางเล่ออีกครั้ง นางรู้ดีว่าหากเด็กคนนี้เกิดมาจะต้องเผชิญความยากลำบากอย่างไร ดังนั้นจึงตัดสินใจเช่นนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลี่จื้อจึงกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “เสด็จพ่อโปรดวางพระทัย คราวนี้ลูกต้องรับน้องกลับมาให้ได้ น้องเสียสละมากมายเพื่อต้ายงของเรา ลูกจะทำให้นางปลอดภัย รับตัวนางกลับมารับใช้เสด็จพ่ออีกครั้งแน่นอน”
หลี่หยวนถอนปัสสาสะ “เมื่อรับกลับมาแล้ว ผ่านไประยะหนึ่งเจิ้นจะหาสามีคนใหม่ให้นาง เพื่อมิให้นางเป็นหม้ายตั้งแต่ยังเยาว์เช่นนี้”
ทุกคนลังเล กระทั่งเหวยกวนเอ่ยขึ้นว่า “แม้ฝ่าบาทจะมีเจตนาดี แต่หากจ้าวเจียยังตกเป็นเชลยและเรายังต้องใช้ชื่อของเขาอีกระยะหนึ่ง รวมถึงตอนนี้องค์หญิงเป็นพระมเหสีของเจ้าแคว้นแห่งหนานฉู่ หากฝ่าบาทเลือกสามีใหม่ให้องค์หญิง ราษฎรหนานฉู่ต้องเกลียดชังต้ายงเป็นแน่”
หลี่หยวนบันดาลโทสะขึ้นมาโดยพลัน “จะให้ธิดาขอเจิ้นทนขมขื่นไปตลอดชีวิตหรือ”
เหวยกวนหุบปาก ในความคิดของเขาองค์หญิงฉางเล่อจะมีความสุขหรือไม่ย่อมไม่สำคัญ แต่คำพูดนี้เขาไม่กล้าพูดเป็นอันขาด
หลี่อันกล่าวประนีประนอม “เสด็จพ่อ ท่านอัครมหาเสนาบดีกล่าวได้มีเหตุผล มิสู้เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ พวกเราก็เลือกสามีดีๆ ให้น้องก่อน ให้พวกเขาหมั้นหมายกันลับๆ เมื่อผ่านไปอีกหลายปี ยามสถานการณ์ในหนานฉู่สงบแล้ว จ้าวเจียไม่มีประโยชน์อันใดอีก ค่อยจัดพิธีแต่งงานให้น้องตามประเพณีอีกครั้ง”
หลี่หยวนพยักหน้า “เอาตามนี้แล้วกัน เรื่องนี้อย่าได้ประกาศออกไปชั่วคราว รอให้ฉางเล่อกลับมาก่อนค่อยว่ากัน เอาละ เจิ้นล้าแล้ว พวกเจ้าออกไปเถิด”
หลี่อัน หลี่จื้อ หลี่เสี่ยน เหวยกวน เฉิงซู และฉินอี๋ต่างลุกขึ้นคารวะอำลา ส่วนจี้กุ้ยเฟยประคองหลี่หยวนออกจากห้องทรงพระอักษร ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันออกไป หลี่เสี่ยนมิได้ไปกับหลี่อัน กลับจงใจรั้งฝีเท้าพูดกับหลี่จื้อว่า “พี่รอง ท่านคิดว่าเจียงเจ๋อจะยอมสวามิภักดิ์กับท่านแน่นอนแล้วหรือ”
หลี่จื้อกล่าวเรียบๆ “ทำไม น้องหกก็อยากรั้งเขาไว้อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือ”
หลี่เสี่ยนกล่าวด้วยท่าทีพร้อมขัดแย้งเต็มที่ “พี่รอง เจียงเจ๋อผู้นั้น เพียงได้พบข้าก็รู้สึกถูกชะตาแล้ว ขุนนางทั้งบุ๋นบู๊ใต้บัญชาท่านมีมากมายดุจขนวัว เจียงเจ๋อผู้นี้ก็มอบให้ข้าเถิด”
หลี่จื้อหัวเราะเบาๆ “เจ้าคิดว่าหากเขาไม่เข้าร่วมกับข้าแล้วจะเข้าร่วมกับเจ้าหรือ”
หลี่เสี่ยนตอบ “ข้าว่าเจ้าหนุ่มนี่รู้กาลเทศะดียิ่ง หากเขายอมเข้าร่วมกับข้า ข้าจะคารวะเขาเป็นอาจารย์ เชื่อฟังแผนการของเขาทั้งหมด เขาต้องรับปากเป็นแน่ เพียงพี่รองอย่ามาแย่งชิงกับข้าเป็นพอ”
หลี่จื้อยิ้มเจื่อนๆ คิดไม่ถึงว่าหลี่เสี่ยนจะเคารพผู้อื่นเพียงนี้ เขายังไม่อยากขัดแย้งกับหลี่เสี่ยนจึงพูดไปว่า “ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเขาจะยอมสวามิภักดิ์กับต้ายงหรือไม่ พวกเราแข่งกันเร็วไปแล้ว จริงสิ เจ้ากับแม่นางฉินจะแต่งงานกันเมื่อใด”
หลี่เสี่ยนยิ้มตอบ “ข้าไม่รีบ แต่จะอย่างไรก็กำหนดไว้แล้ว อาจารย์และท่านพ่อของฉินเจิงหวังให้ข้ารีบแต่งเสียหน่อย จึงคิดว่าจะจัดงานแต่งเดือนหน้า”
หลี่จื้อยิ้ม “เช่นนั้นข้าคงกลับมาไม่ทัน เจ้าล่ะ ยืดเยื้อเวลาผู้อื่นมาหลายปี ทำให้แม่นางฉินต้องรอแล้ว”
หลี่เสี่ยนหัวเราะ “หากมิใช่ว่าจี้กุ้ยเฟยเร่งรัดให้เสด็จพ่อออกราชโองการ ข้ายังคิดรอต่อไปด้วยซ้ำ สาวงามด้านนอกมากมายปานนั้น ไม่ว่าไปที่ใดก็ได้พบพาน หลิ่วเพียวเซียงที่ข้าเคยพบในหนานฉู่คราวที่แล้วก็เป็นสตรีงามพิลาสแต่กำเนิดคนหนึ่ง หากมิใช่เพราะฉินเจิงข้าคงได้มาอยู่ในมือแล้ว พี่รอง ไปหนานฉู่คราวนี้ หากไม่รังเกียจท่านก็ไปดูนางหน่อยเถิด นับเป็นคนงามมีหนึ่งไม่มีสองจริงๆ สตรีปลอมเปลือกอย่างเหลียงหวั่นยังเทียบนางไม่ได้ด้วยซ้ำ เป็นสตรีแท้ๆ วุ่นวายเรื่องแว่นแคว้นประชาชนไปทำไมกัน”
หลี่จื้อยิ้มรับ “เอาละ ข้าจะไปบอกน้องสะใภ้ว่าเจ้าดูแคลนนาง” หลี่เสี่ยนจึงรีบกล่าวขออภัยเป็นการใหญ่
แม้ใบหน้าของหลี่จื้อจะประดับไปด้วยรอยยิ้ม ทว่าในใจกลับหนาวยะเยือกดุจน้ำแข็ง ตอนนี้หลี่อันได้รับการสนับสนุนจากสำนักเฟิงอี้ ทั้งยังมีหลี่เสี่ยนคอยช่วยเหลือ หากหลี่เสี่ยนโตกว่านี้ หลี่อันคงประจันหน้ากับตนได้อย่างเท่าเทียมแล้ว มิใช่อาศัยอำนาจของเสด็จพ่อเช่นนี้ เมื่อคิดว่านับวันตนก็ยิ่งตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย หลี่จื้อจึงตัดสินใจเด็ดเดี่ยวว่าจะต้องเอาตัวเจียงเจ๋อมาให้ได้ เขาต้องการผู้ช่วยที่จะช่วยทำลายอุปสรรคเหล่านี้
รัชศกจื้อฮวาปีที่หนึ่งเดือนเก้า ยงอ๋องหลี่จื้อเสนอแผนสยบหนานฉู่ นำทัพสี่แสนลงใต้ จิงเซียงสั่นสะท้าน
…พงศาวดารฉู่ราชวงศ์หนาน บันทึกฉู่มลาย